ตามหลักจิตวิทยาแล้ว ทุกหมุดหมายของการเปลี่ยนแปลงมีผลต่อจิตใจมนุษย์เสมอ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เรามีพลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นทุกครั้งที่ปีใหม่ วันเกิด (หรือวันสำคัญอื่น ๆ ) มาถึง แม้ Fresh Start Effect จะทำงานในทางจิตวิทยา กระตุ้นเร้าให้เรานึกถึงการทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่ในทางปฏิบัติถ้าเราไม่มีวินัยในตัวเอง Fresh Start Effect ก็จะเป็นเพียงความรู้สึกอันแรงกล้าช่วงปีใหม่ ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อพ้นเดือนมกราคมไป UNLOCKMEN อยากให้ทุกความตั้งใจ นำไปสู่การลงมือทำ เราจึงรวบรวม TED TALK ดี ๆ ที่จะมาบอกคุณว่าเราไม่จำเป็นต้องดีขึ้นเพื่อแข่งกับใคร แต่เราจะเป็นเราเวอร์ชันใหม่ที่ดีกว่าเดิมเพื่อตัวเราเอง ความมั่นใจไม่ใช่แค่กล้าแสดงออก แต่คือความกล้าที่จะลงมือทำจนสำเร็จ “มั่นใจขึ้นอีกนิดสิลูก” แม่อาจเคยพูดแบบนี้ เพราะตอนเรายังเด็ก น้อยคนนักที่จะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม หลาย ๆ คนมักเป็นเด็กขี้อาย และเมื่อพ่อแม่บอกเราให้มั่นใจขึ้นอีก มักจะจบลงที่เราไปแสดงอะไรสักอย่างหน้าห้องบ่อยขึ้น หรือขึ้นเวทีแสดงความสามารถประจำปีของโรงเรียนไปเสียอย่างนั้น “ความมั่นใจ” ในสายตาของใครหลาย ๆ คนจึงคล้ายเป็นเพียงเครื่องประดับของ “คนที่ชอบแสดงออก” แต่ไม่ใช่คุณสมบัติสำคัญที่ทุกคนจำเป็นต้องมีติดตัว แต่ TED TALK จาก Brittany Packnett
โลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันคุ้นชินคือโลกที่สงบสุข แต่โลกที่เรารู้จักท้าทายตัวเองให้เปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างคือโลกที่จะทำให้เรากลายเป็นคนใหม่ วันนี้ UNLOCKMEN ขอท้าลูกผู้ชายทุกคนให้ลองเปลี่ยนตัวเองเป็นเวลา 30 วัน! เพื่อทำอะไรที่ดูเหมือนง่ายแสนง่าย แต่อาจเปลี่ยนเราเป็นคนใหม่ได้แบบไม่รู้ตัว 6 ข้อง่าย ๆ ที่จะเปลี่ยนชีวิตเรานั้นมีอะไรบ้าง มาดูไปพร้อม ๆ กัน หัดปฏิเสธเสียบ้าง เราอาจเข้าใจว่าการปฏิเสธมีแต่ด้านไม่ดี แต่พลังแห่งการปฏิเสธก็มีด้านบวกเช่นกัน ลองกระบวนการปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ปฏิเสธมันทุกอย่างที่เราไม่เต็มใจทำ (ไม่ใช่ต้องทำเพราะเกรงใจ) อย่างน้อย 30 วัน 30 วันแห่งการปฏิเสธจะช่วยให้เราได้บริหารจัดการการจัดลำดับความสำคัญในชีวิต แถมมันจะช่วยให้เราเรียนรู้ว่าจริง ๆ โลกมันไม่ได้หยุดหมุนเลยถ้าเราจะปฏิเสธคนอื่นแล้วทำอะไรเพื่อตัวเองก่อนบ้าง ลดการใช้โซเชียลมีเดีย โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยประโยชน์ และงานจำนวนมาก เราก็ต้องทำโดยใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ จุดนั้นเราคงไม่ว่ากัน แต่การใช้โซเชียลมีเดียที่รุกล้ำเวลาในชีวิตเราไปจำนวนมากนั้นงานวิจัยจำนวนมาก อาทิ Facebook’s emotional consequences: Why Facebook causes a decrease in mood and why people still use it ที่บอกเราว่าการลดใช้โซเชียลมีเดียทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเชื่อ