Entertainment

ล่าสิ่งที่รักและสิ่งที่ไม่รู้กับ ‘ซันนี่-สุวรรณเมธานนท์’ และเพื่อนซี้ที่จะปลุกการล่าฝันในตัวคุณ

By: PSYCAT June 30, 2017

ความฝันและสิ่งที่เรารักคือความงดงามในชีวิตซึ่งเราทุกคนล้วนมีสัญชาตญาณที่จะล่ามันมาให้ได้ แต่บางครั้งชีวิตก็ปล่อยหมัดมาในรูปแบบของอุปสรรคชวน FUCK UP ต่าง ๆ นา ๆ จนเราหลงลืมมันไป แต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ ซันนี่-สุวรรณเมธานนท์ ผู้ชายที่ไม่เคยหยุดที่จะตามหาความฝันและสิ่งที่เขารัก

บ่ายอันร้อนระอุที่ UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับซันนี่-สุวรรณเมธานนท์ และเคนจิ วันสว่าง เพื่อนซี้ของเขา เราสัมผัสได้เลยว่าความร้อนระอุของอากาศ ไม่อาจสู้ได้กับสัญชาตญานนักล่าในตัวพวกเขา 2 คน

UNLOCKMEN ไม่อยากให้คุณต้องพลาดการพูดคุยดี ๆ ครั้งนี้ที่จะกระตุ้นวิญญานการล่าฝัน สิ่งที่เรารัก และการตามหาความงดงามของชีวิตไปพร้อม ๆ กัน

UNLOCKMEN เริ่มต้นด้วยการยิงคำถามแบบที่เรามักมีภาพจำคุ้นเคยว่าซันนี่คือคนตลก แล้วเขาคิดอย่างนั้นกับตัวเองไหมนะ?

UNLOCKMEN: เวลาพูดถึงซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ภาพที่คนนึกถึงก็คือความขี้เล่น ตลก เป็นตัวของตัวเอง หรืออาจไปถึงขึ้นเป็นคนติสต์ ๆ จริง ๆ แล้วมองตัวเองเป็นคนอย่างนั้นไหม?

เขานิ่งนึก พร้อมทำหน้าตาทะเล้นสไตล์เขา ที่ถ้าสาว ๆ เห็นคงตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ได้ไม่ยาก

ซันนี่: เปรียบผมเสมือนผ้าขาวจะดีกว่าครับ เป็นคนแบบว่านิสัยดี น่ารัก เหมือนผ้าขาว

UNLOCKMEN: กับการทำงานเราตลก เราติสต์ กับมันได้เหมือนที่เราใช้ชีวิตหรือเปล่า?

ซันนี่: ผมเป็นคนซีเรียสนะจริง ๆ แล้ว เป็นคนจริงจัง แต่พูดอะไรก็มีมารยาท รู้กาลเทศะ นิสัยดี

UNLOCKMEN: แล้วกับการทำงานเราคิดว่าวิธีการทำงานแบบไหนที่มันเวิร์คสำหรับตัวเราเองและอยากแนะนำให้คนอื่นลองดูบ้าง?

ซันนี่: ผมว่าสิ่งที่มันเวิร์คสำหรับทุกอาชีพมันคืออิทธิบาท 4 ครับ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เวลาเราสนใจในเรื่องไหน เราก็จะพยายามพัฒนาเรื่องนั้นให้มันดีขึ้น เราก็จะตั้งใจกับมันไปเองครับ

UNLOCKMEN: คิดว่าเราจะมีวันเบื่อหรือเลิกขาดกับอาชีพนักแสดงหรือเปล่า?

ซันนี่: อาชีพนักแสดง ผมคงไม่เบื่อครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่เรารัก เรารู้สึกว่ามันสนุก สนุกพอ ๆ กับไปเที่ยวเลย มีความสุขเหมือนกินอะไรอร่อย ๆ

UNLOCKMEN: ถ้าไม่ได้เป็นนักแสดง คิดว่าตัวเองจะทำงานอะไรอยู่?

