Star Wars Epic : I-VI เท้าความเป็นมาก่อนไปดู Episode VII

นับจากวันนี้ก็จะเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนที่หนังสุดยอดมหากาพย์ไตรภาคชุดที่ 3 อย่าง Star Wars Episode VII : The Force Awakens ซึ่งเป็นเรื่องราวภาคต่อจากภาค VI : The Return of Jedi โดยเหตุการณ์ดำเนินต่อมาอีกราวๆ 30 ปี จะเริ่มเข้าฉายทั่วโลก ซึ่งถ้าหากพูดถึงหนังเรื่อง Star Wars มันคือหนัง Masterpieces ที่ถูกขึ้นหิ้งไปเป็นเรียบร้อยแล้วว่าเป็นหนังตำนานของโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง CG ต่างๆ ที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยอยู่ตลอดเวลา

วันนี้เราจะขอมาเท้าความถึง Timeline ของอาณาจักร Star Wars สำหรับคนที่เคยดูแต่อาจจะลืมเรื่องราวในหนังไปแล้ว หรือจะเป็นการเล่าแบบคร่าวๆสำหรับเด็กรุ่นใหม่ๆที่ยังไม่เคยดู แต่วางแผนกำลังจะไปเริ่มดูภาค VII นี้

หากพูดถึงเหตุการณ์ทั้งหมดในอาณาจักรหนัง Star Wars เราสามารถแบ่งได้เป็นสองช่วงหลักๆ (ไม่นับรวมภาคแยกต่างๆ) นั่นคือ ไตรภาคแรก คือ IV , V ,VI  จริงๆแล้วดั้งเดิมนั้นมันไม่ใช่ภาคที่ถูกเรียกว่า ภาค 4-5-6 แต่ตอนนั้นผู้กำกับไม่ได้คิดจะสร้างภาคต่อแต่อย่างใด แต่เมื่อมันประสบความสำเร็จอย่างมาก ผู้กำกับ George Lucas จึงกลับใจคิดจะกลับมาทำหนังไตรภาคอีกครั้ง โดยที่เขาคิดว่าการเล่าเรื่องย้อนไปภาคต้นนั้นจะทำให้ผู้ชมเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่ไม่ได้พูดในภาค 4-6 ได้ดีกว่า และจะน่าสนใจกว่าการสร้างตัวละครใหม่ในภาคใหม่ เขาจึงตัดสินในสร้างภาค 1-2-3 ซึ่งเป็นไตรภาคที่เกิดขึ้นทีหลัง และ เล่าเรื่องย้อนเหตุการณ์ความเป็นมาของตัวละครต่างๆ

ซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างมากว่าจะเริ่มดู 1-2-3-4-5-6 หรือจะเอาแบบคลาสสิคเลยดู 4-5-6-1-2-3 อันนี้อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคล ซึ่งถ้าให้เราอธิบายแบบง่ายๆคือ ถ้าดูแบบเรียงตามภาคนั้น ก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน แต่สิ่งที่ขัดใจก็คือยิ่งดูเทคนิค CG ก็จะยิ่งคุณภาพลดลง แต่อย่าเพิ่งดูถูกถึงมันจะดูสู้ไตรภาค 1-2-3 ไม่ได้ ก็เพราะไตรภาคดั้งเดิม (4-6) ถูกสร้างมานานกว่า 40 ปีแล้วๆ นั่นก็คือวิวัฒนาการที่ล้ำสมัยสุดในขณะนั้น และ เป็นต้นกำเนิดของเทคนิค CG ต่างๆในปัจจุบัน

แต่ถ้าดูแบบเอาอรรถรสจริงๆ การเรียงแบบสลับไปสลับมา 4-5-6-1-2-3 จะได้ความสนุกแบบการเรื่องลำดับเรื่องที่เข้มข้น เพราะจะมีเหตุการณ์เซอรไพร์ในหลายๆตอน และจะทำให้เห็นถึงความอัจฉริยะของผู้กำกับ Geoge Lucas

