Entertainment

SNOWPIERCER จากภาพยนตร์สู่ซีรีส์ชนชั้นบนรถด่วนขบวนเอาชีวิตรอด

By: unlockmen June 20, 2020

Snowpiercer เป็นชื่อขบวนรถไฟที่มีจำนวนโบกี้ 1,001 ตู้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับยุคน้ำแข็งใหม่ของโลก ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของโครงการแก้ปัญหาโลกร้อน การปล่อยสารเคมีชื่อ CW-7 สู่ชั้นบรรยากาศของโลก กลับทำให้โลกกลายเป็นหนาวเย็นอุณหภูมิติดลบ 80 องศา อารมณ์คล้ายเรือโนอาห์ในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 6 ก่อนที่พระเจ้าได้ลงโทษมนุษย์ด้วยการทำให้น้ำท่วมโลก แต่ก็ได้สร้างเรือโนอาห์ไว้เพื่อส่งต่อการดำรงค์เผ่าพันธุ์ของเหล่าสรรพสัตว์

ความแตกต่างกันอยู่ที่การคัดเลือกผู้รอดชีวิตที่จะได้สิทธิ์ขึ้นมาเป็นผู้โดยสารของขบวนรถไฟ Snowpiercer นั้นจะต้องใช้เงินซื้อตั๋วเพื่อทำให้เขาและครอบครัวกลายเป็นมนุษย์กลุ่มสุดท้ายบนรถไฟที่วิ่งวนรอบโลกอย่างไม่มีวันหยุด

เมื่อกฎเกณฑ์ในการคัดเลือกขึ้นอยู่กับจำนวนทรัพย์สิน ผู้คนที่จะสามารถขึ้นรถไฟขบวนนี้ จึงเป็นชนชั้นนำที่มีทรัพย์สินมากพอที่จะมาเป็นผู้โดยสารรถด่วนขบวนนี้ เมื่อข่าวกระจายออกไป ก่อนขบวนรถไฟจะออกจากชานชาลาก็เกิดการจลาจลขึ้น เหล่าคนผู้คนรวมกลุ่มกันพยายามจะขึ้นรถไฟขบวนนี้เพื่อเอาชีวิตรอดบางกลุ่มสามารถขึ้นรถไฟมาได้แต่ก็ต้องถูกจำกัดพื้นที่ และคุณภาพชีวิตแบ่งเป็นชนชั้นต่าง ๆ ตู้โดยสารชั้น 1 ชั้น 2 … ชั้น 3 และกลุ่มคนที่ไม่มีตั๋วขึ้นรถไฟเรียกว่าพวกท้ายขบวน

เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อระบบของรถไฟถูกแบ่งแยกเป็นชนชั้นต่าง ๆ คุณภาพชีวิต และสิทธิ์ที่จะได้รับของแต่ละชนชั้นจึงไม่เท่าเทียมกัน ทำให้พวกกลุ่มท้ายขบวนมีความคิดลุกฮือเพื่อก่อการกบฎและยึดครองส่วนหัวรถจักร นำไปสู่เรื่องราวการต่อสู้เพื่อสิทธิ์ความเป็นคนและตั้งคำถามกับระบบในรถไฟขบวนนี้ เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญกับวิกฤตกาลครั้งใหญ่ คนที่มีทรัพยากรมากพอย่อมมีโอกาสเอาชีวิตรอดมากกว่าคนที่ไม่พร้อม

ทุกคนพร้อมจะดิ้นรนเพื่อให้เราและครอบครัวได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น แม้ว่าจะยากลำบากสักเพียงไหน หรือต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม

