Life

STAGE OF CHANGING : การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย 6 ขั้นที่ต้องเจอ เมื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่

By: unlockmen August 15, 2018

ทุกการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งต้องต่อสู้กับนิสัยเดิม ๆ ต่อสู้กับความเคยชินของตัวเอง เสียงวิจารณ์ของคนรอบข้าง และอย่างอื่นอีกมากที่จะมาเป็นแบบทดสอบให้เราก้าวข้ามไป UNLOCKMEN จะพามาดูว่า กว่าเราจะเปลี่ยนนิสัยของเราได้นั้น เราจะต้องเจอกับสภาวะ 6 ขั้นตอน มาดูกันว่าเราเข้าใกล้ความสำเร็จไปถึงขั้นไหนแล้ว อาจจะทำให้เราท้อ สับสน แต่เราอยากให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นปกติของการเปลี่ยนแปลง 

Stage 1: ทบทวนเรื่องที่ผ่านมาและสิ่งที่กำลังจะทำ

ขั้นตอนนี้ต่างคนอาจจะใช้เวลาในช่วงนี้ต่างกัน เพราะมันเป็นช่วงที่เราต้องใช้ความคิด ทบทวนว่าก่อนหน้านี้เราทำอะไรมาบ้าง อะไรที่เป็นจุดผิดพลาดที่จะต้องจัดการ อาจจะเป็นช่วงที่เราละล้าละลัง เอาอดีตมาชั่งน้ำหนักกับปัจจุบัน และนึกถึงอนาคตว่าถ้าต้องเปลี่ยนไปจริง ๆ เราจะทำมันได้มั้ย เราจะยอมรับผลของมันได้มากน้อยแค่ไหน 

แม้ขั้นนี้จะดูเป็นนามธรรม อยู่ในขั้นตอนของความคิด แต่นั่นก็ช่วยทำให้เราตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังจะเกิดขึ้นไว ๆ นี้แล้ว

Stage 2: วางแผน

เป็นขั้นตอนต่อจากขั้นที่แล้วแบบชัดเจน หลังจากไตร่ตรองเรื่องที่ผ่านมาจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว พอเห็นภาพรวมทุกอย่างว่าเรากำลังจะทำอะไร ทีนี้ดึงมันออกมาเป็นก้อนใหญ่ แตกแขนงออกมาว่าเราจะแก้ยังไง วิธีไหน ทำให้เราเห็นภาพรวมว่าเราต้องก้าวไปจุดไหนบ้าง และจะจัดการทุกอย่างง่ายขึ้นเยอะ

แม้จะฟังดูง่าย ๆ แต่ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่พบว่าคนเรามักจะผัดวันประกันพรุ่งมากที่สุด เพราะมันถึงเวลาที่เราต้องลงสนามจริง ๆ แล้ว ต้องลงมือวางแผนแล้วว่าเราต้องเล่นเกมยังไง เคล็ดลับที่จะทำให้ขั้นตอนนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นคือ “เชื่อในตัวเอง” ว่าเราจะทำได้ เราจะเปลี่ยนแผนในหัวให้กลายเป็นสิ่งที่เราเชื่อและลงมือทำได้จริง ๆ 

Stage 3: เตรียมตัว

วางแผนเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราคงพอจะรู้แล้วว่าเราต้องเตรียมอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง เช่น ถ้าเราตั้งใจว่าจะออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ขั้นตอนนี้คือขั้นตอนของการเตรียมเสื้อผ้า หายิม หาเทรนเนอร์ วางแผนการกิน อะไรพวกนี้ นั่นก็คือการเอาแผนมาลงมือทำจริง ๆ ซึ่งขั้นตอนนี้เราต้องพิถีพิถันพอสมควร ทั้งแผนที่รอบคอบและอุปกรณ์ที่ครบครัน เราควรต้องเตรียมตัวทุกอย่างให้พร้อมตั้งแต่ขั้นตอนนี้ ขั้นตอนต่อไปถึงจะทำได้อย่างไม่ติดขัด

