Entertainment

ตัวประกอบที่สร้างหนังของตัวเอง ‘STEVE BUSCEMI’ นักดับเพลิง เด็กปั๊ม สู่เจ้าพ่อหนังอินดี้

By: unlockmen January 21, 2019

เรามักจะจดจำนักแสดงนำเมื่อมีชื่อของเขาโชว์หราอยู่บนโปสเตอร์ ใบหน้าอันแสนหล่อเหลา ความสมาร์ตที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน หรือชื่อผู้กำกับที่มีเอกลักษณ์อันชัดเจน สไตล์ภาพยนตร์ที่ใช่ ทั้งหมดนี้อาจเชิญชวนให้ใครสักคนเลือกหนังเรื่องนั้นขึ้นมาดู แต่จะมีสักกี่คนที่จดจำตัวประกอบและเลือกหนังเรื่องนั้นเพราะต้องการดูตัวประกอบคนนี้วาดลีลาการแสดง

UNLOCKMEN ขอแนะนำเรื่องราวของ Steve Buscemi ตัวประกอบที่เราคุ้นหน้ากันดีในบทบาทของ Mr. Pink จาก Reservoir Dogs เราอาจเห็นเขาเป็นตัวประกอบหน้าตายียวนคนหนึ่ง แต่สำหรับผู้กำกับหลายคน เขาคือนักแสดงมากความสามารถชนิดที่สร้างบทขึ้นมาใหม่เพื่อให้มีเขาในภาพยนตร์เรื่องนั้นกันเลย มาดูเรื่องราวของเขา กว่าจะก้าวเข้ามาเป็นตัวประกอบที่ใคร ๆ ก็ต้องการตัว

ตัวประกอบที่เราคุ้นเคย

เชื่อว่าคอหนังคงคุ้นเคยใบหน้ายียวนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Steve Buscemi ที่มักจะได้รับบทเป็นตัวประกอบที่มาสร้างสีสันให้กับเรื่องนั้น ๆ ด้วยคาแร็กเตอร์อันโดดเด่นอยู่เสมอ บทบาทที่ส่งให้เขากลายเป็นที่รู้จักมากที่สุดคงจะเป็น Mr. Pink จาก Reservoir Dogs ของผู้กำกับตัวแสบ Quentin Tarantino ต่อจากนั้นเรื่อยมา เขาก็ยังคงได้บทตัวประกอบ (ที่แสนจะโดดเด่น) ในภาพยนตร์ยอดฮิตอย่าง Pulp Fiction, Con Air, Fargo, Armageddon และอีกสารพัดหนังอินดี้รายชื่อยาวเป็นหางว่าว แต่สิ่งที่พีคที่สุดในชีวิตวงการจอเงินของเขาคงจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง Trees Lounge ที่เขากำกับเอง เขียนบทเอง แสดงเอง ยิ้มแฉ่งอยู่บนโปสเตอร์เอง ครบ! 

ด้วยการแสดงที่มีโชว์สีหน้าและน้ำเสียงที่โคตรจะเป็นเอกลักษณ์ การแสดงที่ตีบทแตกกระจุย แต่ไม่ได้หล่อเหล่าเหมือนรูปปั้น ทำให้เขาไม่ได้บทพระเอกผู้แสนดีสักเท่าไหร่นัก แต่เน้นหนักไปทางบทรองอย่างตัวประกอบที่มักจะเข้ามาเพิ่มสีสันให้กับเนื้อเรื่องและตัวหนังเองเสียมากกว่า การเป็นตัวประกอบของเขาทำให้เราเห็นเลยว่า บทบาทนี้ไม่ใช่เพียงเติมให้มันเต็ม ๆ หรือเป็นแค่ใครก็ได้เท่านั้น แต่มันต้องเป็นคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะดันให้ตัวละครหลักดำเนินไปเคียงข้างกับตัวประกอบอย่างเขา อย่างเรื่อง Con Air นั้น เขาได้รับบทนักโทษที่ดูน่ากลัวตั้งแต่สบตา เชื่อมั้ยว่าบทนี้ถูกเขียนมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ (แบบ Literally) และการลงทุนครั้งนี้ก็ไม่เป็นที่ผิดหวัง คนดูต่างจดจำเขาและชื่นชมการแสดงในบทบาทนี้ของเขาอย่างเต็มเปี่ยม