*เนื้อหาหลังจากนี้เราจะไม่มีการสปอยเนื้อหาหลักของเรื่องแต่อย่างใด จึงมีข้อมูลบางอย่างที่สำคัญที่เราอาจมิได้กล่าวถึงเพราะอาจะเป็นการสปอยเนื้อเรื่องหลัก สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องเพิ่มเติมเราขอแนะนำให้ไปชมต่อในหนัง เพื่อเป็นการไม่เสียอรรถรส *

ไตรภาค 1-2-3

ไตรภาคใหม่ หรือภาค 1-3 คือเรื่องราวที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่สงครามกลางกาแล็กซี การล่มสลายของสาธารณรัฐ และความรุ่งเรืองของฝ่ายจักรวรรดิ จากยุทธการนาบูระหว่างนาบูกับสมาพันธ์การค้า ไปจนถึงสงครามโคลนที่มีต่อฝ่ายแบ่งแยกดินแดน สงครามทั้งสองดำเนินไปตามประสงค์ของซิธ ภายใต้พัลพาทีน ผู้ลึกลับ ซึ่งคอยควบคุมทั้งสองฝ่ายอย่างลับ ๆ ภาพยนตร์ไตรภาคย้อนอดีตนี้เกิดขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งได้รับการฝึกฝนเป็นเจไดหลังจากสงครามนาบู แต่ในเอพพิโซด 3 อนาคินค่อยๆ ถูกกลืนเข้าสู่อำนาจมืดของพลัง จนกลายเป็นดาร์ธ เวเดอร์ ภายใต้การชี้นำของพัลพาทีน หรือ ดาร์ธ ซีเดียส

ไตรภาค 4-5-6

เป็นเรื่องราว 20 ปีต่อจากภาค 3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองกาแลกติกที่มีขึ้นระหว่างพันธมิตรฝ่ายกบฏ กับฝ่ายจักรวรรดิอันชั่วร้าย เป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว ลุค สกายวอล์คเกอร์ หนุ่มน้อยผู้ซึ่งกำลังฝึกฝนเพื่อการเป็นอัศวินเจไดคนสุดท้าย (และคนแรกในเจไดรุ่นใหม่) อาจเป็นผู้เดียวที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับดาร์ธ เวเดอร์ ลอร์ดมืดแห่งซิธ และจักรพรรดิ ดาร์ธ ซิเดียส อาจารย์ของเขา และนำสมดุยของพลังกลับมาคืนมา

หลังจากรู้เนื้อเรื่องคร่าวๆ ก็มาถึงตัวละครสำคัญต่างๆที่ควรรู้ไว้ เพราะมีบางตัวที่อาจจะกลับมาในภาค VII

1 Darth Vader

สุดยอดวายร้ายที่อยู่ในใจคนทั่วโลก ที่เรียกได้ว่าเด่นกว่าพระเอกเสียอีก Darth Vader เป็นตัวละครที่มีความสำคัญกับ Star Wars ทั้งสองไตรภาคเพราะเป็นตัวละครหลักที่ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องทั้งหกภาค แต่ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาอีกใน ภาคที่ VII หรือไม่ ?

2. Luke Skywalker

พระเอกในไตรภาค 4-5-6 ของซีรีย์หนัง Star Wars และ เป็นเจไดคนสุดท้ายในยุคสมัยใหม่โดยเขาถูกเลี้ยงดูมาโดยลุงโอเว่นกับป้าเบรู บนดาวเคราะห์ทาทูอิน ซึ่งเป็นพี่น้องต่างมารดากับพ่อของเขา โดยที่เขาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของ Master โอบีวัน-เคโนบี กับ Master โยดา

3.Princess Leia 

เลอาเป็นลูกสาวของอัศวินเจได อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ และ วุฒิสมาชิกแพดเม่ อมิดาลาแห่งนาบูร์ หลังจากเธอเกิดก็ถูกรับไปเลี้ยงเป็นลูกสาวของเบล ออร์กานา และ ราชินีเบรฮาแห่งอัลเดอราน ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าหญิงแห่งอัลเดอราน และเป็นหัวหน้ากลุ่มกองกำลังกบฎ

