เปิดตัวร้านใหม่เอาใจสายดริ้งค์แบบเต็มตัว ด้วยสปีคอีซี่บาร์สุดคลาสสิกดีกรีร้อนแรงอย่าง “Playroom” (เพลย์รูม) ที่ได้รวบรวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน หลังปลุกปั้น Stage (สตาช) ร้านอาหารแคชชวลไฟน์ไดนิ่งสไตล์ฝรั่งเศสร่วมสมัยจนกลายเป็นร้านโปรดของใครต่อหลายคนมาแล้ว กับความพิเศษที่เพียงแค่เดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองของร้าน Stage ก็จะได้พบกับบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟและประตูสู่โลกอีกใบอันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์กลิ่นอายแห่งสปีคอีซี่บาร์ในแบบฉบับรัสเซียที่พร้อมจะสะกดอีกทั้งเชื้อเชิญเหล่าแขกผู้มาเยือนให้หลงใหลในวังวนนี้ตั้งแต่วินาทีแรก “Playroom” ในคำจำกัดความของสปีคอีซี่บาร์แห่งนี้นั้น ดูจะเป็นให้คุณได้มากกว่าห้องนั่งเล่นธรรมดาทั่วไป เพราะที่แห่งนี้ได้รับการออกแบบและครีเอทมาเพื่อเป็นห้องนั่งเล่นสุดแสนเพลย์ฟูล โดยได้แรงบันดาลใจมาจากมิสเตอร์ เกรย์ (Mr. Grey) ในภาพยนตร์เรื่อง Fifty Shades of Grey สำหรับทุกคนที่ต้องการมาเติมเต็มประสบการณ์สุดพิเศษ ปลดปล่อยความสนุก หรือใช้เวลาดื่มด่ำกับเครื่องดื่มและเสียงเพลงท่ามกลางความเป็นส่วนตัว อัดแน่นด้วยคาแรคเตอร์เซ็กซี่แสนซุกซน ที่ทั้งดูรุ่มรวยและหรูหรา แต่กลับมีความลึกลับ น่าค้นหาอยู่ในที ให้บรรยากาศเสมือนกำลังชมฉากโปรดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ว่าได้ โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งหรูหราที่เลือกใช้มู้ดแอนด์โทนของสีแดง ทอง และดำ แถมมาพร้อมกิมมิคให้เล่นสนุกมากมาย โดยได้ทีมอินทีเรียดีไซเนอร์คู่ใจอย่างบริษัท Paradigm Shift ซึ่งเป็นทีมผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของร้าน Stage (สตาช) เช่นกัน มารับหน้าที่สร้างสรรค์และเติมเต็มเจตนารมณ์อีกเช่นเคย หวือหวาตั้งแต่ทางเข้าที่ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็อาจยืนงงเอาง่าย ๆ โดยออกแบบมาเสมือนประตูลับให้กลมกลืนไปกับดีไซน์หรูของล็อคเกอร์ลิ้นชักขนาดเล็กนับร้อย ซึ่งเมื่อผลักเข้าไปก็จะได้พบกับสปีคอีซี่บาร์หรูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สีสันจัดจ้านอันเปี่ยมไปด้วยดีเทลที่ตั้งใจรังสรรค์มาอย่างดี ประดับตกแต่งอย่างประณีตในทุกรายละเอียดด้วยไอเทมสุดจี๊ดเพื่อให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ อาทิ โซ่
กาแฟหนึ่งแก้ว อาจมีความหมายที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน สำหรับบางคนอาจเป็นเครื่องดื่มรสขมหลายมิติ อาจเป็นแหล่งคาเฟอีนชั้นเยี่ยม อาจเป็นงานศิลปะ และอาจเป็นผลงานมาสเตอร์พีซสักชิ้น แต่สำหรับ “RED DIAMOND CAFE” คืออย่างหลัง กาแฟคือเครื่องดื่มที่ไม่ได้อัดแน่นไปด้วยคาเฟอีนเพียงอย่างเดี่ยว แต่ยังเต็มไปด้วยความประณีต ความพิถีพิถัน ตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการทำกาแฟอย่างการเลือกเมล็ด การคั่ว ไปจนถึงการเสิร์ฟแก้วต่อแก้ว ท่ามกลางบรรยากาศที่ทำให้เราหลงใหลไปกับกลิ่นหอมที่อบอวลเหมือนนั่งอยู่ในโรงคั่วกาแฟ มาเดินทางไปทำความรู้จักที่นี่ไปพร้อมกับเรา แม้คุณจะไม่ใช่คอกาแฟ แต่รับรองว่าจะต้องหลงรักเสน่ห์ของมันเข้าอย่างจัง เราเดินทางไปถึงร้านในช่วงสาย เลี้ยวรถไปจอดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามร้าน ถือว่าสะดวกมากสำหรับการมีที่จอดรถรองรับลูกค้าเป็นของตัวเองแบบนี้ เราสะดุดตาเข้ากับวัสดุสี Copper ภายนอกของร้าน ที่เป็นเหมือนโรงงานอะไรสักอย่าง พอได้ก้าวเข้าผ่านประตูบานใหญ่เข้าไป เราจึงเข้าใจว่านี่คือโรงงานคั่วเมล็ดกาแฟนี่เอง