ก็น่าจะหาเลี้ยงชีพอะไรสักอย่างอยู่ ก็คงหาเลี้ยงชีพ แต่ไม่ได้เจอสิ่งที่เรารักครับ

แม้จะเป็นคำตอบสั้น กระชับ ปราศจากการขยายความ แต่แววตาของเขาตอนที่พูดถึงสิ่งที่เขารัก UNLOCKMEN บอกได้คำเดียวว่าเห็นแล้วมันชวนฮึกเหิมจนเราต้องยอมให้ ก่อนที่ซันนี่จะพูดถึงสิ่งที่เขารักต่อ

ซันนี่: พอมันเป็นสิ่งที่เรารักปุ๊ป เราทิ้งไม่ได้ไง พอเรารู้จักปุ๊ป เราก็รู้สึกอยากทำมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะเราอุตส่าห์เจอมันแล้ว ในขณะที่บางคนอาจไม่มีโอกาสได้เจอ หรือไม่มีโอกาสจะได้ทำก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราก็ทำสิ ทำมันไปทุกวัน

หลังจากฟังคำตอบแล้ว UNLOCKMEN ก็อดทบทวนตัวเองไม่ได้จริง ๆ ว่าเรามีโอกาสเจอสิ่งที่เรารักกันแล้วหรือยัง? ถ้าเจอแล้วเราลงมือทำกับมันเต็มที่แล้วหรือเปล่า? หรือมันถึงเวลาแล้วที่เราจะออกตามล่าหาสิ่งที่เรารักกันเสียที?

UNLOCKMEN: งั้นแปลว่าเราก็สนับสนุนให้ทุกคนล่าหาสิ่งที่เรารักให้เจอใช่ไหม?

ซันนี่: มันเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราจะอยากทำมันไป โดยที่เราไม่ต้องมารู้สึกว่า โอ๊ย วันนี้ขี้เกียจจังเลย

ยิ่งมันเป็นอาชีพด้วย การทำสิ่งที่รักมันจะยิ่งง่ายไปกันใหญ่เลย เพราะว่าเราจะสนใจมันมาก แล้วเราก็จะทำมันไปเรื่อย ๆ แล้วการที่เราทำมันไปเรื่อย ๆ มันก็จะพัฒนามันไปโดยที่เราไม่รู้ตัว

นอกจากสิ่งที่เรารักที่เรารู้สึกว่าเขาสนับสนุนให้ทุกคนออกตามหามัน ดูเหมือนการใช้ความรู้สึกในการดำเนินชีวิตของซันนี่-สุวรรณเมธานนท์ก็จะสำคัญพอ ๆ กัน

UNLOCKMEN: อ่านจากบทสัมภาษณ์ชิ้นที่ผ่านมา ดูเป็นคนใช้ความรู้สึก ใช้สัญชาตญานในการดำเนินชีวิต อะไรทำให้ชอบใช้ชีวิตตามความรู้สึกแบบนั้น?

ซันนี่: บางสิ่ง บางอย่างมันก็ไม่ต้องมีเหตุผลเลย ก็ถ้าเรารู้สึกแล้วว่าเราโอเคกับมัน เราชอบกับมัน แล้วมันต้องมีเหตุผลอะไรมาหักล้างล่ะ ใช่ไหมฮะ

ถ้าเจออะไรที่ชอบแล้ว เราจะเปลี่ยนทำไมล่ะ?

UNLOCKMEN: เคยใช้ความรู้สึกในการเลือก แล้วพลาดบ้างไหม? เรารับมือกับความผิดพลาดนั้นอย่างไร?

