จากคอมมิคที่แปลกและแตกต่างของโลก Super Hero ในยุค 60s นับเป็นเวลาที่ยาวนานไม่ใช่น้อยสำหรับไอ้แมงมุม หรือ Spider-Man ที่โลดแล่นบนทั้งหน้ากระดาษ ทั้งจอทีวีในรูปแบบอนิเมชั่น มาจนถึงรูปแบบภาพยนตร์จอใหญ่ แต่ถึงกระนั้น Spider-Man ก็หาได้หยุดนิ่งไม่ สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในจักรวาลของไอ้แมงมุมมาตลอด 60 ปี และเพื่อต้อนรับหนัง Spider-Man No Way Home ที่ฉายให้ชมกันในโรงภาพยนตร์ เรามาดูการเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างของซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีทั้งรูปแบบชะตากรรมสุดรันทดจนไปถึงเวอร์ชั่นเกรียนทะลุจอกัน มาดูกันว่าไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นไหนที่ตรงใจคุณมากที่สุด จุดกำเนิดไอ้แมงมุม จากการ์ตูนสั้น ปั่นกระแสจนเป็นการ์ตูนคลาสสิค คาแรคเตอร์ไอ้แมงมุมนั้น ถือกำเนิดขึ้นมาแบบไม่ไม่ได้ตั้งใจนัก กล่าวคือ Stan Lee ผู้จุดกำเนิดไอเดีย และ Steve Ditko ศิลปินนักวาดการ์ตูนนั้นกำลังเฟ้นหาไอเดียใหม่ ๆ ของสุดยอดวีรบุรุษหลังจากพวกเขาแบกรับความสำเร็จจากการ์ตูน Fantastic Four ความกดดันถาโถมเขาอย่างหนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง เขามองเห็นแมงมุมไต่อยู่ตรงผนัง Stan Lee ก็เกิดไอเดียขึ้นโดยฉับพลัน ถึงเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกแมงมุมกัดจนเกิดปฏิกิริยาส่งผลให้เขามีพลังเหนือมนุษย์ แต่ในช่วงนั้นเขาพบว่าซูเปอร์ฮีโร่ส่วนใหญ่จะเป็นวัยผู้ใหญ่มากกว่า เขาจึงลองออกแบบดีไซน์ซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่นดูบ้างเพื่อหาไอเดียที่แตกต่างและหลากหลาย แต่ในตอนต้น กองบก.ใน Marvel
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา อาจมีนักแสดงหลายคนที่ได้ฝากผลงานการแสดงภาพยนตร์อันโดดเด่น จนกลายเป็นรอยประทับในหัวใจผู้ชมจำนวนไม่น้อย แต่ถ้าพูดถึงนักแสดงฮ่องกงทรงเสน่ห์ระดับตำนานที่ยืนหนึ่งเรื่องการแสดงที่ลุ่มลึกและหลากหลาย จนข้ามฟ้ามาครองหัวใจคนไทยได้อยู่หมัด ‘เหลียงเฉาเหว่ย’ หรือ ‘โทนี่ เหลียง’ คงเป็นชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของใครหลายคน ผู้ชมถูกเขาตรึงไว้กับสารพัดบทบาท ทั้งตำรวจในคราบโจรที่หักเหลี่ยมเฉือนมุมดุเดือดแต่ก็ดำดิ่ง บทบาทร้าวลึกของชายผู้มีความสัมพันธ์ลับท่ามกลางควันบุหรี่ฟุ้งหม่น ไปจนถึงบทบาทชายรักชายในดินแดนข้ามขอบฟ้าห่างไกล ฯลฯ โดยเฉพาะในปี 2021 ที่เขาตัดสินใจก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีของชีวิตนักแสดง โดยเหลียงเฉาเหว่ยรับบทบาท ‘แมนดาริน’ วายร้ายตัวฉกาจใน Marvel Studios’ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (ชาง-ชี กับตำนานลับเท็นริงส์) นอกจากเป็นครั้งแรกของการร่วมงานกับฮอลลีวูด นี่ยังเป็นการแสดงฝีมือครั้งสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นว่านับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่วงการแสดงในปี 1981 นี่คือ 4 ทศวรรษที่เขาพร้อมเปิดรับและเรียนรู้ทุกความท้าทายที่เข้ามา จุดเริ่มต้นที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ สู่แถวหน้าแห่งวงการบันเทิงฮ่องกง สำหรับนักแสดงคนอื่น ๆ การแสดงอาจหมายถึงอะไรก็ได้ แต่กับเหลียงเฉาเหว่ย เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ครังหนึ่งว่าการแสดงเปรียบเสมือนความฝันที่เขาจะสามารถหลบหนีจากโลกความเป็นจริง กลายเป็นคนอื่น รับบทคนอื่นโดยลืมการเป็นตัวเองเป็นชั่วขณะได้ แม้ฟังเผิน ๆ
