Life

STOP HEALING TO HELL: 4 วิธีแก้ เมื่อให้คำปรึกษาเยียวยาคนข้าง ๆ จนตัวเราเองเริ่มดิ่งตาม

By: anonymK December 3, 2019

เคยเป็นไหม เวลาช่วยคนอื่นตอนเศร้า พอเขามาปรึกษาเราก็พยายามทำหน้าที่เยียวยาอย่างดีที่สุด ทุกครั้งที่ให้คำปรึกษาไปมันก็ดีขึ้นเป็นพัก ๆ แต่ไม่นานก็กลับมาเจอปัญหาเดิม เล่าให้ฟังใหม่ วนลูปไปมา เศร้าเครียดระดับอินฟินิตี้เท่าไหร่ก็ไม่หายจนเราก็หมดกระบวนท่ามาแก้ไข

แก้ให้เขาไม่ได้ไม่พอ ตอนนี้เริ่มส่อแววเศร้าตาม บางทีก็เริ่มมีอาการหงุดหงิด อารมณ์ขึ้นลงไม่รู้สาเหตุ จนเริ่มคิดว่าไม่อยากรับผิดชอบความรู้สึกนี้อีกต่อไป

UNLOCKMEN ขอชวนคนไม่ไหวบอกไหว ที่กำลังช่วยคู่รัก ช่วยเพื่อนสนิทและไม่สนิท รับฟังทุกเรื่องราวจนตัวเองเริ่มจมดิ่งเพราะความเป็นคนดีมารับมือด้วย 4 วิธีต่อไปนี้

 

หาวิธีคลายเครียดเพื่อดูแลใจจิตใจตัวเอง

นี่ถือว่าเป็นระดับเริ่มต้นที่เราแนะนำให้ทำ ไม่ว่าคุณจะเริ่มมีอาการเศร้าหรือหงุดหงิดแค่ไหน หรืออาจจะยังไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะทุกครั้งที่รับเรื่องราวหนักอึ้งสไตล์ Toxic เข้าไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศร้าจาง ๆ เรื่องน่าหงุดหงิด หรือเรื่องรุนแรงระดับไหน สุดท้ายมันจะยังฝังอยู่ในใจ และถ้าสั่งสมไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกหนักอึ้งนั้นอาจจะก้อนใหญ่ขึ้นจนทำให้เรารู้สึกกดดันตาม

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการป้องกันไม่ให้เกิดความรู้สึกเหล่านั้น ลองหาเวลาพักจากการรับเรื่อง Negative ด้วยการไปทำสิ่งที่ชอบเติมเข้าไปบ้าง จะเป็นการนั่งดูซีรีส์ อ่านหนังสือ เดินทางเข้าป่า หรืออะไรก็ตามที่ช่วยให้หายเครียด แต่สำหรับสิ่งที่เราทำเป็นประจำคือการไปอยู่กับคนมีพลังบวก มองโลกบวก ๆ บ้าง วิธีนี้จะช่วยเยียวยาทุกอย่างให้ดีขึ้นได้

 

หาคนที่รักและไว้ใจระบายให้ฟัง

อันนี้อาจดูเหมือนแชร์ลูกโซ่หน่อยแต่ควรมี เวลาที่ใครสักคนมาระบายใส่เรา เราก็ควรหาใครสักคนที่ไว้ใจและพูดเรื่องที่ข้องใจออกไปบ้าง แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่การเล่าเรื่องที่เป็นความลับจากคนอื่นที่เขาไว้ใจมาปรึกษาเราไปพูดต่อ แต่เป็นการแชร์ความหนักอึ้งของตัวเองออกไปว่าวันนี้เรารู้สึกอย่างไร เหนื่อยไหม เจออะไรแย่ ๆ มาหรือเปล่า

ในกรณีที่เจอเรื่องแย่จัด หันหน้าไปมองคนรอบข้างแล้วไม่ไว้ใจพอจะเล่าให้ฟังหรือโชว์ความอ่อนแอแบบ “กูไม่ไหวแล้ว” เลือกใช้วิธีพูดกับสัตว์เลี้ยงอย่างหมา แมว ที่บ้านก็เป็นอีกทางออกที่ใช้ได้ หรือจะหยิบปากกาเขียนลงบนกระดาษเพื่อระบายอารมณ์แล้วเอามาอ่านทวนซ้ำก็ทำให้เราเข้าใจตัวเองได้ดีขึ้นอีกแบบ ลดแรงกดดันได้เป็นอย่างดี

 

รู้ตัวว่าไม่ไหว ให้เดินออกมา

วิธีนี้เหมือนคนใจร้าย แต่มันเป็นทางออกที่จำเป็นต้องทำ หากประเมินทีท่าแล้วพบว่าตอนนี้เราเริ่มมีรังสีลบแผ่กระจาย เกิดอาการนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายหรือฝันร้าย อาการแบบนี้จัดว่าเป็นอาการ PTSD หรืออาการทางจิตเวชจากการพบเหตุการณ์เลวร้าย

แม้ความเศร้าจะไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรงและคนข้าง ๆ ที่เขามาปรึกษาก็ไม่ได้มีเจตนาอยากทำร้ายเรา แต่ถ้าจิตใจและร่างกายเราไม่พร้อมรับเรื่องแย่แล้วในวันนี้ ให้ลองปฏิเสธออกไปตรง ๆ ว่า “ขอโทษทีว่ะ ช่วงนี้ไม่ได้จริง ๆ” บางทีคุณจะพบว่าเหตุการณ์ที่เขามาปรึกษามันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เขาอาจมีทางเลือกการปรึกษาอื่น ๆ อีก หรือมีวิธีจัดการที่ดี และที่สำคัญเขาอาจสลับมาเป็นที่ระบายที่ดีให้คุณได้

พบจิตแพทย์

ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ขั้นสูงสุด ถ้าเราเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าตอนนี้เรากำลังป่วยหรือเปล่า ไปเช็กแล้วมีแนวโน้มจิตตกเข้าข่ายโรคซึมเศร้าหลังจากรับเรื่องเครียด ๆ เข้าไป การเข้าไปพบจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยตัวเองและแก้ไขโดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอกหรือมาช่วยเราอีกทีนับเป็นสิ่งที่ควรทำเราก็ต้องทำ

ทั้ง 4 วิธีนี้เป็นหนทางแก้ไขง่าย ๆ ที่ไม่ต้องเสียเงินทองมาก (ยกเว้นข้อ 4 ที่พบจิตแพทย์แต่อันนั้นก็มีสถานที่ที่ราคาไม่แพงเหมือนกัน) แต่ใช้ความเข้าใจตัวเองให้เยอะหน่อย จำไว้ว่าความจริงคุณไม่จำเป็นต้องแข็งแรงกับทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องเข้าใจคนอื่นให้ได้ดีกว่าจิตใจของตัวเอง และไม่จำเป็นต้องรับรู้เรื่องราวแย่ ๆ ของคนอื่น ๆ ทุกวัน หรือหากจำเป็นต้องทำอย่างนั้นเพราะอยากให้คนรอบข้างมีความสุข ก็อย่าลืมเหลียวแลความรู้สึกของตัวเองบ้าง

การ “รับผิดชอบ” ความรู้สึกของคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องดี แต่คงไม่ดีแน่ถ้าเราละเลยการ “ความรับผิดชอบ” ความรู้สึกของตัวเอง อย่าลืมว่าเรื่องของคนอื่นคือสิ่งที่ติดอยู่กับตัวเขา ส่วนเรื่องราวของตัวเราคือสิ่งที่ติดอยู่กับตัวเราเสมอ

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line