เราเคยนำเสนอหน้าตาหลังเปิดผ้าคลุมอย่างเป็นทางการของ 2019 BMW Z4 ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เราติดเรื่องสเปคที่ชัดเจนจาก BMW เอาไว้ วันนี้มีข้อมูลแบบ Official จาก BMW เกี่ยวกับรายละเอียดสเปคของ Roadster ล่าสุดจากทางค่ายแบบครบ ๆ เรียบร้อยแล้ว 2019 BMW Z4 มีให้เลือก 2 โมเดล เริ่มจากรุ่นเล็ก Entry Level กันก่อนกับรหัส Z4 sDrive30i Roadster ใช้เครื่องยนต์ 2.0-liter Twinpower Turbo 255 hp 295 pound-feet of torque ซึ่งเป็นเครื่องและเทอร์โบตัวเดียวกับใน 2-Series และ 4-Series Coupe แต่ให้พละกำลังมากกว่าใน Z4 อีกเล็กน้อยประมาณ 7 แรงม้า แต่แรงกว่า Z4 โมเดลก่อนถึง 15 แรงม้า
3 ยี่ห้อยานยนต์ระดับโลกที่เราคุ้นเคยได้เซ็นสัญญาผูกปิ่นโตกับ Google เรียบร้อย ทั้ง Renault Nissan และ Mitsubishii เพื่อหวังเป็นดาวเด่นในตลาดรถยนต์ที่มีโปรดักส์ครบเครื่องทั้งความเฉียบของสมรรถนะและสมองกลรวมกันทันทีที่สตาร์ต การนำ AI มาใส่ในรถเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่อย่างเราไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับค่ายผู้ผลิตรถทั้งหลายอีกต่อไป โดยเฉพาะกับกระแส internet of things ที่กำลังจะเข้ามา AI ถือเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยพลิกอุปกรณ์เดิมให้กลายเป็นสุดยอดบริการแปะป้ายคำว่า “Smart” ไว้ เรียกง่าย ๆ ว่าถ้า Smart Home ก็ต้องมี AI เชื่อมโยงคำสั่งกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน Smartphone วันนี้ก็รองรับระบบของ Siri หรือ Google Assistant ส่วน “Smart Car” แห่งอนาคตเองก็ต้องใช้ระบบ AI ในการทำงานเช่นกัน โดย Hadi Zablit ผู้นำการพัฒนาธุรกิจของ Alliance ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาในครั้งนี้ว่า “ความมุ่งมั่นของเราคือการเสนอประสบการณ์เดิมที่ลูกค้าเคยใช้งานกับมือถือนำมาอยู่ในรถยนต์ มันคือขีดความสามารถในการแข่งขัน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่คนจะเลือกซื้อรถในวันข้างหน้า” สำหรับบริการที่กลุ่ม Renault
หลังมีทั้งข่าวลือถูกปล่อยออกมามากมาย สำหรับสุดยอดโปรเจคไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดในโลกคันล่าสุดของค่าย Hennessey Performance Engineering ตอนนี้ Venom F5 ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นมากขึ้นนับตั้งแต่มีการเปิดตัว First Look ในงาน THE GENEVA INTERNATIONAL MOTOR SHOW พร้อมป่าวประกาศว่ารถคันนี้จะวิ่งได้ถึง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง และการทดสอบบน V-MAX speed-tracking ก็ยืนยันว่า Top Speed ของ Venom F5 คันนี้ ณ ปัจจุบันคือ 301 mph (484 km/h) Venom F5 มีเป้าหมายที่ถูกวางไว้ชัดเจนด้วยคำว่า Hit The 300 คือต้องทำความเร็วให้ได้มากกว่า 300 ไมล์ต่อชั่วโมง และจากการร่วมมือของ Shell และ Pennzoil ก็สามารถผลักดันให้ Hennessey Venom F5 สามารถเร่งความเร็วทะลุไปถึง 301 mph ได้จริง ทำความเร็ว