ด้วยกลิ่มหอมกรุ่นที่ปะทะเข้ากับผัสสะทางจมูก ผสมผสานเข้ากับการตกแต่งภายในแบบ Industrial Loft การโชว์ท่อ สายไฟ และการโชว์ Texture แท้ ๆ ของวัสดุนั้น ชั้นล่างมีเครื่องคั่วเมล็ดให้เราได้เห็น ยิ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกว่าที่นี่คือโรงงานคั่วกาแฟจริง ๆ ชั้นบน ค่อนข้างเป็นส่วนตัว พื้นที่ที่ให้ความรู้สึก Homey มากขึ้น ด้วยแสงที่ลอดผ่านหน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์และแมวเจ้าบ้านที่คอยคลอเคลียอาคันตุกะผู้เข้ามาเยี่ยมเยียนพื้นที่ของพวกเขา ชั้นล่างมีทั้งพื้นที่ ทั้งส่วนที่เป็นบาร์ที่เราจะได้พูดคุยกับบาริสต้า ดูกระบวนการของกาแฟแต่ละแก้ว หรือลงมานั่งในพื้นที่เล่นระดับอีกขั้น สามารถเลือกเอาตามความชอบของเราได้ทั้งนั้น
เวลาเราไปคาเฟ่สักที่อาจจะเขิน ๆ ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วมันช่างเป็นคาเฟ่หวานแหวว มองไปมุมไหน ทั้งการออกแบบภายใน การตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่เมนู ทุกอย่างมันดูฟรุ้งฟริ้งไปเสียหมด ซึ่งนั่นมันก็ไม่ผิด แค่ผู้ชายอย่างเราคงไม่อินกับสไตล์นี้เท่าไหร่นัก และดูจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสาว ๆ เสียมากกว่า ถ้าหากหนุ่ม ๆ คนไหนเจอกับปัญหานี้บ่อย ๆ และกำลังมองหาพื้นที่เท่ ๆ เอาไว้นั่งชิลล์ในวันหยุด หรืออยากจะพาสาวไปรีแลกซ์ในบรรยากาศที่แฮปปี้กันทั้งคู่ UNLOCKMEN ขอแนะนำ “NOXX CAFE” พระราม 9 ที่รวมเอาความเรียบง่ายของ Minimal และความแข็งแรงดุดันของ Industrial มาไว้ด้วยกัน จะออกมาเจ๋งแค่ไหน มาดูกัน จากแบรนด์เสื้อผ้าสู่คาเฟ่ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับคุณ “วสุ มโนมัยพิบูลย์” เจ้าของคาเฟ่และไอเดียเจ๋ง ๆ ที่เราจะได้เห็นในคาเฟ่นี้ โดยก่อนจะมีคาเฟ่แห่งนี้ คุณวสุได้มีแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองในชื่อเดียวกัน และพอแบรนด์เสื้อผ้าเริ่มอยู่ตัว จึงอยากขยับขยายแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงเปิดเป็น “NOXX CAFE” นี้ขึ้นมา ด้วยความตั้งใจที่ต้องการให้เป็นคาเฟ่ที่เหมาะกับคนทุกไลฟ์สไตล์ เป็นพื้นที่ Unisex เหมาะกับทุกเพศ Custom
ถ้าจะหาร้านนั่งดื่มสังสรรค์กัน UNLOCKMEN เชื่อว่าคงมีให้เลือกกันมากมาย เพราะเดี๋ยวนี้ร้านเปิดใหม่เยอะดั่งดอกเห็ด ร้านดี ๆ ก็มีเยอะ แต่หลายร้านดูจะขาดจุดเด่น ไร้คาแรคเตอร์ประจำตัว วันนี้เราจะขอแนะนำร้านเก๋า ๆ กันสักร้าน เพราะเชื่อเถอะว่ามาตราฐานของเราไม่ได้วัดกันที่ความใหม่เก่า เหมือนของดีถ้ามันมีค่า ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน มันก็เชิดฉายบารมีดึงดูดคนให้แวะเวียนกันไปได้อยู่ตลอด เหมือนกับร้าน TUBA Design Furniture & Restaurant แห่งนี้ที่เราภูมิใจนำเสนอ ชื่อ TUBA อาจทำให้หลายคนคุ้นหูกันดี โดยเฉพาะคนวัยเก๋ารุ่นใหญ่ วัยรุ่นสายอาร์ต หรือนักดื่มย่านสุขุมวิท ไปจนถึงนักสะสม Furniture สาย Vintage น่าจะรู้จักกันเกือบหมด เพราะถ้านับอายุตั้งแต่เปิดจนถึงตอนนี้ ก็ขึ้นปีที่ 12 เข้าไปแล้ว ถ้าเปรียบเป็นคน TUBA คงเป็นผู้ชายรุ่นใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างดี คนที่รู้จักต่างนับหน้าถือตา โดยไม่เคยอวดอ้างสรรพคุณของตัวเอง ประมาณนั้นเลย ต่างจากร้านสมัยใหม่ที่มาเร็วไปเร็ว ชื่อเสียงของ TUBA ไม่ได้มาจากการโหมโฆษณาหรือโปรโมท แต่อาศัยเสียงบอกต่อจากความประทับใจที่แต่ละคนได้รับแบบปากต่อปาก ถ้าคุณเป็นอีกคนที่พอจะคุ้นชื่อร้าน แต่ไม่เคยแวะเข้ามา เราเชื่อเหลือเกินว่าถ้าคุณได้มาครั้งหนึ่งแล้ว คุณจะต้องติดใจกลายเป็นขาประจำเช่นเดียวกับหลายๆ คนอย่างแน่นอน มาดูกันดีกว่าว่าทำไมถึงต้องลองไป “TUBA”