นักดับเพลิง เด็กปั๊ม สู่เจ้าพ่อหนังอินดี้

วันศุกร์ 13 สุดเฮี้ยนในเดือนธันวาคม ปี 1957 ในย่าน Brooklyn เด็กน้อยผู้เติบโตมาเป็นตัวประกอบผู้สร้างสีสันให้กับวงการหนังได้ลืมตาดูโลก ตอนเป็นวัยรุ่น แม้จะรู้ว่าตัวเองอยากเป็นนักแสดง แต่ใช่ว่าจังหวะชีวิตจะพาให้เขาเดินทางสายบันเทิงได้แบบเรียบง่ายนัก ตอนนั้นเขาก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป หมดไฟ ไม่มีความหวัง เขาให้โอกาสตัวเองได้ลองในหลายอาชีพที่เราเองก็คงคาดไม่ถึงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถขายไอติม คนส่งของ เด็กปั๊ม หรือแม้แต่ขายหนังสือพิมพ์ เขากล่าวถึงชีวิตของตัวเองในวัยว้าวุ่นตอนนั้นว่า

“I really had difficulty there in my last couple of years because I felt like I didn’t know what I was doing, I felt my life was going nowhere.”

พอเขาอายุได้ 18 เป็นหนุ่มเต็มตัว ความฝันที่จะเป็นนักแสดงของเขาก็ยังไม่หายไปไหน แต่มันยังไม่ส่องสว่างมากพอที่จะนำชีวิตเขาให้เดินเส้นทางนั้นได้ พ่อของเขาเองก็ผลักดันและเปิดโอกาสให้เขาสมัครโรงเรียนการแสดง แต่ระหว่างรอผลนั้น จังหวะชีวิตเกิดเล่นตลก เขาได้เปลี่ยนอาชีพอีกครั้ง เพราะศูนย์ป้องกันอัคคีภัยดันเรียกตัวนักดับเพลิงและเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น (แถมเป็นอยู่สี่ปีอีกด้วย) 

เมื่อเขาใช้ชีวิตย่ำอยู่กับที่มานานเกินไป เขาจึงไม่อาจปล่อยความฝันของการเป็นนักแสดงให้กลายเป็นเพียงวิมานในอากาศอีกต่อไป โดยเลือกตัดสินลงเรียนการแสดงกับ John Strasberg ที่ Manhattan เขาเริ่มเขียนบท เรียนรู้การแสดงตามรอย Mark Boone Junior จนได้เริ่มการแสดงจริงจังครั้งแรกในเรื่อง Parting Glances (1986) หลังจากนั้นเขาก็ร่วมงานกับผู้กำกับอีกหลายคนในฐานะตัวประกอบเรื่อยมา จนเริ่มมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ที่คาแร็กเตอร์มันช่างส่งให้เขาติดตาคนดูอย่าง Mystery Train, Reservoir Dogs, Barton Fink และหนังอินดี้อีกหลายเรื่อง

Buscemi ผันตัวเองเข้าสู่วงการเบื้องหลัง ในปี 1996 เขาเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Trees Lounge กำกับและแสดงเองในบทบาทของ Tommy ผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับการนั่งแกร่วอยู่ในบาร์และนั่นก็เขียนมาจากชีวิตจริงของเขานั่นแหละ “I was truly directionless, living with my parents, I was driving an ice-cream truck and working at a gas station. The drinking age was 18 then, so I spent every night hanging out with my friends in bars, drinking.”

หลังจากนั้นเชื่อว่าเราทุกคนก็คงเห็นผลงานของเขากันเรื่อย ๆ เราไม่ได้ต้องการมาเล่าชีวประวัติของเขาให้ฟังกันตั้งแต่ต้นจนจบ แต่คัดเลือกเรื่องราวในตอนเดินเข้าวงการที่น่าจะเป็นจุดที่หินที่สุดของเขามาส่งต่อ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ต้องการเป็นเพียงนักแสดงหน้ากล้อง ที่ปราดเปรื่องในการสวมบทบาท ใส่วิญญาณลงไปในตัวละครจากกระดาษ แต่เขายังต้องการเป็นนักแสดงที่เก่ง เข้าใจในทุกกระบวนการของภาพยนตร์ เขาจึงไม่หยุดยั้งตัวเองอยู่แค่การเป็นตัวประกอบที่ใคร ๆ ก็ต้องการ และเขาเองก็รู้เช่นกันว่าคาแร็กเตอร์ของเขามันเป็นที่โหยหาจากผู้กำกับแค่ไหน

Trees Lounge จึงเป็นอีกหนึ่งการพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักแสดง ผู้กำกับ และผู้เขียนบท นี่เป็นอีกข้อดีที่เราควรเก็บเอาไว้ Improve ตัวเอง การไปให้สุดทางของสิ่งที่เรารัก มองหาโอกาสให้ตัวเองและกระโจนใส่มัน ลงมือทำด้วยทุกหงาดเหยื่อที่มีแล้วไปให้ถึงจุดสูงสุดของอาชีพที่เราทำหรือสิ่งที่เรารัก นั่นแหละ สิ่งที่เราควรทุ่มเทกับมันสักครั้งในชีวิตเมื่อเรายังมีแรง

SOURCE : 12, 3

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line