Life

ปีใหม่นี้จะดีกว่าเดิม “5 TED TALKS”ที่ไม่ต้องไปแข่งกับใคร แค่เป็นเราคนใหม่ที่ดีขึ้นก็พอ

By: PSYCAT December 30, 2019

ตามหลักจิตวิทยาแล้ว ทุกหมุดหมายของการเปลี่ยนแปลงมีผลต่อจิตใจมนุษย์เสมอ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เรามีพลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นทุกครั้งที่ปีใหม่ วันเกิด (หรือวันสำคัญอื่น ๆ ) มาถึง แม้ Fresh Start Effect จะทำงานในทางจิตวิทยา กระตุ้นเร้าให้เรานึกถึงการทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่ในทางปฏิบัติถ้าเราไม่มีวินัยในตัวเอง Fresh Start Effect ก็จะเป็นเพียงความรู้สึกอันแรงกล้าช่วงปีใหม่ ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อพ้นเดือนมกราคมไป

UNLOCKMEN อยากให้ทุกความตั้งใจ นำไปสู่การลงมือทำ เราจึงรวบรวม TED TALK ดี ๆ ที่จะมาบอกคุณว่าเราไม่จำเป็นต้องดีขึ้นเพื่อแข่งกับใคร แต่เราจะเป็นเราเวอร์ชันใหม่ที่ดีกว่าเดิมเพื่อตัวเราเอง

 

ความมั่นใจไม่ใช่แค่กล้าแสดงออก แต่คือความกล้าที่จะลงมือทำจนสำเร็จ

“มั่นใจขึ้นอีกนิดสิลูก” แม่อาจเคยพูดแบบนี้ เพราะตอนเรายังเด็ก น้อยคนนักที่จะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม หลาย ๆ คนมักเป็นเด็กขี้อาย และเมื่อพ่อแม่บอกเราให้มั่นใจขึ้นอีก มักจะจบลงที่เราไปแสดงอะไรสักอย่างหน้าห้องบ่อยขึ้น หรือขึ้นเวทีแสดงความสามารถประจำปีของโรงเรียนไปเสียอย่างนั้น “ความมั่นใจ” ในสายตาของใครหลาย ๆ คนจึงคล้ายเป็นเพียงเครื่องประดับของ “คนที่ชอบแสดงออก” แต่ไม่ใช่คุณสมบัติสำคัญที่ทุกคนจำเป็นต้องมีติดตัว

แต่ TED TALK จาก Brittany Packnett จะทำให้คุณมองความมั่นใจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะสำหรับเธอแล้ว ความมั่นใจในตัวเองหมายถึงความกล้าที่จะลงมือเปลี่ยนแปลงความฝัน แรงบันดาลใจ ความตั้งใจ ไปสู่การลงมือทำให้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้นความมั่นใจจะทำให้เราไม่ใช่แค่ทดลองทำ แต่ไม่ว่าเราจะล้มเหลวกี่ครั้งเราก็ยังมีความมั่นใจที่จะไปต่อ มั่นใจในเป้าหมาย มั่นใจในการลงมือทำจนถึงปลายทาง

ความมั่นใจไม่เพียงแต่เป็นสมบัติของเราเท่านั้น Brittany Packnett บอกว่าความมั่นใจก็ไม่ต่างจากเปลวเพลิง ทันทีที่มันถูกจุดขึ้นแล้วมันสามารถส่องสว่างและจุดไฟในใจของคนอื่นให้สว่างไสวตามไปด้วย

 

ไม่ต้องแข็งแกร่งเสมอไป แค่เข้าใจความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น

“เราจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น” เราเชื่อว่านี่คือปณิธานปีใหม่ของใครหลาย ๆ คน เพราะโลกใบนี้มักทำให้เราเชื่อว่ามีแต่คนที่จิตใจแข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด มีแต่จิตใจไม่หวั่นไหวเท่านั้นที่สามารถทำอะไรดี ๆ ได้ แต่ความจริงกว่าของโลกใบนี้คือมนุษย์นั้นหลากหลายเกินกว่าเราจะแปะป้ายตีตราได้ว่า คนนี้จิตใจแข็งแกร่ง = มีประโยชน์ คนไหนจิตใจละเอียดอ่อนง่าย = ไม่มีประโยชน์

นี่จึงเป็น TED TALK จาก Brené Brown ผู้ศึกษาเรื่องการเชื่อมโยงกันของมนุษย์ที่จะมาบอกเราทุกคนว่า เราไม่จำเป็นต้องพยายามแกร่งเหมือนใคร ในความละเอียดอ่อนที่เราคิดว่ามันมีแต่ความอ่อนแอนั้นมันมีความทรงพลังในตัวเอง เธอจะพาเราดำดิ่งไปในงานวิจัยที่จะบอกว่ามนุษย์ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนนั้นสามารถเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถเข้าใจเพื่อนมนุษย์ และนั่นก็คือพลังงานดี ๆ ที่เรามอบให้ผู้อื่นได้เช่นกัน

 

ดีที่สุดไม่ใช่ไม่ผิด แต่ผิดแล้วยอมรับและเรียนรู้จากมัน

ทุกครั้งที่ปีใหม่มาถึงแล้วเราตั้งเป้าหมายจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งหนึ่งที่เรามักบอกตัวเองอยู่เสมอคือ “ผมจะไม่ทำผิดพลาดอีก” การตั้งใจแบบนั้นไม่มีอะไรแย่ แต่ Kathryn Schulz ผู้นิยามตัวเองว่า Wrongologist หรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องความผิดพลาดบอกว่าความผิดพลาดนั้นไม่ได้แย่ด้วยตัวมันเอง ถ้าเราสามารถยอมรับ แก้ไข และเรียนรู้จากมัน

