ถ้าถามว่าใครคือนักธุรกิจหนุ่มที่มาแรงที่สุดของยุคนี้ หลายคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า Elon Musk ผู้เป็นทั้งอัจฉริยะและนักธุรกิจหนุ่มที่มีฉายา “ไอรอนแมนในโลกความจริง” ด้วยเหตุนี้เองทำให้ Musk ถูกจับตามองโดยสื่อต่าง ๆ รวมถึงสำนักข่าวแฟชั่นด้วยเช่นกัน เพราะหลายคนต่างอยากรู้ว่าอัจฉริยะอย่างเขาชื่นชอบหรือสวมใส่ไอเทมแฟชั่นของแบรนด์อะไรออกงานบ้าง สนีกเกอร์ที่ Musk ชื่นชอบและใส่ออกงานเป็นประจำคือ Nike Lunar Flyknit HTM NRG รองเท้าผ้าใบรุ่นพิเศษออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง 3 คน ได้แก่ Hiroshi Fujiwara เจ้าของฉายาเจ้าพ่อแห่งวงการสตรีตแวร์ ร่วมกับ Tinker Hatfield ผู้ออกแบบรองเท้าหลายรุ่นในตระกูล Nike Air Jordan และ Mark Parker ประธานผู้บริหารบริษัท Nike จากการออกแบบที่รวบรวมความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าดีไซเนอร์มากฝีมือจนออกมาเป็นรองเท้าหนึ่งคู่ ทำให้ Nike Lunar Flyknit HTM NRG ที่ Elon Musk ใส่ราคาพุ่งสูงและกลายเป็นรองเท้ารุ่นหายากไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตาม รองเท้าผ้าใบของ Musk ที่ถูกพูดถึงในตอนนี้กลับไม่ใช่รองเท้าคู่ดังกล่าวแต่อย่างใด รองเท้าของ Musk
ฝันของมนุษย์ที่จะท่องไปในอวกาศอันเวิ้งว้างเริ่มดูเป็นรูปเป็นร่างและใกล้ความเป็นจริงเข้าไปอีกขั้น เมื่อไอรอนแมนในโลกแห่งความจริงอย่าง Elon Musk อวดโฉมจรวดทดสอบ Starship ที่มีไว้รองรับการเดินทางทัวร์รอบดวงจันทร์สำหรับเหล่ามหาเศรษฐีที่อยากท่องอวกาศ ก่อนหน้านี้บริษัทขนส่งทางอวกาศชื่อดังอย่าง SpaceX ของนักธุรกิจหนุ่มอัจฉริยะอย่าง Elon Musk เปิดตัวโครงการพามนุษย์เดินทางไปดาวอังคารด้วยระบบขนส่งระหว่างดาวแต่ละดวงในชื่อ ITS หรือ Interplanetary Transportation System โดยใช้กระสวยอวกาศชื่อ BFR หรือ Big Falcon Rocket BFR คือยานพาหนะที่จะพาเราท่องอวกาศที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Raptor Engine ที่ใช้พลังงานเป็นมีเทนเหลวมากถึง 42 ตัว เพื่อให้เกิดแรงยกกว่า 126 ล้านนิวตัน เทียบเท่าจรวดรุ่นก่อนหน้าอย่าง Flacon 9 ทั้งหมด 16 ตัว และ BFR สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้กว่า 200 คน เพื่อเดินทางไปยังดาวอังคารและดาวอื่น ๆ ในระบบสุริยะจักรวาล BFR สามารถบินขึ้นจากบริเวณใดก็ได้ในโลกและลงจอดได้ดั่งใจ SpaceX ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำได้จริง แม้ขนาดจะใหญ่เทอะทะจนคนเอาไปล้อจาก Big Falcon Rocket เพี้ยนไปเป็น
Elon Musk คือชายที่โลกตั้งฉายาให้ว่า Iron Man ในชีวิตจริง เพราะมุมมองเฉียบคมและมันสมองสุดอัจฉริยะ แถมยังเป็นเจ้าของบริษัทที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง SpaceX, Tesla และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนทรัพย์สินยิ่งไม่ต้องอธิบายให้มากความ เขามีมากกว่า 20 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ แต่นอกจากเรื่องของความสำเร็จทะลุขีดความเป็นมนุษย์ที่เราพยายามนำเสนอรูปแบบการทำงานของเขามาให้ชาว