พล็อตที่ว่ามานี้มากจากผลงาน Graphic Novel เรื่อง Le Transperceneige (1982) นิยายภาพสัญชาติฝรั่งเศสของ Jacques Lob ที่เคยถูกนำมาสร้างเป็นหนังมาแล้วครั้งหนึ่งในปี ค.ศ.2013โดย บอง จุน โฮ (Bong Joon-ho) ผู้กำกับ Parasite ที่มักจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมของชนชั้นในสังคมมาถ่ายทอดในผลงานของเขาได้อย่างสนุกสนาม แสบสัน จนกลายเป็นลายเซ็นของภาพยนต์แทบจะทุกเรื่องของเราเลยก็ว่าได้

ในเวอร์ชั่นภาพยนต์ บอง จุน โฮ (Bong Joon-ho) ทำให้เราเราได้เห็นตอนจบของขบวนรถไฟสายนี้ และทิ้งสัญลักษณ์ต่างๆให้เราได้เอามาขบคิดกันต่อให้ปวดหัวเล่นๆ แต่ในปีนี้ 2020 เรื่องราวของชนชั้นบนขบวนรถไฟของมนุษย์กลุ่มสุดท้ายถูกนำกลับมาขยี้ remake ใหม่อีกครั้งในรูปแบบของซีรี่ย์จากค่าย Netflix โดย Graeme Manson และยังได้ บอง จุน โฮ (Bong Joon-ho) คนดีคนเดิมนั่งแท่นเป็น Executive Producer ในโปรเจ็คฟอร์มยักษ์นี้



หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องนึงที่เราชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เมื่อถูกนำกลับมาเป็นซีรี่ย์จึงไม่รีรอที่จะติดตามอย่างแน่นอน…หลังดูไป 3 Episode ก็ต้องบอกเลยว่า มันทำได้ดีมากเหมือนเดิม!!! การที่ผู้กำกับเลือกที่ใช้โทนของซีรี่ย์แนวสืบสวนสอบสวน และการนำเสนออาทิตย์ละ 1 ตอน ทำให้เราได้เห็นมิติของตัวละครแต่ละตัว มิติของชนชั้น และรายละเอียดต่าง ๆ ของแต่ละโบกี้ในรถไฟมากยิ่งขึ้น ความสมจริงของระบบนิเวศ บทพูดที่ทำให้เราจินตนาการได้ถึงการหมุนเวียนทรัพยากร การหมุนเวียนพลังในรถไฟ ทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตามใน Episode ต่อๆไป

ยิ่งดู ยิ่งติด ยิ่งคิด ยิ่งวนเวียนในหัว สถานการณ์ในซีรี่ย์กลับมีความละม้ายคล้ายคลึงกับเหตการณ์ปัจจุบัน

แม้ว่าในเรื่องจะเป็นโลกอนาคตแนว Dystopia ที่ดูแล้วน่าจะไกลตัวจากโลกปัจจุบันของเรา แต่ถ้าตัดเงื่อนไขบางอย่างออกไป จะเห็นว่าในปี ค.ศ.2020 พวกเราก็กำลังต่อสู้กับสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งเป็นวิกฤตโลกครั้งใหญ่ ไม่ว่าเป็นใครทุกคนทุกชนชั้นย่อมได้รับผลกระทบกับโลกระบาดและเศรษฐกิจ คนชั้นล่างต้องค้นหาวิธีการเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ ส่วนคนมั่งมีก็ใช้ชีวิตจิบไวน์ต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทรัพย์สินที่มีเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถดำรงค์อยู่ในฐานะมนุษย์กลุ่มสุดท้าย แต่มันก็ทำให้ต้องถามกลับไปว่าทำไมกับคนบางคนถึงไม่มีโอกาสจะหาทรัพย์สินมาเก็บไว้กับตัวเพื่ออยู่รอดแบบคนอื่น ๆ ความแตกต่างคืออะไร หรือ…เป็นที่ชนชั้น แล้วชนชั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ขอให้คุณผู้อ่านสนุกกับการหาความสุขเล็กๆน้อยๆ 🙂

 


 

Contributor: Mr. Setthawuth komarakul na nakohn

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line