แต่ที่เราส่วนใหญ่กลัวที่จะผิดพลาดเหลือเกินนั่นเป็นเพราะสังคมนี้ทำให้เรารู้สึกว่าการทำผิดนั้นแปลว่าเราโง่ ไม่ฉลาด ไม่ขยัน ดีไม่พอ ฯลฯ ซึ่งความรู้สึกด้านลบเกี่ยวกับการทำผิดนั้น ยังทำให้เรามักจะยืนกรานว่า “เราทำถูกเสมอ” เพราะเรากลัวที่จะเป็นคนผิด และการที่เราเอาแต่คิดว่าเราทำถูกเสมอนี่เองที่จะทำให้เราไม่ยอมรับฟังใคร ไม่ยอมรับความผิดพลาดและแก้ไขมันอย่างเป็นระบบไม่ได้

 

ภารกิจเปลี่ยนตัวเอง เริ่มได้จากความสม่ำเสมอและการกำหนดเวลา

ทุกครั้งที่เราอยากเปลี่ยนอะไรใหม่ ๆ เช่น ปีหน้าเราจะสุขภาพดีขึ้น ปีหน้าเราจะเก่งภาษาอังกฤษขึ้น ปีหน้าเราจะเล่นมือถือน้อยลง สิ่งเหล่านี้มักเป็นความตั้งใจจะดีขึ้นแบบกว้าง ๆ โดยไม่ได้ลงรายละเอียดว่าเริ่มตอนไหน ลงมือทำอย่างไร ซึ่งท้ายที่สุดเมื่อเราปล่อยให้ผ่านอาทิตย์แรกของปีไป ความตั้งใจกว้าง ๆ เหล่านี้ก็มักจะสูญสลายไปกับสายลม

Matt Cutts จึงเสนอสิ่งที่เป็นคล้าย ๆ ภารกิจเล็ก ๆ ให้เราท้าทายตัวเองว่าสามารถทำทั้งสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ไหม อีกทั้งได้เรียนรู้ว่าเราเหมาะกับมันไหม และได้ลองสิ่งใหม่ ๆ โดยภารกิจนี้คือ “ลองทำสิ่งใหม่ ๆ เป็นติดต่อกัน 30 วัน” ถ้าเราอยากสุขภาพดีเราก็ลองตั้งภารกิจให้พาตัวเองไปเดินเล่นในสวนเป็นเวลา 30 นาที เป็นเวลา 30 วัน หรือถ้าเราอยากเก่งภาษาอังกฤษขึ้น ก็ตั้งภารกิจดูหนังเรื่องที่ชอบ 30 เรื่องเป็นภาษาอังกฤษโดยไม่เปิดซับฯ เป็นเวลา 30 วัน

วิธีการแบบนี้นอกจากจะทำให้เราได้กำหนดวันเวลาที่แน่นอนให้ตัวเองแล้ว ยังช่วยให้เราเรียนรู้และปรับตัวกับสิ่งที่เราตั้งใจไว้ได้ดีขึ้นด้วย เช่น เราอาจค้นพบว่าเราไม่ชอบเดิน แต่ชอบโยคะมากกว่า หรือเราชอบเดินตอนเย็นมากกว่าเดินตอนเช้า ฯลฯ สิ่งละอันพันละน้อยที่เราได้เรียนรู้จากกิจกรรมที่เราตั้งใจทำเป็นเวลา 30 วัน จะช่วยให้เราปรับตัวกับกิจกรรมที่เราตั้งใจไว้ได้ดีขึ้นและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้ราบรื่นขึ้น

 

ความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่เริ่มจากการลงมือทำสิ่งเล็ก ๆ เสมอ

บางทีการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างอาจไม่ได้เริ่มต้นที่เรื่องยากหรือยิ่งใหญ่อย่างที่เราเข้าใจเสมอไป แต่เริ่มจากการเปลี่ยนอะไรเล็กน้อยและง่ายแสนง่าย แต่ทำเป็นประจำสม่ำเสมอจนส่งผลระยะยาว Ron Gutman ระบุว่าการยิ้มเป็นระบบพื้นฐานที่สุดที่เป็นเอกภาพในเชิงชีววิทยา ในการแสดงความรู้สึกของมนุษย์ แต่หลายครั้งเราละเลย มองข้ามและไม่เห็นความสำคัญของมัน

เขายกสารพันงานวิจัยมาเพื่อบอกว่าแค่คุณยิ้มเป็นประจำจะช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นได้ในหลายด้าน เช่น การยิ้มนั้นช่วยกระตุ้นความสุขได้ไม่ต่างจากการกินช็อคโกแลตแสนอร่อย หรือการยิ้มทำให้ปฏิสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้างดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์

 

การเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ได้หมายความว่าเราต้องวิ่งตามใครหรือใช้เส้นชัยของคนอื่นในการชี้วัดชัยชนะ เราทุกคนล้วนมีความงดงามในตัวเอง และถ้าเรามองเห็นความดงามนั้นในตัวเอง เข้าใจ ยอมรับ และใช้มันให้ถูกทาง เราก็สามารถดีขึ้น เก่งขึ้น หรือมีความสุขขึ้นได้ในแบบของเรา ซึ่งนั่นก็ดีมากพอแล้ว

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line