ปี 2000-2011 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง FORD และ Harley Davidson เคยร่วมมือกันผลิตรถกระบะออกมาโดยใช้รถโมเดลรุ่น Ford F-150 เป็นวัตถุดิบหลัก แต่ภายนอกได้แรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซต์รุ่นยอดนิยมอย่าง Harley Davidson Fat-Boy ซึ่งในเวลานั้นรูปลักษณ์ดุดันของมันทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ชายที่ชื่นชอบ Premium Truck หลังจากหายไปนานกว่า 8 ปี วันนี้ Harley Davidson ก็อยากจะหวนคืนมันให้กลับมาอีกครั้งในปี 2019 ที่จะมาถึง วนมาครบรอบวันเกิด 115 ปี ยักษ์ใหญ่ของวงการ 2 ล้ออย่าง Harley Davidson พวกเขามีความคิดจะจัดแสดงพาหนะทั้งหมดที่เคยผลิตมาในพิพิธภัณฑ์ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Milwaukee, รัฐ Wisconsin ที่เดียวกับสำนักงานใหญ่ โดยหนึ่งในนั้นคือ Ford F-150 Harley Davidson Edition ทว่ารถโมเดล F-150 ในครั้งนี้จะไม่ได้ถูกผลิตโดย Ford แต่ได้รับความร่วมมือกับ Tuscany Motor Co บริษัทผู้เชี่ยวชาญการผลิตรถยนต์
SSC North America ผู้ก่อตั้ง Shelby Supercar เอาใจเหล่าชายผู้รักความเร็วด้วยการเปิดตัว Hypercar โปรเจคใหม่ของทางค่ายในงาน Pebble Beach Concours d’Elegance 2018 โดยใช้ชื่อว่า SSC TUATARA หลังจากที่ก่อนหน้านี้เรียกน้ำย่อยด้วยการปล่อยภาพเครื่องยนต์ที่ใช้เป็นขุมพลัง และเงา Silhouette ตัวรถคร่าว ๆ ให้เราเดากันเล่น ๆ ว่าจะออกมารูปร่างหน้าตาแบบไหน SSC ได้เปิดเผยสเปครถบางส่วนออกมาแล้วโดย SSC Tuatara แรงจัดสะใจด้วยเครื่องยนต์ขนาด 5.9-liter V8 Twin-Turbocharged ให้พลัง 1,750 แรงม้า กรณีใช้เชื้อเพลิง E85 (1,350 เมื่อใช้เชื้อเพลิงค่าออกเทน 91) โดยส่งกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อหลัง สั่งงานโดยชุดเกียร์อัตโนมัติ 7-speeds ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แม้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าทำความเร็วตั้งแต่ 0- 100 กิโลเมตรได้ในกี่วินาที แต่ SSC ก็เคลมว่าสามารถทำความเร็วสูงสุดแบบหยุดไม่อยู่ถึง 480 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้แน่นอน อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือค่าสัมประสิทธิ์ในการสร้างแรงต้านอากาศในระบบ Aerodynamic ของ
ในชีวิตผู้ชายอย่างเรา ๆ นอกจากครอบครัว มิตรสหาย และคนข้างกายแล้ว สิ่งที่เป็นของคู่กายที่สุดแสนจะหวงแหนนั้นก็คือรถยนต์ ยานพาหนะคู่ใจที่พาเราไปได้ในทุกที่ ยิ่งร่วมทางกันตลอดแบบนี้ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงรักษาทุกจุด รวมถึงทำให้รถคันโปรดของเราหล่อสุด ๆ หากไก่งามเพราะขน คนหล่อเพราะแต่ง รถคันแรงของเราก็เท่ขึ้นได้เหมือนกัน นอกจากการโมดิฟายด์ให้ได้สมรรถนะที่ต้องการ การเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก โดยเฉพาะสีรถก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยสร้างสีสันให้กับการขับขี่ เปลี่ยนบรรยากาศการเดินทางไม่ให้ซ้ำซากจำเจ สร้างความ unique ให้กับรถคันโปรด และบ่งบอกสไตล์ของเราได้ ซึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชอบสร้างสรรค์ความเท่ในเรื่องของสีสันให้กับรถคันโปรดก็คือการแร๊ป (Wrap) อันที่จริงข้อดีของการทำ “car wrap” หรือ การติดสติกเกอร์หุ้มรถยนต์นั้นมีอยู่หลายอย่างที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างเรา ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแตกต่าง บ่งบอกสไตล์ของตัวเรา ด้วยสีสันที่การทำสีรถปกติไม่สามารถทำได้ หรือถ้าจะทำลวดลายก็แค่ปริ๊นท์อิงค์เจ็ทลงบนฟิล์ม หรือไดคัทก็ได้ เวลาในการติดตั้งก็น้อยกว่าการทำสีค่อนข้างมาก ใช้เวลาแค่ 2-3 วันก็เท่ได้ตามต้องการ แถมยังช่วยห่อหุ้มปกป้องสีรถจากทั้งรังสียูวี สะเก็ดหิน และรอยขีดข่วนได้ พอถึงเวลาอยากจะเปลี่ยนฟีลก็สามารถลอกออกได้ง่ายโดยสีรถเดิมยังคงอยู่ ทำให้มีประโยชน์ทางอ้อมก็คือมีราคาขายต่อที่ดีกว่าการเปลี่ยนสีรถจริง สำหรับขั้นตอนของการ car wrap นั้น เริ่มจากการเลือกสีสันที่โดนใจ เห็นแล้วใช่เลย จากนั้นก็หาตัวแทนติดตั้งที่น่าเชื่อถือและเชื่อมือได้ มีความปลอดภัย มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย
Ford ฉลองครบ 50 ปีเพื่อระลึกถึงชัยชนะครั้งแรกของพวกเขาในการแข่งขัน 24 Hour Le Mans ปี 1968, 1969 เหนือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Ferrari เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ทีมนักขับในเวลานั้นอย่าง Pedro Rodriguez, Lucien Bianchi, Jacky Ickx , Jackie Oliver ด้วยการเผยโฉม GT Heritage Edition 2019 Ford GT Heritage Edition 2019 มาในเครื่องแบบเอกลักษณ์ของแชมป์สีส้มฟ้าที่เรียกว่า the Gulf livery ผู้สนับสนุนคนสำคัญในตอนนั้น โดยคาดกันว่ารุ่นปี 2019 จะสวมเครื่องแบบหมายเลข 9 ที่คว้าแชมป์ในปี 1968 และรุ่นปี 2020 จะใช้เครื่องแบบของรถหมายเลข 6 ที่ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ในปี 1969 ในการแข่งขันความอึด 24 Hour LE Man ครั้งที่ 36
หลังจากเปิดตัวใน Detroit Auto Show 2018 ทำให้เราได้เห็นการกลับมาอีกครั้งของ Ford Mustang GT รุ่นพิเศษอย่าง Mustang Bullitt 2019 Steve Mcqueen Editon เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของ Ford Mustang Bullitt 1968 Iconic Car จากภาพยนตร์ที่แสดงนำโดย The King of Cool ‘Steve McQueen’ ต้องขอเกริ่นก่อนว่า Steve Mcqueen มาเกี่ยวข้องกับรถรุ่นพิเศษนี้ได้ยังไง โดยต้องย้อนกลับไปในปี 1968 เมื่อเขารับแสดงในบท Frank Bullitt พระเอกของหนังชื่อว่า Bullitt ซึ่งการแสดงที่หมดจดของ Mcqueen และฉากขับรถไล่ล่าอันบ้าระห่ำระยะเวลา 9 นาที 42 วินาทีที่ได้สร้างความฮือฮาสำหรับวงการภาพยนตร์ในเวลานั้นส่งผลให้เขาโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก และรถที่ใช้ในเรื่องอย่าง Ford Mustang 1968 สี Highland Green ก็กลายเป็นตำนานไปด้วย
