ในโลกของ Panerai ทุกครั้งที่แบรนด์นี้ขยับ มักไม่ใช่แค่เรื่อง “เวลา” แต่มันคือการเล่าเรื่องของตัวตนที่ไม่เหมือนใคร — และที่ Watches & Wonders ปีนี้ PAM01575 ก็เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ แต่เปล่งรัศมีบางอย่างที่ทำให้คนรักกลไกหยุดมอง นี่คือ Panerai Luminor Perpetual Calendar GMT Platinumtech PAM01575 ภาคต่อของ PAM01269 รุ่น Goldtech สุดเอ็กซ์คลูซีฟเมื่อปี 2022 ที่ออกมาเพียง 33 เรือนทั่วโลก — ครั้งนั้นมันเปิดเกมด้วยหน้าปัด smoked sapphire ที่โปร่งใสจนเผยให้เห็นจักรกลใต้ผิวเรือนเวลาได้อย่างเร้าใจ ขณะเดียวกันก็ยังคง DNA ของ Panerai ไว้อย่างครบถ้วน PAM01575 หยิบแนวคิดเดียวกันกลับมาอีกครั้ง แต่แทนที่จะแต่งทอง ก็เปลี่ยนวัสดุหลักมาเป็น Platinumtech — โลหะผสมเฉพาะของ Panerai ที่ถูกพัฒนาให้แข็งแกร่งกว่าแพลตตินั่มปกติถึง 40% ด้วยกระบวนการบ่มพิเศษภายในแบรนด์เอง ส่งผลให้ตัวเรือนขนาด
หากโลกนี้ความบางคือความสง่างาม ความแม่นยำคือบทกวี และ Tourbillon คือบทสุดท้ายของตำนาน… Bulgari ได้เขียนบทนี้ใหม่อีกครั้ง ด้วย Bulgari Octo Finissimo Ultra Tourbillon – ผู้สร้างสถิตินาฬิกาบางที่สุดในโลกถึง 10 ครั้งในทศวรรษเดียว ย้ำสถานะราชาแห่งความบางของวงการ haute horlogerie อย่างแท้จริง Octo Finissimo Ultra Tourbillon มาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 40mm x 1.85mm ที่หล่อขึ้นพร้อมกับฐานกลไกเป็นเนื้อเดียวกับฝาหลัง ด้วยวัสดุ ultra-hard tungsten carbide mainplate/caseback แข็งแรงและบางในเวลาเดียวกัน กลไก BVF 900 ที่จาก BVL 180 ของ Octo Finissimo Ultra COSC 2024 พัฒนาร่วมกับ movement specialist Concepto ทำลายขีดจำกัดของคำว่า ultra-thin ทุกฟังก์ชันต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน
ย้อนกลับไปแค่สองปีก่อน Rolex เคยทำให้โลกต้องตั้งคำถามกับ “Destro” หรือ GMT-Master II ที่ถูกออกแบบให้คนถนัดซ้ายใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการย้ายเม็ดมะยม วันที่ และ Cyclops ไปอยู่ฝั่งซ้ายทั้งหมด ในตอนนั้นหลายคนว่าแปลก บางคนว่าท้าทาย วันนี้ Rolex กลับมาเล่าเรื่องนั้นอีกครั้ง — แต่ในโทนที่หรูหรากว่า หนักแน่นกว่า และเขียวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย นี่คือ GMT-Master II Ref. 126729VTNR ในเวอร์ชั่น ทองคำขาว พร้อมหน้าปัด “เซรามิกเขียว” Cerachrom รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ถ้าคุณเป็นคนที่คุ้นชินกับ Rolex แบบเดิม คุณอาจคิดว่ามันแค่เปลี่ยนสี เปลี่ยนวัสดุ แล้วขายใหม่ในราคาที่แพงขึ้น แต่ในความจริง มันมีอะไรมากกว่านั้น โดยเฉพาะ “เนื้อของหน้าปัด” ที่ไม่ได้ใช้การพ่นสีแบบ lacquer เหมือนที่ผ่านมา แต่ใช้วัสดุ Cerachrom (เซรามิกชนิดพิเศษที่แบรนด์พัฒนาขึ้นเอง) ที่ต้องใช้ฝีมือและการควบคุมเฉดสีอย่างแม่นยำ และในรุ่นนี้ Rolex จงใจเลือกสีเขียวให้แมตช์กับขอบหน้าปัดครึ่งล่างได้อย่างแนบเนียน ซึ่งถือว่า rare
ในโลกที่นาฬิกาจักรกลถูกนิยามด้วยคำว่า “คลาสสิก” Rolex กลับเลือกจะเขียนคำว่า “อนาคต” ให้ชัดขึ้นกว่าที่เคย และ Land-Dweller คือการประกาศทิศทางใหม่ของแบรนด์ที่ไม่ต้องประกาศ แต่เริ่มจากกลไกที่เดินอยู่เงียบ ๆ ใต้หน้าปัด ชื่อ Land-Dweller ถูกจดทะเบียนตั้งแต่กลางปี 2023 การกลับมาอีกครั้งของแนวทางการออกแบบ ตัวเรือนแบบ integrated Flat Jubilee bracelet รื้อฟื้นภาพจำของยุค Oysterquartz ดีไซน์จาก Datejust ref. 1530 ในปี 1975 เป็นแกนกลางในการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยตัวเรือนทรง barrel เปิดตัวพร้อมกันถึง 10 references โดยมีทั้งตัวเรือน steel, Everose gold และ platinum ในขนาด 36mm และ 40mm บางเพียง 9.7mm กับหน้าปัด honeycomb ลายรังผึ้ง ประกบด้วยกระจก sapphire ทั้งหน้าและหลัง —
ในยุคที่เทคโนโลยีและสไตล์ต้องมาพร้อมกัน เวสป้าพร้อมที่จะนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วย Vespa Sprint Tech 150 i-Get ABS ยานพาหนะที่ผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ที่โดดเด่นในด้านการดีไซน์ เวสป้าไม่เคยหยุดที่จะพัฒนา Vespa Sprint Tech รุ่นใหม่นี้จึงเป็นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของเวสป้าดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา โฉมใหม่ของ Vespa Sprint Tech 150 i-Get ABS มาพร้อมการผสมผสานสีที่สื่อถึงความทันสมัย ด้วยโทนสีดำ Black Convinto (Matt) สีเทา Grey Entusiasta และจุดเด่นด้วยสีเขียวฟลูออเรสเซนต์ที่เพิ่มความมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ส่วนไฟ LED ดีไซน์ใหม่บนแผ่นบังโคลนทั้งสองข้างไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังสร้างความโดดเด่นในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการกดปุ่ม “ค้นหารถ” หรือขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ หน้าจอ TFT ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุกสภาวะ ด้วยการแสดงผลสีคมชัดทั้งในโหมดกลางวันและกลางคืน พร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะที่ช่วยให้การเดินทางของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยเเชื่อมต่อกับ Vespa MIA** และ Vespa
อัพเดทข่าวดี เมื่อ Seiko Prospex Alpinist Series เรือนเวลาสุดเท่ สำหรับผู้หลงใหลในเสน่ห์แห่งผืนป่าและเหล่านักผจญภัยภาคพื้นดิน ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ ยกขบวนพร้อมให้เป็นเจ้าของกันหลายรุ่น แต่สำหรับรุ่นที่ถือเป็นไฮไลต์ของคอลเลกชันนี้คือ Seiko Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills รหัส SPB493J ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนทั่วโลก เปิดตัวพร้อมให้เป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวัน ‘Love Hornbills Day’ หรือ ‘วันรักนกเงือก’ เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของนกเงือก ที่เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และเป็นนักปลูกป่าที่อบอวลไปด้วยความรักอันน่ายกย่อง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเรือนเวลาเรือนนี้ โดย Seiko Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills มาพร้อมกลไกการทำงานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 6R54
“We heard you” เพราะลูกค้าคือหัวใจสำคัญ เมื่อมีเสียงเรียกร้องเข้ามา Maurice Lacroix ก็รับฟัง feedback มาโดยตลอด นี่คือเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้แบรนด์นำ Calypso จากปี ’90s มาตีความใหม่กลายเป็น AIKON ที่เปิดตัวในปี 2016 และขึ้นแท่น best-selling ของแบรนด์นับแต่นั้นมา ในปี 2022 Maurice Lacroix ได้เปิดตัวหนึ่งในโมเดลที่สำคัญมากใน AIKON collection โทนสี monochromatic grey โชว์กลไกที่สวยงามของ openworked movement ML115 calibre ที่พัฒนาร่วมกับ Sellita จากสวิตเซอร์แลนด์ ในตัวเรือน stainless steel case ขนาด 39 mm ที่ผ่านการขัดเงาและขัดด้าน ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ AIKON ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน แบรนด์นาฬิกาจาก Swiss แห่งนี้ก็เก็บรวบรวมสิ่งที่ลูกค้าต้องการเพื่อนำมาพัฒนาจนเป็นที่มาของการเปิดตัว AIKON