Stage 4: ลงมือทำ

อะไรที่คิดไว้ในแผน ลงมือทำซะ ลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรื่องของวิธีการนั้นมันค่อนข้างเป็นปัจเจก เหมือนกับเป้าหมายที่ทำนั่นแหละ เป้าหมายต่างกัน วิธีย่อมต่างกัน บางคนเป้าหมายเดียวกัน อาจจะมีวิธีที่ต่างกันก็ได้ แต่สิ่งที่ทุกคนต้องทำคือ ลงมือทำแบบจริงจัง ไม่ผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไปแล้ว ทุ่มเทความสนใจกับมันให้มากเหมือนกับตอนที่วางแผนเอาไว้ เพราะจะเห็นผลลัพธ์มากน้อยแค่ไหนก็อยู่ที่จุดนี้นี่แหละ

ในขั้นนี้คนรอบข้างเราจะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเราแล้ว ซึ่งอาจจะใช้เวลามากหรือน้อยกว่าที่คิดไว้ นั่นไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือทำให้มันสำเร็จก็พอ ทั้งนี้กำลังใจจากคนรอบข้าง และความเชื่อมั่นใจตัวเองเป็นส่วนสำคัญทีจะช่วยผลักดันให้เราไปต่อได้จนจบแผน

Stage 5: ทำต่อหรือพอแล้ว

หลังจากที่ได้ลงมือทำไปแล้ว มาดูกันว่าพอเปลี่ยนตัวเองแล้ว เราดีขึ้นแค่ไหน เป็นอย่างที่เราคิดมั้ย ที่สำคัญคือเราพอใจกับผลที่ได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ามันมากพอให้เราอยากทำแบบนี้ต่อไป ก็ทำไปเรื่อย ๆ แต่ถ้ารู้สึกว่ามันไม่เวิร์คเอาซะเลย ก็หยุดทำซะ ถ้ารู้สึกว่าทำต่อแล้วมันไม่คุ้มกับแรงและเวลาที่เสียไป 

การเปลี่ยนแปลงที่ดีคือต้องทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น เห็นผลมันจริง ๆ และจะดียิ่งกว่านั้นคือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เรารู้สึกพอใจกับมันด้วย บางครั้งมันดีขึ้น แต่ตัวเราเองไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จเมื่อถึงเส้นชัย นั่นอาจทำให้เรารู้สึกเวลาด้วยซ้ำ ถ้าหากเรารู้สึกพอใจกับมัน นั่นแหละเราถึงจะรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่เราทำลงไป

Stage 6: เส้นชัยมาถึงแล้ว

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมาถึงตรงนี้ได้ หากเรายอมแพ้ไปตั้งแต่ขั้นต้น ๆ หรือขั้นที่ 5  เราเลือกที่จะไม่ไปต่อ นั่นก็ไม่ผิด แต่เท่ากับว่าเราไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นหลักของขั้นตอนนี้คือการที่เราเริ่มมีนิสัยใหม่ได้ เลิกนิสัยเก่าไปแบบสิ้นเชิง นั่นแหละรางวัลของเราเมื่อถึงเส้นชัยนี้

ทุกครั้งที่เราเติบโตขึ้นในแต่ละวัน เราสั่งสมประสบการณ์ ทางกายภาพ ทางความคิด ไปเรื่อย ๆ จนพบว่าตัวเองคนเก่าที่เคยเป็นมา ไม่ใช่คนที่เจ๋งที่สุดที่เราทำได้ พอเรารู้ศักยภาพตัวเองว่าทำได้มากกว่านั้น หรือพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในตอนนั้น เท่ากับว่าเราเริ่มเปลี่ยนตัวเองในทางใดทางหนึ่งแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง การที่เรารู้ตัวว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ถือว่าเราได้ก้าวข้างหน้าไปก้าวนึงแล้ว 

SOURCE

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line