จะไม่ให้ร้องว้าวก็คงไม่ได้ เมื่อของเล่นในวัยเด็กกับความฝันในวัยหนุ่มถูกมัดรวมกันไว้ในสิ่งเดียว ใครจะไปคิดว่าของเล่นตัวต่ออย่าง LEGO ที่เราเคยใช้จินตนาการสร้างให้ออกมาเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยยังแบเบาะ วันหนึ่งจะถูกสร้างมาในโมเดลรถ Hypercar อย่าง BUGATTI CHIRON แถมครั้งนี้ไม่ได้ทำมาตั้งโชว์ในตู้ไว้ดูต่างหน้าเฉย ๆ เพราะมันสามารถวิ่งได้จริงด้วย ทีมสร้าง 20 ชีวิต กับตัวต่อกว่า 1,000,000 ชิ้น สำหรับสร้างสรรค์ตัวรถ ตัวต่อมอเตอร์ไฟฟ้า 2,304 ชิ้นในส่วนของเครื่องยนต์ ชุดล้อ 4,032 ชิ้น และเพลาขับอีก 2,016 อัน พร้อมเวลาเบ็ดเสร็จ 13,400 ชั่วโมงที่ LEGO ใช้ไปกับการสร้างสรรค์ BUGATTI CHIRON ขนาดเท่าของจริงขึ้นมา ไม่เพียงแค่นั้น CHIRON คันนี้ต่างจากชุดตัวต่อ X WING FIGHTER ที่เคยตั้งตระหง่านอยู่กลางจัตุรัส Time Square ที่สร้างจาก LEGO 5.3 ล้านชิ้น ตรงที่มันไม่ได้แค่แข็งทื่ออยู่กับที่ แต่คราวนี้กลับเคลื่อนไหวได้จริง ๆ
EQ Silver Arrow เป็นคอนเซ็ปต์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล่าสุดจาก Mercedes-Benz ผลงานชิ้นโบว์แดงของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบอย่าง Gordon Wagener ที่มาพร้อมกับกับนวัตกรรมแห่งอนาคตอัดแน่นไว้เต็มคัน ซึ่งความแตกต่างและล้ำหน้าของมันทำให้เราเชื่อว่าคงไม่มีผู้ชายคนไหนจะกล้าปฏิเสธการได้เป็นเจ้าของอย่างแน่นอน Electric Car จากค่ายรถยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์คันนี้เปิดตัวเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาใน Monterey Car Week แคลิฟอร์เนีย โดยถูกออกแบบมาเพื่อให้เกียรติกับรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลกของปี 1937 อย่าง Mercedes W125 ซึ่งถ่ายทอดต้นแบบการพัฒนารถยนต์ที่นั่งเดียวมาสู่ปัจจุบัน EQ Silver Arrow คันนี้มาพร้อมกับขุมพลัง 750 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ที่ทำงานด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้าขนาด 80 กิโลวัตต์ ซึ่งถูกพัฒนาให้เสียงเบาสวนทางกับความแรงของเครื่องยนต์ แต่เสริมฟังก์ชันสำหรับผู้ชายที่ชื่นชอบความดุดัน ด้วยระบบการขับแบบ Sport และ Sport+ สามารถปล่อยเสียงเครื่องยนต์ให้ดุดันสนั่นหูแบบ Mercedes-AMG V8 หรือ Formular 1 ได้โดยสามารถทำระยะการวิ่งได้ประมาณ 250 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็มหนึ่งครั้ง ดีไซน์ภายนอก EQ Silver Arrow มาพร้อมรูปทรงคล่องตัวด้วยความยาวตั้งแต่หัวจรดท้ายเพียง 5.3 เมตร ในเฉดสี Alubeam Silver รูปทรงโค้งมนที่จะสร้าง Aerodynamic ซึ่งจะช่วยเสริมสมรรถนะทั้งในด้านการทำความเร็วและระบบเบรก