GADGETs

รถบนถนนเยอะก็มุดดินไปเลย! นวัตกรรมอุโมงค์ความเร็วสูงของ ELON MUSK ที่เราต้องอิจฉา

By: anonymK December 21, 2018

เชื่อว่าหลายคนที่นั่งหลังพวงมาลัยคงเคยรู้สึกเครียดกับสภาพรถติดบนท้องถนนกับถ้วนหน้า เพราะไม่ว่าเราจะมีรถพันธ์ุดุหลายแรงม้าหรือรถบ้าน รวยหรือจน แต่ถ้าเข้าเส้นลาดพร้าวช่วงไพร์มไทม์แล้วล่ะก็ยังไงก็จอด มีโอกาสสบตากันยาวตั้งโต๊ะกินข้าวกันได้เป็นชั่วโมง ๆ

สำหรับคนอื่นที่เจอเหตุการณ์รถติดแบบนี้อาจจะแค่บ่น แต่ตัวพ่ออย่าง ELON MUSK จะไม่ยอมบ่นเฉย ๆ เพราะเขาเอาจริง หยิบความคับข้องใจตอนเจอพิษรถติดเวลาเดินทางจากบ้านมาที่ทำงานมาเป็นแรงบันดาลใจ (จากลอสแองเจลิสมา สำนักงาน SpaceX เมือง Hawthorne) จึงทุ่มทุนใช้งบหลายล้านดอลลาร์กับเวลา 1 ปีขุดอุโมงค์เพื่อวาร์ปรถหนีการจราจร แถมยังตั้งชื่อบริษัทเกรียน ๆ มาทำโปรเจกต์ด้วยว่า The Boring Company

บริษัทน่าเบื่อที่ระดมทุนจากหมวก

สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่อยากเชื่อ แต่มันก็เป็นจริง ไม่ใช่แค่พาวเวอร์ของเทคโนโลยีที่เหลือล้น แต่เบื้องหลังของบริษัท The Boring Company ที่สร้างโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่นี้เริ่มต้นจากการระดมทุนขายหมวกไม่กี่ใบในราคาใบละ 20 ดอลลาร์กับทวีตขายหมวกในทวิตเตอร์ของ Musk ที่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกวันที่ 18 ตุลาคมปี 2017 โดยหวังว่าจะเอาเงินพวกนี้ไปแก้ปัญหาน่าเบื่อ ๆ ซึ่งแน่นอนวันนี้เขาได้ทำมันแล้ว และเราก็ได้เห็นการเดินทางระดับตำนานแบบนี้เป็นครั้งแรกของโลก

 

ดิ่งลงดิน วาร์ปข้ามแดน

เส้นทางการดำดินครั้งนี้ Elizabeth Lopatto หนึ่งในทีม The Verge ที่มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ตรงนี้ด้วยตัวเอง เล่าว่าลักษณะการเดินทางมันก็เป็นการเข้าโรงจอดนึง วาร์ปไปโผล่ที่โรงจอดรถอีกแห่ง ด้วยการนำรถลงลิฟต์กดลงไปสู่เบื้องล่าง จากนั้นเมื่อถึงด้านล่างปากอุโมงค์จะมีไฟสีแดง ที่เมื่อเดินทางข้ามช่วงต้นไปแล้วไม่กี่หลา แสงนั้นจะแทนที่ด้วยแสงสีฟ้า จากนั้นจะมีสารถีรับ-ส่งคุณจากต้นทางถึงปลายทาง

 

สเปคของอุโมงค์ต้นแบบลอดเมืองนี้ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 3.66 เมตร ในระยะความยาว 1.83 กิโลเมตร และเป็นรูปแบบ one way เลนส์เดียว เข้าซองกันได้ทีละคันต่อกันไป ซึ่งการทดสอบวิ่งในอุโมงค์ซึ่งเพิ่งประกาศตัวไปเมื่อวันอังคารที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมานี้ก็ไม่ใช่ยี่ห้อไกลที่ไหน แต่เป็น Tesla Model X โปรดักส์ของเขาเอง นำมาปรับแต่งติดล้อเล็กให้รูดรางใต้ดินไปได้ง่าย ๆ เพื่อกันการสวิงกระแทก คิดสภาพว่าถ้าลงไปแล้วต้องบังคับพวงมาลัยเอง โอกาสจะหักไปล้อเบียดครูดรางก็เกิดขึ้นง่าย ๆ การมีล้อติดก็ถือว่าเซฟไว้

ของฟรีไม่มีในโลก ลงทุนแล้วเขาจะได้อะไร

นอกจากประเด็นช่วยแก้ไขโครงข่ายการจราจรเพื่อสังคม อีกแง่หนึ่งที่จะมองข้ามไม่ได้ก็คือการหาจุดคุ้มทุน เพราะเท่าที่ดูศาสดาเทคฯ ก็น่าจะคิดมากกว่าการยิงปืนนัดเดียวเสมอ เท่าที่เรามองเห็นได้ง่ายก็ชัด ๆ แล้ว 2 ทาง งานนี้แม้จะไม่กระโตกกระตากแต่ก็น่าจะมีผลให้เงินไหลมาได้