แน่นอนว่าช่วงเวลานี้ สำหรับนักดูหนังแล้ว ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการมาของหนังตัวอย่างและโปสเตอร์ของหนังฮีโร่เรื่องใหม่ของ Marvel Studio เรื่อง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings นั่นเอง แต่ที่น่าจะตื่นเต้นปนฉงนยิ่งกว่า นั่นก็คือผู้ที่มารับบทบาทนี้กลับเป็นคนโนเนมที่มีชื่อเสียงระดับปานกลางอย่าง Simu Liu ซึ่งเมื่อประกาศชื่อชายคนนี้มา ก็มีทั้งกระแสแง่บวกและแง่ลบเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้สนั่นโลกโซเชียล แต่เราไม่อยากให้คุณตีตนไปก่อนไข้ และลองเปิดใจมาทำความรู้จักผู้ชายคนนี้กันให้ลึกซึ้งก่อนที่จะตัดสินเขากันดีกว่า ว่าสรุปแล้วเขาเหมาะหรือไม่สำหรับการแบกรับบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่เพียงเป็นบทบาทในโลกภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังแบกศักดิ์ศรีของชาวเอเชียให้โลกได้ประจักษ์อีกด้วย Simu Liu ชีวิตที่ลิขิตในวงการบันเทิง Simu Liu เกิดที่เมือง ฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ก่อนจะย้ายถิ่นฐานตามพ่อและแม่มาอยู่ที่ประเทศแคนาดาตอนอายุ 5 ขวบ แรกเริ่มเดิมทีเขามีความใฝ่ฝันในอาชีพนักแสดง แต่ก็ไกลเกินเอื้อมคว้าสำหรับชายหนุ่มหน้าตี๋ที่พร้อมจะถูกรังแกจากฝรั่งตาน้ำข้าวง่ายๆ เขาร่ำเรียนธุรกิจตามความคาดหวังของครอบครัวจนจบปริญญาตรีและทำงานเป็นมนุษย์กินเงินเดือนในฐานะนักบัญชี แต่ก็ทำได้เพียงปีเดียวเขาก็ออกจากงานเพื่อตามล่าความฝันอย่างจริงจัง โดย Simu ได้กล่าวถึงการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวครั้งนี้ในงาน Comic Con ว่า “สิ่งที่ผมอยากทำเมื่อโตขึ้นคือทำให้พ่อและแม่ภาคภูมิใจ มากกว่าจะเจ้ากี้เจ้าการให้ทำอะไรที่ไม่ชอบ มันมีความสุขมากนะที่พ่อและแม่ไม่ได้คาดหวังให้ผมเป็นในสิ่งที่ผมไม่อยากจะเป็น…เช่นหมอเป็นต้น” Simu Liu เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวประกอบในหนังหุ่นยนต์สู้กับสัตว์ประหลาดไคจู ในหนัง Pacific Rim
สำหรับคนที่ชื่นชอบการดูภาพยนตร์คงไม่มีใครไม่รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อของ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ผู้กำกับหนังชื่อดังที่สร้างภาพยนตร์ สารคดี รายการโทรทัศน์มาแล้วกว่า 60 เรื่อง ใคร ๆ ก็ชื่นชมเขา ใคร ๆ ต่างก็นับถือเขา แต่ในตอนนี้เขากลับต้องเจอกับคำวิจารณ์ของสังคมครั้งใหญ่เพราะเขาบอกว่าหนังของ Marvel เป็นแค่สวนสนุก และทำให้เราต้องคิดตามว่า ‘แล้วหนังแบบไหนถึงจะเรียกว่าภาพยนตร์ที่แท้จริงได้บ้าง ?’ บางคนอาจยังสับสนว่า มาร์ติน สกอร์เซซี เป็นใคร เขามีผลงานโด่งดังอะไรบ้างที่ทำให้กลายเป็นตำนาน และทำไมมุมมองเกี่ยวกับภาพยนตร์ของเขาสามารถสร้างผลกระทบให้กับวงการภาพยนตร์ได้มากมายขนาดนี้ UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับผู้กำกับชื่อดังคนนี้ให้มากขึ้น เพราะการสร้างสรรค์ผลงานผ่านการกำกับและงานเขียนสามารถทำให้เรารู้ลึกถึงความคิดของคนคนหนึ่งได้ ความสำเร็จของ MARTIN SCORSESE