รหัส m79360n-0024 ของซีรีส์ Black Bay คือการตอกย้ำการเป็นเรือนเวลาระดับประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Tudor ซึ่งเป็นการจับส่วนผสมของนาฬิกาดำน้ำระดับโปรเข้ากับ Sports Chronograph ผสมผสานอย่างลงตัวทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกลไกอัตโนมัติ Calibre MT5813 (COSC) สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง มาพร้อมกลไก Column Wheel & Vertical Clutch ที่ให้เราใช้งานได้แบบ Everyday Watch ด้วยสายนาฬิกาตัวล็อค TUDOR “T-Fit” สุดปลอดภัยใส่ On Hand ได้ตลอดวัน และด้วยไซส์ซิ่งตัวเคสความกว้างขนาด 41 มม. / ความหนา 14.4 มม. ของนาฬิกา Stainless Steel ตัวนี้ ก็เหมาะกับทุกสไตล์ มาพร้อมฟังก์ชันกันน้ำลึกถึง 200 เมตร ว่ากันด้วยไฮไลต์ความงดงามบนหน้าปัดของ Flamingo Blue ที่เป็นการตอกย้ำจิตวิญญาณแห่งการแหกฏของแบรนด์ Tudor อีกครั้ง
นอกจาก Moonwatch ที่โด่งดัง หลายคนอาจลืมไปว่าก่อนที่จะมาเกี่ยวข้องกับ Apollo program และ Moonlanding ที่จริงแล้วในอดีตปี 1957 Speedmaster มีต้นกำเนิดมาจากการเป็น racing chronograph ออกแบบมาเพื่อจับเวลา lap time และ average speed ในสนามแข่งด้วยการออกแบบ tachymeter scale ให้อยู่บนขอบหน้าปัดเป็นครั้งแรก และ Omega ก็ยังเคยมี Flightmaster pilot watch 12 Hour-GMT complication ที่แตกไลน์จาก Speedmaster ในปี 1969 นาฬิกาเรือนนี้จึงเป็นการนำตำนานที่หลายคนอาจจะหลงลืมไปให้กลับมาอีกครั้งในชื่อ Speedmaster Pilot Flight Qualified Omega Speedmaster Pilot Flight Qualified นาฬิกา pilot ที่มีกลิ่นอายของการเป็น military-tool ตัวเรือน fully brushed ปัดลายเต็มเรือนขนาด
เมื่อแบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส อย่าง MAURICE LACROIX ออกเดินทางสู่เส้นทางแห่งการรังสรรค์เรือนเวลาภายใต้ความมุ่งมั่นมาอย่างยาวนาน และเตรียมก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2025 ที่จะถึงนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลาสุดพิเศษของทางแบรนด์รวมไปถึงแฟน ๆ MAURICE LACROIX ในไทยหลายต่อหลายคน และเพื่อเป็นการส่งต่อช่วงเวลาสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ให้กับแฟน ๆ ชาวไทย ดั่งคำมั่นสัญญาที่ว่า “Your Time Is Now” ทาง MAURICE LACROIX ประเทศไทย รวมถึงบรรดาสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง MAURICE LACROIX Club Thailand ก็ได้เริ่มมองหาเรือนเวลาสุดพิเศษ ที่ควรค่าแก่การเป็นที่ระลึกสำหรับเหล่านักสะสมที่หลงใหลใน MAURICE LACROIX มาโดยตลอด แน่นอนว่าเรือนเวลาที่ถูกคัดเลือกมา จะต้องเป็นเรือนที่ถือเป็น “ยอดสุดของสุดยอด” กับ AIKON Mercury นาฬิกาชั้นสูงระดับ Masterpiece ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการแสดงเวลาอันซับซ้อนที่สุดของ MAURICE LACROIX ซึ่งใช้เวลาพัฒนากลไกยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ได้มาซึ่งรูปแบบการอ่านค่าเวลาที่แสนมีเสน่ห์ ซึ่งสะท้อนผ่านเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เป็นการสอดประสานการทำงานร่วมกันระหว่างกลไกที่สลับซับซ้อนเอกสิทธิ์เฉพาะของ MAURICE