World

‘STAN LEE’ จากครอบครัวผู้อพยพสู่ผู้สร้างจักรวาล MARVEL ที่มอบความบันเทิงและแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก

By: PERLE November 13, 2018

Marvel Cinematic Universe หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า MCU คือหนึ่งในเฟรนไชส์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการภาพยนตร์มาอย่างยาวนานนับ 10 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ Iron Man เข้าฉาย ต่อจากนั้นคือตำนาน MCU ขยายจักรวาลภาพยนตร์ของพวกเขาให้ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เปลี่ยนซูเปอร์ฮีโร่และวายร้ายจากรูปแบบ 2 มิติในฉบับคอมมิคสู่ตัวละครที่มีชีวิตจิตใจจริง ๆ ในจอเงิน กวาดเงินจากผู้ชมทั่วทั้งโลกหลายพันล้านเหรียญ

แต่นี่เป็นเพียงแค่ตอนท้าย ๆ ของเรื่องราวทั้งหมดเท่านั้น เพราะถ้าจะพูดถึงจุดเริ่มต้นของจักรวาลที่ยิ่งใหญ่นี้เราต้องย้อนไปกว่า 70 ปีที่แล้ว และหนึ่งในชายผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างจักรวาล Marvel ให้ประสบความสำเร็จมีชื่อว่า ‘Stan Lee’ ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวชีวิตของเขากัน

From Romania to New York

เช่นเดียวกับผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ Stan Lee หรือชื่อเต็ม Stanley Martin Lieber เกิดในครอบครัวผู้อพยพชาวโรมาเนียเชื้อสายยิวที่ย้ายมาตั้งรกรากถิ่นฐานในมหานครนิวยอร์กเมื่อปี 1922 ซึ่งทุกคนก็น่าจะพอรู้กันว่าคุณภาพชีวิตของผู้อพยพนั้นไม่ได้ดีเท่าไรนักถึงแม้จะเป็นยุคปัจจุบันก็ตาม และยิ่งถ้าเป็นเมื่อ 90 กว่าปีที่แล้วการจะได้กินดี อยู่ดี มีสุขนั้นแทบจะลืมไปได้เลย

เด็กชาย Stan Lee อาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ ร่วมกับพ่อซึ่งมีอาชีพเป็นช่างเย็บผ้าในโรงงาน แม่ และน้องชาย รวมทั้งหมด 4 ชีวิตในพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตร

ความยากลำบากของชีวิตและฐานะการเงินที่ขัดสนบังคับให้ Stan Lee ต้องรับจ้างทำงานต่าง ๆ ตั้งแต่เด็กเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ไม่ได้มีชีวิตแตกต่างจากเด็กในครอบครัวยากจนคนอื่น ๆ สิ่งเดียวที่ Stan Lee พิเศษกว่าคนอื่นคือเขาเป็นคนรักการอ่านเข้าเส้น เรียกได้ว่าอ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า และปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือกุญแจดอกสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคตของเขา

As Luck Would Have It

การจะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น บางครั้งสิ่งที่จำเป็นต้องมีไม่น้อยกว่าฝีมือหรือพรสรวรรค์เลยก็คือโชคชะตาที่เป็นใจ ซึ่งสิ่งนี้ Stan Lee มีอยู่เต็มเปี่ยม

หลังจากเรียนจบระดับมัธยมปลายด้วยผลการเรียนดีเยี่ยม โชคชะตาก็นำพา Stan Lee ให้ได้เข้าทำงานที่ Timely Comics ซึ่งเป็นชื่อแรกเริ่มของ Marvel Comics ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั่นเอง

ถึงแม้ Stan Lee จะใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่รักการอ่านอย่างเขา แต่ตำแหน่งแรกของเขาใน Timely Comics ไม่ได้ใกล้เคียงกับการเป็นนักเขียนเลยแม้แต่น้อย ออกแนวเป็นเสมียนที่ทำตามคำสั่งทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนกระทั่งวันหนึ่งด้วยอะไรบางอย่างทำให้ Stan Lee จับพลัดจับผลูได้จับปากกาเขียนคอมมิคครั้งแรกในซีรีส์ที่ชื่อว่า ‘Captain America Foils the Traitor’s Revenge’ 

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะได้จับงานเขียนแล้วบ้าง แต่ Stan Lee ก็ยังไม่ได้เป็นนักเขียนเต็มตัว จนกระทั่งในปี 1941 หลังจากทำงานกับ Timely Comics มา 2 ปีเต็ม Joe Simon และ Jack Kirby นักเขียนคนสำคัญเกิดไม่ลงรอยกับ Martin Goodman ผู้บริหารในขณะนั้น ทั้งคู่จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าเดินออกจาก Timely Comics ปัญหาที่ตามมาคือการขาดแคลนนักเขียนอย่างหนัก ด้วยสถานการณ์บีบบังคับ Martin Goodman ไม่มีทางเลือก เขาเลื่อนขั้น Stan Lee ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียงแค่ 19 ปี ขึ้นมาเป็นนักเขียนเต็มตัว