ทางแรก เงื่อนไขของรถที่ลงอุโมงค์ต้องเป็นรถไฟฟ้าขับขี่อัตโนมัติเท่านั้นโดย Musk ให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยว่าอุโมงค์มันแคบ ถ้ารถยนต์มีสันดาปเข้ามาวิ่งมันจะอมมลพิษไว้ เดี๋ยวจะซวยหมู่เวลาไปอยู่ในนั้น แต่ถ้าจะให้ขยายหรือสร้างระบบระบายอากาศเพื่อรองรับตอนนี้ก็ขออภัยด้วย เพราะทุกอย่างมันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น

นัยหนึ่งก็มองว่าประหยัดได้ แต่อีกนัยก็ไม่พ้นการผลักดันให้คนซื้อรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบอ้อม ๆ ซึ่งแม้ว่าเขาจะย้ำว่าจะไม่ใช้ของ tesla ก็ได้นะ แต่ก็กระตุ้นให้คนอยากซื้อใช้ของเขาอยู่ดี

ทางที่สอง ความสำเร็จของ Musk ต่อยอดขายเทคโนโลยีได้ เพราะเมื่อ Musk ทำได้สำเร็จ หลายพื้นที่ในประเทศที่ผังเมืองไม่สามารถขยายได้อีก อาจต้องซื้อ Line Storm ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเครื่องขุดอุโมงค์ของเขาที่มีสมรรถนะการขุดสุดอึด เฉียบ ปรับมาตัวเดิมอย่าง Godot ที่เคยใช้งานตอนเริ่มโปรเจ็กต์ทำให้ทำงานได้ดีกว่าถึง 3 เท่า

และเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องทั่วไปแล้ว มันยังขุดได้เร็วกว่าเครื่องขุดปกติถึง 15 เท่าอีกด้วย ทว่าก็ยังมีแย้มว่าเร็วเท่านี้ยังไม่พอ เฮียจะทำให้เร็วกว่านี้อีกด้วยการวางแผนส่งเทคโนโลยีใหม่ตัวที่ 3 เรียกว่า Prufrock มาใช้งาน

ทางที่สาม ความสำเร็จเรื่องเทคโนโลยีที่โลกประจักษ์มันเป็นการดึงดูดนักลงทุนให้มาร่วมทุนแน่นอน

เท่าที่ผ่านมา The Boring Company ได้ประกาศมาแล้ว 4 โปรเจ็กต์ ได้แก่ การทดสอบอุโมงค์ของ Hawthorne, อุโมงค์ที่ Dodgers Stadium ที่ลอสแองเจลิส, อุโมงค์ในชิคาโกและอีกแห่งในย่าน DC แม้ว่าอีกแห่งที่ Musk สนใจจะสร้างอุโมงค์เพิ่มในเขต westside of LA แต่เขาก็ต้องยอมถอยทัพโปรเจ็กต์นั้นเพราะมีกลุ่มชุมชนแถวนั้นฟ้องร้อง

ส่วนเรื่องเงินที่คนถามกันว่า เฮ้ย! ลอดท่อเป็นมาริโอ้แบบนี้หมดไปเท่าไหร่ เขาก็เผยตัวเลขไว้ว่าไม่มากไม่น้อยตอนนี้แค่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เฉย ๆ หนึ่งไมล์ในอุโมงค์ที่ทดสอบอยู่ซึ่งใช้เวลาปีครึ่งกว่าจะสำเร็จ และอีกราว 10 ล้านเหรียญ ไม่รวมค่าวิจัย พัฒนา จิปาถะอุปกรณ์ที่ใช้ แต่อุโมงค์นี้ก็นับว่าถูกมาก เพราะถ้านับเส้นทางอื่นนี่ก็แพงกว่านี้เยอะ อย่าง Silver Line ใน Washington, DC นั่นต้องใช้เงินสูงถึง 300 ล้านสหรัฐต่อไมล์ แน่นอนว่าแม้ว่าจำนวนเงินเหล่านี้เราเห็นก็ซีดแล้วแต่เขาก็คงทำสำเร็จได้ด้วยวิธีที่ออกไปนั่นเอง

ถึงแม้ว่าการเริ่มต้นทดสอบครั้งนี้จะเจอความขลุกขลักอยู่บ้างเพราะสื่อที่นั่งส่วนมากฟีดแบ็กกันว่าเจอแรงสะเทือนระหว่างนั่ง ไม่ได้เคลื่อนตัวสมูธนักกับความเร็วที่ยังไม่ได้เต็มสปีด เพราะช่วงทดสอบใช้ความเร็วแค่ 72 กม./ชม. เท่านั้น แต่ Musk ก็รับปากว่าจะปรับปรุงให้นิ่มขึ้นและเมื่อเปิดตัวใช้งานจริงสปีดมันต้องเร็วกว่านี้อยู่แล้ว เพราะเขาระบุว่ามันจะใช้ได้เร็วกว่า 160 กม./ชม.

เห็นแบบนี้แล้วน่าอิจฉา เชื่อว่าชาว UNLOCKMEN ก็คงฝันเหมือนเราว่าอยากมีโอกาสไปลองกับเขาบ้าง เพราะว่ากันว่าด้วยการใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติจากรถยนต์ไฟฟ้ามันจะทำให้เรามีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่น อยากกินข้าวปั่นงานระหว่างเดินทางก็ทำได้สบาย ๆ แถมยังถึงปลายทางรวดเร็วด้วย

แหม่…ถ้าเอามาใช้แทนอุโมงค์บ้านเราได้น่าจะดี ย่นระยะเวลาได้เยอะทั้งการสร้างและการเดินทางเลย

SOURCE: 1 / 2 / 3 / 4 / 5

 

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line