UNLOCKMEN ได้เสพบ่อย ๆ แล้ว เราเชื่อว่าเราสามารถเข้าถึงความคิดของเขาผ่านหนังสือที่อ่านได้ UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำหนังสือ 5 เล่มที่ Elon Musk อ่าน เพื่อเป็นแนวทางให้เห็นว่าคนที่ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้เขาสนใจอ่านอะไร Zero to One: Notes on Startups, or How to Build the Future by Peter Thiel หนังสือเกี่ยวกับธุรกิจโดย ปีเตอร์ ธีล ผู้ได้ฉายาว่าเป็นประธานาธิบดีของโลกไร้เงินสด จากชายที่ถูกปฏิเสธไม่รับเข้าทำงานในศาลสูง เขาคือหนึ่งในผู้สร้างธนาคารออนไลน์ชื่อดังอย่าง PayPal หนังสือเล่มนี้จึงไม่ต่างจากการแบ่งปันความคิดและทัศนคติในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเองบนโลกแห่งการเงินในปัจจุบันของเขา Musk
เชื่อว่าหลายคนที่นั่งหลังพวงมาลัยคงเคยรู้สึกเครียดกับสภาพรถติดบนท้องถนนกับถ้วนหน้า เพราะไม่ว่าเราจะมีรถพันธ์ุดุหลายแรงม้าหรือรถบ้าน รวยหรือจน แต่ถ้าเข้าเส้นลาดพร้าวช่วงไพร์มไทม์แล้วล่ะก็ยังไงก็จอด มีโอกาสสบตากันยาวตั้งโต๊ะกินข้าวกันได้เป็นชั่วโมง ๆ สำหรับคนอื่นที่เจอเหตุการณ์รถติดแบบนี้อาจจะแค่บ่น แต่ตัวพ่ออย่าง ELON MUSK จะไม่ยอมบ่นเฉย ๆ เพราะเขาเอาจริง หยิบความคับข้องใจตอนเจอพิษรถติดเวลาเดินทางจากบ้านมาที่ทำงานมาเป็นแรงบันดาลใจ (จากลอสแองเจลิสมา สำนักงาน SpaceX เมือง Hawthorne) จึงทุ่มทุนใช้งบหลายล้านดอลลาร์กับเวลา 1 ปีขุดอุโมงค์เพื่อวาร์ปรถหนีการจราจร แถมยังตั้งชื่อบริษัทเกรียน ๆ มาทำโปรเจกต์ด้วยว่า The Boring Company บริษัทน่าเบื่อที่ระดมทุนจากหมวก สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่อยากเชื่อ แต่มันก็เป็นจริง ไม่ใช่แค่พาวเวอร์ของเทคโนโลยีที่เหลือล้น แต่เบื้องหลังของบริษัท The Boring Company ที่สร้างโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่นี้เริ่มต้นจากการระดมทุนขายหมวกไม่กี่ใบในราคาใบละ 20 ดอลลาร์กับทวีตขายหมวกในทวิตเตอร์ของ Musk ที่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกวันที่ 18 ตุลาคมปี 2017 โดยหวังว่าจะเอาเงินพวกนี้ไปแก้ปัญหาน่าเบื่อ ๆ ซึ่งแน่นอนวันนี้เขาได้ทำมันแล้ว และเราก็ได้เห็นการเดินทางระดับตำนานแบบนี้เป็นครั้งแรกของโลก ดิ่งลงดิน วาร์ปข้ามแดน เส้นทางการดำดินครั้งนี้ Elizabeth Lopatto หนึ่งในทีม
พระเจ้ามีหน้าตาแบบไหนกันนะ? คำว่าพระเจ้าสำหรับบางคนคือสิ่งนามธรรมไร้ตัวตน สำหรับบางคนคือผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง มีตัวตนอยู่จริง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แตกต่างกันไปตามแต่ละปัจเจก แต่ที่เหมือนกันคือ ทุกคนไม่รู้ว่าหน้าตาพระเจ้าเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าคนอื่นเคยสงสัยกันมั้ย แต่เราคือหนึ่งในคนที่สงสัย และมักจะถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่าถ้าพระเจ้ามีจริง หน้าตาของพระองค์จะเป็นเช่นไร ดีใจที่ในที่สุดก็มีคนสงสัยเหมือนเรา จากการสำรวจชาวอเมริกันคริสเตียนจำนวน 511 คน