Comics ≠ Kid

ถึงแม้จะได้เป็นนักเขียนอย่างที่หวัง แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น เพราะ Timely Comics ในขณะนั้นยังตีกรอบให้คอมมิคของตัวเองว่าเขียนขึ้นเพื่อให้เด็กเล็กอ่านเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นแนวคิดที่ Martin Goodman ยืนกรานมาโดยตลอด จึงทำให้เนื้อหาคอมมิคของ Timely Comics ค่อนข้างซ้ำซากจำเจ ไม่สามารถนำเสนออะไรที่ซับซ้อนหรือลึกซึ้งได้ ไฟในตัวของ Stan Lee จึงค่อย ๆ มอดดับลงไป

จนกระทั่งในช่วงยุค 50 Stan Lee รู้สึกทนไม่ได้อีกต่อไปกับการต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว จึงคิดจะลาออกจาก Timely Comics แต่ยังไม่ทันจะได้บอกเรื่องนี้กับ Martin Goodman ก็เกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นกับจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่คู่แข่งอย่าง DC Comics เสียก่อน

Justice League โปรเจ็กต์การนำซูเปอร์ฮีโร่ที่มีอยู่แล้วมาปัดฝุ่นรวมทีมใหม่ของฝั่ง DC ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม Martin Goodman เล็งเห็นดังนั้นจึงคิดจะนำแนวคิดนี้มาใช้กับ Timely Comics ของตัวเอง เขาไม่รอช้าที่จะนำเรื่องนี้มาบอกกับ Stan Lee ซึ่งตัว Stan Lee นั้นกระอักกระอ่วนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากในตอนนั้นเขาตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้วว่าจะลาออก

แต่คำพูดหนึ่งของ Joan Boocock Lee ผู้เป็นภรรยาที่ว่า “ไหน ๆ ก็จะลาออกอยู่แล้ว ก็ทำอะไรอย่างที่ตัวเองอยากทำไปเลย” เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

คิดได้ดังนั้น Stan Lee จึงทุ่มเทเต็มที่ให้กับโปรเจ็กต์นี้ กลั่นกรองไอเดียจนได้ออกมาเป็นทีมซูเปอร์ฮีโร่ ‘Fantastic Four’ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี และแน่นอนว่ามันประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม นี่จึงเป็นเหมือนข้อพิสูจน์ให้ Martin Goodman ได้เห็นว่าคอมมิคนั้นไม่ใช่แค่สำหรับเด็ก

The Rest is History

หลังการถือกำเนิดของ Fantastic Four ชีวิตของ Stan Lee ก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เขากลายเป็นนักเขียนคอมมิคมือทองที่มีสุดยอดไอเดียเป็นอาวุธ Stan Lee สร้างสรรค์ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ชื่อก้องโลกตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hulk ที่ถือว่าเป็นขบถแห่งวงการซูเปอร์ฮีโร่ เจ้ายักษ์ใหญ่สีเขียวตัวนี้แฝงมากับแนวคิดที่ว่าซูเปอร์ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องดูดีเสมอไป กลุ่ม  X-Men ที่เกิดจากแรงบันดาลใจชีวิตการเป็นผู้อพยพในวัยเด็กของตัวเอง นอกจากนั้นยังมี Iron Man, Spider-Man, Thor และอีกมากมายนับร้อยตัวละคร เรียกได้ว่าไม่มีอะไรหยุดยั้งจินตนาการของ Stan Lee ได้อีกแล้ว

ถึงแม้ในตอนนี้คุณปู่ Stan Lee จะลาจากโลกนี้ไปแล้วด้วยวัย 94 ปี แต่เชื่อเหลือเกินว่าชื่อและสิ่งที่เขาได้สร้างไว้จะเป็นแรงบันดาลใจและความบันเทิงไปอีกนานแสนนาน

สำหรับเราที่เป็นหนึ่งในแฟนบอย Marvel คนหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดที่เราได้รับจากการศึกษาชีวิตของ Stan Lee คือคุณต้องมี Passion ในสิ่งที่คุณทำ ไม่จำเป็นต้องสนใจใครจะว่ายังไง เช่นเดียวกับ Stan Lee ที่ไม่เคยสนใจว่าใครคือแฟนคอมมิคของเขา กลุ่มลูกค้าอยู่ในช่วงอายุเท่าไร เขียนแนวไหนถึงจะขายดี เขาสนแค่ว่าถ้าเป็นตัวเขาเองจะอยากอ่านคอมมิคแบบไหน จากนั้นก็ลงมือเขียนมัน ก็เท่านั้นเอง

 

SOURCE1/SOURCE2/SOURCE3/SOURCE4/SOURCE5

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line