ซันนี่: พอใช้ความรู้สึกมันก็เลยไม่พลาดไงฮะ

UNLOCKMEN:เออ จริงเนอะ

ซันนี่: มันก็จะรู้สึกว่า ก็เราอยากทำแบบนี้จริง ๆ น่ะ ต่อให้มันจะออกมาแล้วมันไม่พอใจหรือไม่ดี เราก็ยังอยากทำแบบนี้อยู่ดี ให้ลืมวันนี้ไป แล้วให้เรากลับมาทำใหม่ เราก็ยังตัดสินใจแบบนั้นอยู่ดี เพราะฉะนั้นมันไม่มีเรื่องไหนที่พลาดในชีวิตหรอก มันอยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจมัน แล้วยอมรับมันได้หรือเปล่า หรือพยายามแก้ไขให้มันดีขึ้นได้หรือเปล่า

UNLOCKMEN: คนแบบซันนี่-สุวรรณเมธานนท์เชื่อในการลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำไหม? หรือชอบอะไรเดิม ๆ มั่นคง?

ซันนี่: ถ้าเจอสิ่งที่ชอบแล้ว เราจะไม่เปลี่ยน แต่ถ้าอย่างอื่นที่เราไม่รู้ เราจะอยากทำความรู้จัก เราจะเกิดความอยากรู้ว่า เอ๊ะ มันเป็นยังไง

เหมือนที่ออกไปเจอสถานที่ต่าง ๆ มันจะเกิดความรู้สึกอยากไปทุกที่ที่ผมไม่เคยไป เพราะเรารู้สึกว่า เรายังไม่รู้จักมันเลย เราจะไปตัดสินมันได้ยังไงว่าเราชอบมันหรือเปล่า

UNLOCKMEN จึงแทบไม่แปลกใจเลยที่เขาจับมือกับเพื่อนซี้อย่างเคนจิ-วันสว่างมากระโจนเข้าสู่บทบาทใหม่กับการเป็นพิธีกรรายการที่พาตัวเองและหัวใจนักล่าออกเดินทางตามหาแสงอาทิตย์ที่สวยที่สุดจากทั่วทุกมุมโลกอย่างรายการ The Sun Hunter

UNLOCKMEN: การเป็นพิธีกรรายการ The Sun Hunter ถือเป็นอะไรใหม่ ๆ ด้วยหรือเปล่า? มันท้าทายกว่าบทบาทอื่นที่เราเคยทำมาแค่ไหน อย่างไร?

ซันนี่: ไม่รู้ยากหรือเปล่า แต่สิ่งที่ทำเป็นอย่างเดียวในชีวิตคือแสดง อย่างพิธีกร เราก็ทำไม่เป็น ทำ The Sun Hunter มันเลยเหมือนเราเป็นตัวแทนของคนที่ไม่รู้อะไรเลย แล้วก็บอกทุกสิ่งตามความรู้สึกที่เราเจอ ว่าอันนี้เป็นยังไง เรามีทัศนคติ มีมุมมองแบบไหน

เราคงไม่แบบ สวัสดีคร้าบบ วันนี้นะครับ พบกับหุบเขาที่อยู่ข้างหลัง คือ หุบเขาตะลุ๊บตุยของเรา อะไรแบบนี้ก็คงไม่ใช่ (เขาตอบพร้อมทำท่าเลียนแบบพิธีกรรายการตามสูตรสำเร็จที่เรามักเห็นตามรายการโทรทัศน์ทั่วไป)

UNLOCKMEN: สิ่งที่สนุกที่สุดของการทำรายการ The Sun Hunter คืออะไร?