ก่อนสกอร์เซซีจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับหนังที่มีอิทธิพลต่อวงการฮอลลีวูด เขาแจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง Mean Streets (1973) บอกเล่าสังคมของผู้คนและกลุ่มผู้มีอิทธิพลในโลกใต้ดินเมืองนิวยอร์กผ่านเด็กเก็บค่าคุ้มครอง แม้มีงบทำหนังจำกัดมาก ๆ แต่สกอร์เซซีทำให้ผู้คนเห็นว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหลักในการสร้างภาพยนตร์ที่ดี จากนั้นต่อด้วยเรื่อง Taxi Driver (1976) ชายผู้ผ่านสงครามเวียดนามที่เป็นโรคนอนไม่หลับเลยมาขับแท็กซี่ตอนกลางคืน แต่สุดท้ายจับพลัดจับผลูวางแผนฆ่าผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยการกำกับอันแยบคาย ดนตรีประกอบสไตล์แจ๊สที่ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมเพราะเป็นผลงานสุดท้ายของ Bernard Herrmann นักดนตรีประพันธ์ดนตรีประกอบชื่อดัง
ถ้าพูดถึงแบรนด์นาฬิกาที่ชอบ Collaboration ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงนาฬิกาจากเกาะญี่ปุ่นอย่าง Casio และ Seiko ที่ชื่นชอบการปล่อยคอลเลกชันพิเศษจากมังงะและภาพยนตร์จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดแฟน ๆ จากกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่ชอบนาฬิกา แต่หากมองไปยังแบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ชื่นชอบการ Collaboration เป็นชีวิตจิตใจก็คงหนีไม่พ้นแบรนด์ที่ชื่อว่า Romain Jerome มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนคงร้องอ๋อกันแล้วเพราะ Romain Jerome หรือที่กลุ่มนักสะสมนาฬิกาเรียกสั้น ๆ ว่า RJ เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ชอบ Collaboration กับทุกอย่างบนโลกใบนี้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมสุดวินเทจอย่าง PAC-MAN, Super Mario หรือเกมตัวต่อขวัญใจรุ่นใหญ่ Tetris ไปจนถึงภาพยนตร์ในตำนานเรื่อง Titanic หรือจะเป็นฮีโร่แห่งรัตติกาลประจำเมืองกอตแทม Batman และตัวร้ายจากเมืองเดียวกันอย่างเรื่อง Joker ทาง RJ ก็เคยร่วมออกคอลเลกชันแล้วทั้งสิ้น และที่ UNLOCKMEN ยกตัวอย่างมาก็เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของการ Collaboration ของแบรนด์ Romain Jerome การเลือก Collaboration ครั้งนี้ของ Romain Jerome คือค่ายผู้สร้างภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่รับความนิยมมากที่สุดในโลกตอนนี้อย่าง Marvel
เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับหนังซูเปอร์ฮีโร่ปิดเฟส 3 ของฮีโร่จากตระกูล Marvel กับ Spider-Man: Far from home ทำให้แบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดังอย่าง Adidas ไม่พลาดที่จะลุกมาออกรองเท้าคอลเลกชันพิเศษสองคู่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดสูทของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ AlphaBOOST x SPIDER-MAN AlphaBOOST รองเท้ากีฬาที่ออกแบบมารองรับการวิ่งโดยเฉพาะได้รับการดัดแปลงลวดลายใหม่โดยนำต้นแบบมาจากชุดสูทเฉพาะกิจสำหรับต่อสู้กับเหล่าวายร้ายในทวีปยุโรปของ Spider-Man ที่ผู้คนทั่วไปเรียกชุดนี้ว่า Night Monkey เพราะชุดดังกล่าวทำจากวัสดุสีดำทั้งหมด เว้นไว้แค่เพียงบริเวณดวงตาที่เป็นสีขาวเท่านั้น AlphaBOOST ที่ Adidas ร่วมสร้างสรรค์กับ Marvel