4.Han Solo

พ่อค้าของเถื่อนในราวปีที่ 10 ก่อนยุทธการยาวิน รับงานจากนายจ้างมากหน้าหลายตา เคยเข้ารับราชการทหารเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะได้พบ และ เป็นเพื่อนกับชิวแบคก้า เขาเป็นกัปตันยานมิลเลนเนียม ฟอลคอน และ ไปก่อเรื่องไว้มากพอที่จะทำให้กลายเป็นคนมีค่าหัว

5.Obi Wan Kenobi

เป็นอาจารย์เจไดที่มีชื่อเสียงเป็นตำนาน เขาได้รับการฝึกฝนจากอาจารย์โยดาและไควกอน จินน์ และ เป็นผู้ฝึกสอนทั้งอนาคินและลุค สกายวอล์คเกอร์ ในวิถีแห่งพลัง โดยเขาเป็นเจไดเพียงไม่กี่คนที่รอดจากการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่

6.Yoda

หนึ่งในตัวละครที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของหนังอีกหนึ่งตัวใน Star Wars โดยอาจารย์โยดาเป็นหนึ่งในอาจารย์เจไดที่มีชื่อเสียง และ ทรงพลังที่สุดในกาแลกซี และ เป็นหนึ่งในเจไดแห่งสาธารณรัฐกาแลกติกที่รอดชีวิตจากสงครามโคลนและการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ปฏิบัติหน้าที่เป็นปรมาจารย์เจไดในช่วงสงครามโคลน

7. R2-D2

R2 เป็นตัวละครเพียงตัวเดียวที่มีบทบาทในภาพยนตร์สตาร์วอร์สทั้งหกภาค โดยR2-D2  เป็นได้ทั้งช่างเครื่องยานอวกาศที่เก่งฉกาจ และ เชี่ยวชาญการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ฝีมือล้ำเลิศ ทำให้เขามีความสามรถรอบด้านในการซ่อมแซมสิ่งของ และขับยานอวกาศ

8. Chewbacca

ชิวเบคก้าเป็นชายวุคกี้ที่มีชื่อเสียงเป็นตำนานจากคาชี้ก เป็นนักบินร่วมของยานมิลเลนเนียม ฟอลคอน และเป็นเพื่อนสนิทของ ฮัน โซโล ใน Star Wars ภาคดั้งเดิมโดย Chewbecca นั้นมีสติปัญญาที่ชาญฉลาด และ ยังมีพละกำลังที่มหาศาล

9. C-3PO

หุ่นสีทองท่าทางเงอะงะที่ถูกสร้างโดยอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ เขาเป็นหุ่นยนต์พิธีการ (protocol droid) และเรียกตัวเองว่า “มนุษย์ไซบอร์กสัมพันธ์” และอ้างว่าสามารถเจรจาได้ถึงกว่า “หกล้านรูปแบบการสื่อสาร” และ “มีฟังก์ชันทุติยภูมิมากกว่าสามสิบฟังก์ชัน จึงเป็นหุ่นที่ชาญฉลาดรอบรู้ แต่มีความขี้กลัวในต้วเอง แต่ C-3PO มีส่วนสำคัญในหนังหลายๆภาคของ Star Wars

และนี้ก็เป็น Timeline และเนื้อเรื่องคร่าวๆของอาณาจักร Star Wars ที่เป็นหนึ่งในมหากาพย์ภาพยนตร์ และบัดนี้ก็เดินทางมาจนถึง ไตรภาคที่ 3 ของภาพยนตร์ Star Wars ซึ่งถือว่าเป็น ไตรภาคสุดท้ายตามความตั้งใจของ George Lucas ซึ่งต้องการให้มี 3 ไตรภาค 9 ภาค แต่แม้ว่าในภาคนี้จะมีการเปลี่ยนผู้กำกับ George Lucas มาเป็น J. J Abrams เราก็เชื่อว่า คุณภาพของหนังก็คงไม่ลดลงเพราะด้วยแบรนด์  Star Wars ยังไงก็สามารถขายได้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ทศวรรษ

ที่มา Cover : Pagecover.com