ซันนี่: มันคือความฝันอย่างหนึ่งคับ คือเราได้ไปเที่ยวกับเพื่อน นั่นคือสิ่งที่สนุกที่สุดครับ แล้วเราก็ได้เห็นความสวยงามในทุกสิ่งที่เราเจอ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี ไม่ดี เราจะเห็นความสวยงามของมัน

UNLOCKMEN: แต่เราไม่ได้ทำรายการนี้คนเดียว ถ้างั้นพูดถึง เคนจิ วันสว่าง เพื่อนซี้ที่จะมาร่วมงานกันครั้งนี้หน่อย

ซันนี่: เป็นเพื่อนตั้งแต่มหา’ลัยฮะ เราชอบการที่เราเจอคนคนนึงที่เราไม่ต้องมีเรื่องอะไรคอยปิดบัง ไว้ใจเขา เขาเป็นเพื่อนเรา

UNLOCKMEN มาทั้งทีจะไม่ให้ชวนเคนจิพูดคุยพอหอมปากหอมคอก็คงไม่ได้ เพราะเคนจิก็ไม่ธรรมดา เขาทำอะไรมาเยอะเกินกว่ามนุษย์ปกติที่ไม่มีสัญชาตญานล่าฝันจะทำได้

UNLOCKMEN: เคนจิล่ะ ทำอะไรมาก่อนมาทำรายการนี้?

เคนจิ: ทำแอนนิมอล คาเฟ่ ทำค่ายมวยด้วยกันกับซันนี่ ทำเสื้อผ้า ทำบริษัทเอชอาร์ รีครูธเตอร์ บริษัทมาร์เก็ตติ้ง ทำหลายอย่าง

UNLOCKMEN: แล้วนี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่ากับการเป็นพิธีกรรายการ?

เคนจิ: ครั้งแรก

UNLOCKMEN: เราชอบไหม ชอบอะไร?

เคนจิ: ชอบหมดเลย ก็ได้ทำงานกับเพื่อนด้วย ก็มีความสุข ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนด้วย

UNLOCKMEN: แล้วชอบอะไรเกี่ยวกับการทำงานกับซันนี่

เคนจิ: ก็รู้ใจอยู่แล้ว ก็เป็นเพื่อนกันมานาน

UNLOCKMEN: ฝากถึงรายการ The Sun Hunter หน่อย

เคนจิ: ต้องดูครับ
ซันนี่: ใช่
เคนจิ: มันมีอะไรเยอะมาก
ซันนี่: คุณค่าที่แอบแฝงอยู่

มาถึงตรงนี้ UNLOCKMEN อดหัวเราครืนไม่ได้ เพราะทั้งซันนี่และเคนจิต่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เหมือนหุ่นยนต์ร่างแยกที่ถูกประกอบร่างสมบูรณ์พร้อมปะทะแล้ว

เคนจิ: คือการตามล่าพระอาทิตย์มันเป็นเป้าหมาย แต่ความหมายมันคือการเดินทาง ความหมายของทริปนี้คือระหว่างทาง แต่พระอาทิตย์คือเป้าหมายที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้า นำให้เราไปตรงนั้น

ซันนี่: อย่าลืมดูนะครับผม The Sun Hunter วันที่ 5 กรกฎาคมตอนแรกนะครับ ทุกวันพุธตอนเที่ยง ทาง LINE TV

เราจบบทสนทนากันด้วยการฝากผลงานที่เขาทั้งคู่มีโอกาสทำด้วยกัน แต่จากแววตาและเสียงหัวเราะที่เขาสร้างให้คนรอบตัว รวมถึงทีมงาน UNLOCKMEN ในวันนั้น เราก็กล้ารับรองได้เลยว่าถ้าใครมีโอกาสเจอสองเพื่อนซี้นี้ที่ไหน พวกเขาจะต้องสร้างรอยยิ้ม สัญชาตญานนักล่าฝัน และการตามหาสิ่งที่เรารักในใจทุกคนได้พร้อม ๆ กันแน่นอน

แต่ถ้าไม่มีโอกาสได้เจอพวกเขาตัวเป็น ๆ ซันนี่-สุวรรณเมธานนท์และเคนจิ-วันสว่างก็รอเราทุกคนอยู่ในรายการ The Sun Hunter ทุกวันพุธตอนเที่ยงตรง พบกันตอนแรกวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ทาง LINE TV

มาปลุกวิญญาณนักล่าฝันในตัวคุณไปพร้อม ๆ กันเถอะ

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line