จึงใช้ผ้าสีดำทั้งหมดและตัดด้วยสีขาวบริเวณ Midsole เพื่อขับให้ภาพรวมของรองเท้าโดดเด่นขึ้น สามารถสวมใส่เดินถนนในวันที่ต้องออกไปข้างนอก ไปออกกำลังกายบนลู่วิ่งในฟิตเนสหรือลงจากลู่ไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้บ้านก็ได้ทั้งนั้น NEMEZIZ x SPIDER-MAN Adidas NEMEZIZ 19+ รองเท้าฟุตบอลที่พัฒนามาเพื่อความได้เปรียบบนสนามที่พร้อมสำหรับการบุกทำประตูไปจนถึงการออกแบบที่ป้องกันการปะทะจากผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดสูทหลักของ Spider-Man ที่ประกอบด้วยสีน้ำเงินและแดงเป็นหลัก เอกลักษณ์ที่น่าสนใจสะท้อนผ่านการออกแบบที่เล่นกับความเข้มอ่อนของแต่ละสีที่พาดเป็นเส้นสลับไปมาคล้ายกับใยแมงมุมลงยิงพันลงบนผ้าที่พันอยู่ทั่วรองเท้า ตรงส่วน Heel Counter และ Insole ประทับด้วยแถบสามเส้นสัญลักษณ์แสนคุ้นตาของ Adidas บริเวณ
ข่าวลือเกี่ยวกับการสร้างหนังฮีโร่ในช่วงนี้เรียกได้ว่ามีมาไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะข่าวเรื่องการสร้าง Avengers 5 หรือข่าวเรื่องการรีบูทภาพยนตร์เรื่อง Fantastic Four ใหม่อีกครั้ง ซึ่งข่าวเหล่านี้ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนดูอย่างเราได้ตลอด และล่าสุดนี้ก็เพิ่งมีอัปเดตที่น่าสนใจเกี่ยวกับเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ X-Men ว่าอีกนานพอดูเลยทีเดียวที่เราอาจจะมีโอกาสได้เห็นพวกเขาอีกครั้ง เหล่าแฟนภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ไม่ว่าจะค่ายหรือสังกัดไหนก็คงพอจะทราบกันอยู่แล้วว่าเหล่าซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มมิวแทนต์อย่าง X-Men มาจากจักรวาลเดียวกันกับ Marvel ฉบับคอมิก แต่ด้วยเรื่องลิขสิทธิ์ยิบย่อยเพราะทีม X-Men และ Fantastic Four อยู่กับ 20th Century Fox ส่วนเหล่า Avengers ที่เราคุ้นตากันดีก็อยู่กับ Marvel ที่สังกัดภายใต้ Walt Disney ทำให้เหล่ายอดมนุษย์ต้องแยกกันอยู่คนละจักรวาลอย่างช่วยไม่ได้ แต่หลังจากที่เหล่ายอดมนุษย์ต้องแยกบ้านกันอยู่นานเกือบสองทศวรรษ Walt Disney ตัดสินใจครั้งใหญ่ที่จะสั่นสะเทือนโลกภาพยนตร์ด้วยการซื้อลิขสิทธิ์ของ 20th Century Fox (สามารถอ่านเกี่ยวกับดีลครั้งใหญ่นี้ได้ใน ปิดดีลอย่างเป็นทางการ DISNEY อ้าแขนรับสมาชิกใหม่จาก FOX ในราคา 7 พันล้านเหรียญ) เท่ากับว่ากลุ่มยอดมนุษย์ที่แยกกันอาจมีหนทางกลับมาเจอกันอีกครั้ง แฟนหนังตั้งตารอโอกาสที่ฮีโร่จาก Fox จะได้มาเจอกับทีม Avengers แต่กลับกลายเป็นว่าฝันที่คาดหวังไว้อาจจะต้องรอกันนานกว่าที่คิดจากเหตุผลเหล่านี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
Avengers: Endgame คือหนังที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงเวลานี้ แถมกวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลายและด้วยกระแสที่ร้อนแรงขนาดนี้ทำให้ Casio แบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นร่วมมือกับ Marvel ปล่อยคอลเลกชันพิเศษที่ได้ฮีโร่จากทีม Avengers มาถึงสามคนด้วยกัน การร่วมมือกันครั้งนี้ส่งผลให้เกิดนาฬิกาข้อมือคอลเลกชันพิเศษอย่าง G-Shock x Marvel Avengers Collection ขึ้น SPIDER MAN Peter Parker เจ้าของฉายา Spider man ถูกนำเรื่องราวมาอยู่บนนาฬิการุ่น DW 6500 รหัส DW-5600SPIDER-1PR ตัวเรือนสีดำและจัดสีตรงขอบจอแสดงผลด้วยสีแดงสด เมื่อกดปุ่มเปิดไฟ EL จอแสดงผลจะมีรูปแมงมุมสีแดงปรากฏขึ้นอยู่ตรงกลาง ใช้กระจกแบบมิเนอรัลส่วนบริเวณสายนาฬิกาประทับตราสัญลักษณ์ Avengers และ Spider man พร้อมกับกล่องใส่นาฬิกาสุดเท่ CAPTAIN AMERICA Captain America รุ่น GA-110 รหัส GA-110CAPTAIN-2PR ถือว่าเป็นนาฬิกา G-Shock รุ่นยอดนิยม ที่มาพร้อมกับหน้าปัดขนาดใหญ่ นาฬิกาข้อมือที่ผสมผสานระหว่างกลไก analog กับ