ทดลองให้พวกเขาจินตนาการใบหน้าของพระเจ้า และอธิบายลักษณะในความคิดออกมาให้นักสเก็ตภาพมืออาชีพวาดตาม จากนั้นนำใบหน้าทั้ง 511 คนมารวมกันให้กลายเป็นใบหน้าเดียว ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาปรากฎว่ามันดันละม้ายคล้ายกับ Elon Musk ผู้บริหารแห่ง Tesla และ SpaceX เสียอย่างนั้น! น่าสนใจที่ใบหน้าของพระเจ้ากลับดูทันสมัย อ่อนเยาว์ เหมือนคนธรรมดาในโลกปัจจุบัน ไร้ซึ่งหนวดเครายาวเฟิ้ม แตกต่างจากที่หลายคนได้ Stereotype เอาไว้ จากการศึกษาพบว่าคนส่วนใหญ่เชื่อว่าส่วนใดส่วนหนึ่งในใบหน้าของตัวเองจะมีส่วนคล้ายกับใบหน้าพระเจ้า นอกจากนั้นคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่จะเชื่อว่าพระเจ้านั้นอ่อนเยาว์ มีร่างกายและใบหน้าไม่เกินช่วงวัยกลางคน ชาวแอฟริกัน-อเมริกันส่วนใหญ่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นคนผิวสี ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองเปี่ยมด้วยเสน่ห์ มีรูปร่างหน้าตาดีเชื่อว่าพระเจ้านั้นก็จะหน้าตาดีและเปี่ยมด้วยเสน่ห์ด้วยเช่นกัน ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้เราสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมใบหน้าของพระเจ้าที่เฉลี่ยมาจากจินตนาการของคน 511 คนจึงคล้ายกับ Elon Musk ที่เป็นชายผิวขาว หน้าตาตามเกณฑ์ธรรมดา ไม่มีส่วนไหนโดดเด่น ศาสตราจารย์ Kurt Gray นักเขียนอาวุโส
ถ้าพูดถึง CEO ระดับแนวหน้าของโลกตอนนี้ คงไม่มีทางที่ชื่อของ Elon Musk จะหลุดโผไปได้ เขาคือ CEO ของ Tesla และ SpaceX รวมถึงเป็น chairman ของ SolarCity ที่กำลังทำโปรเจกต์ล้ำ ๆ ให้กับโลกใบนี้มากมาย แถมยังเป็นนักลงทุนระดับมหาเศรษฐีที่ขึ้นชื่อว่างานล้นมือที่สุดคนหนึ่ง แต่อะไรที่ยังทำให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ได้ วันนี้เราแอบเอานิสัย 5 อย่างของเขามาฝากให้ชาว UNLOCKMEN ได้ลองใช้เป็นตัวอย่างในการทำงานให้มีประสิทธิภาพดู ใช้การสื่อสารผ่านข้อความ Elon Musk ถือเป็นอีกคนที่เป็นตัวพ่อเรื่องการสื่อสารผ่านอีเมลหรือข้อความ เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องอาศัยการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้เขาอยู่กับตารางเวลาการทำงานของตัวเองได้เต็มที่มากขึ้น โดยไม่ต้องพะวงอยู่กับการรับโทรศัพท์แต่ให้คนที่อยากติดต่อสื่อสารผ่านข้อความแล้วตอบกลับเมื่อมีเวลา บางครั้งก็ต้องเป็นคนเข้าถึงยาก แม้ใคร ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้จัก Elon Musk ดี แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่เข้าถึงตัวยากมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะการเข้าถึงจากคนนอกบริษัทของเขา เขาบอกว่าการทำให้คนเข้าถึงยากเป็นการป้องกันการเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น มีโอกาสในการโฟกัสกับงานตัวเองมากขึ้น multitasking เข้าไว้ Elon Musk เชื่อว่าการทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวหรือที่เรียกว่า multitasking เป็นเรื่องที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