หนังภาคต่อรวมซูเปอร์ฮีโร่ Avengers: Endgame ที่ใครหลายคนตั้งตารอยังสร้างปรากฏการณ์ต่อเนื่อง เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นบทสรุปของเรื่องราวที่ยาวนานกว่า 11 ปี ตั้งแต่ที่ Iron Man ภาคแรกออกฉาย แต่ความตื่นตัว ตื่นเต้นของผู้คนทั่วโลกไม่ได้อยู่แค่บนโลกออนไลน์หรือในชีวิตจริงเท่านั้น ยังลุกลามไปยังเว็บไซต์วาบหวามสำหรับผู้ใหญ่อย่าง Pornhub ด้วย แล้วทีม Avengers เกี่ยวข้องกับ Pornhub เว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่ที่เหล่าชายไทยหลายคนชื่นชอบได้อย่างไร ? เว็บไซต์ออกมาเผยสถิติที่น่าตกใจว่าเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ถูกเสิร์ชชื่อบนเว็บผู้ใหญ่มากถึง 2912% คิดเป็น 4 เท่า จากการค้นหาก่อนหน้านี้ ด้วยยอดเสิร์ชกว่า 2 ล้านครั้งภายใน 7 วัน แต่เหตุการณ์แบบนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ภาคก่อนหน้านี้อย่าง Avengers: Infinity War เมื่อปี 2018 ก็ส่งผลให้ยอดค้นหาที่เกี่ยวกับทีม Avengers เพิ่มขึ้นสูงถึง 365% (ทำให้แฟน ๆ แซวกันว่าหนังเรื่องนี้ชื่อ Avengers: Infinity Porn) เมื่อ Pornhub ได้รับกระแสที่ร้อนแรงจากภาพยนตร์เรื่อง Avengers แล้วก็ไม่รอช้า นอกจากจะแสดงกราฟการค้นหาชื่อเหล่าฮีโร่แล้ว ยังจัดอันดับตัวละครที่ถูกค้นหาชื่อมากที่สุดแสดงให้เห็นกันไปเลยว่าใครได้รับความนิยมมากที่สุดบนเว็บไซต์ผู้ใหญ่
ถ้าเปรียบปี 2018 เป็นหนังสือสักเล่ม ตอนนี้เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงบทสุดท้ายแล้ว ถ้าเราลองย้อนไปในปีที่ผ่านมา เรื่องราวของแต่ละคนก็คงแตกต่างกันออกไป ดีบ้างร้ายบ้าง เก็บมันไว้เป็นประสบการณ์ แล้วเราจะเป็นคนที่ดีขึ้นแน่นอนเมื่อเรื่องราวหนังสือเล่มใหม่เริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตามหนึ่งสิ่งในปี 2018 ที่ทุกคนน่าจะรู้สึกเหมือนกันคือ นี่คือปีที่มีภาพยนตร์ดี ๆ มากมาย ไม่ว่าจะบล็อกบัสเตอร์หรืออินดี้ ต่างก็ปล่อยหมัดเด็ดมาพิชิตใจคนดูกันแบบจัดเต็ม ดังนั้นในเมื่อ 2018 วางมาตรฐานไว้สูงขนาดนี้ มีหรือที่ 2019 จะยอม เราไปดูกันดีกว่าในปีหน้ามีหนังเรื่องไหนบ้างที่พลาดไม่ได้ รับประกันว่าไม่น้อยหน้าปีนี้แน่นอน เตรียมเงินกันไว้ให้ดี January Glass – เริ่มต้นปีด้วยผลงานของผู้กำกับ M. Night Shyamalan ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะใครที่เคยดูผลงานเรื่องก่อนหน้าของเขาอย่าง Split และ Unbreakable เพราะนี่คือหนังที่ควบรวมจักรวาลของทั้ง 2 เรื่องเข้าด้วยกัน โดยใน Glass ผู้ชมจะได้พบทั้งชาย 23 บุคลิกจาก Split นำแสดงโดย James McAvoy และ Mr.Glass วายร้ายจาก Unbreakable นำแสดงโดย Samuel L. Jackson ถ้าอยากรู้ว่าการควบรวมจักรวาลครั้งนี้จะออกมาในรูปแบบไหน ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองในโรงภาพยนตร์ February