“ความสำเร็จอาจจะเกิดจากใครสักคนมีชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อเขาได้มาเจอเรา” นี่คือความสำเร็จที่ทั้งแปลกและมักน้อยที่สุดตั้งแต่เราเคยคุยด้วย เพราะมันไม่ได้วัดผลจากคุณภาพชีวิตของคนทำ ไม่ได้มุทะลุจะไปในระดับโลก และไม่น่าเชื่อว่าการตั้งเป้าหมายก้าวเล็ก ๆ แบบนี้จะเป็นเบื้องหลังเหตุผลของการขับเคลื่อนชีวิตในหัวใจใครได้ จากนี้ไปเป็นเรื่องราวที่เราพูดคุยกับอดีตเด็กหญิงวัย 17 ปีที่ไม่ชอบเรียนเลข มีการ์ตูนเล่มโปรดและไกด์บุ๊กการอยู่ต่างแดนเล่มเดียวกันคือ “เครยอนชินจัง” เธอฝันอยากเป็นนายกหญิงคนแรกของประเทศไทยจนเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจเรียนต่อและใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นนานถึง 10 ปี ถ้าพูดแบบนี้หลายคนคงเดาไม่ถูกแน่ ๆ แต่ถ้าสโคปให้สั้นลงว่าเด็กสาวในวันนั้นคือคอลัมนิสต์ที่เล่าเรื่องไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่นจัดจ้านในวันนี้ เธอเป็นคนแรก ๆ ที่ทำให้เรารู้ว่าญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่ภูเขาไฟฟูจิและโตเกียวบานาน่าผ่านเว็บไซต์มารุมุระ และปัจจุบันยังเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนนี้คุณอาจจะเริ่มคิดออกแล้วว่าเธอคนนั้นคือใคร นี่คือ “เกตุวดี มารุมุระ” แต่วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักตัวตนแท้ ๆ ของเธอในชื่อที่คุณอาจยังไม่คุ้น “ดร. กฤตินี พงษ์ธนเลิศ (เกด)” เป้าหมายของการเรียนต่อญี่ปุ่นคือการเป็นนายกหญิงคนแรก กว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับญี่ปุ่นดี วันที่เป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับกันและกัน เป้าหมายของเกดที่ตั้งใจไปเรียนต่อญี่ปุ่นคือการมีโปรไฟล์เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ก่อนสมัครเป็นนักการเมือง เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดีและเล่าเรื่องความฝันชิ้นโตวันวานที่ล้มกระดานไปแล้วอย่างไม่อาย “สมัยเด็ก ๆ ฝันใหญ่มาก อยากจะเป็นนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย อยากพัฒนาประเทศค่ะ ตอนนั้นตัวเองไม่ใช่คนที่เก่งเลขเลย แต่ก็ตัดใจ เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์เดินตามทางปณิธานอันยิ่งใหญ่ เพราะรู้สึกว่าถ้าเราเป็นนักการเมืองขึ้นชื่อโปรไฟล์ว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์มันต้องดูเท่มาก ๆ พอเรียนไปได้ 4 ปีแล้วรู้สึกว่าด้วยความรู้ระดับเราที่ไม่ได้เข้าใจเศรษฐศาสตร์เท่าไหร่ คงสร้างนโยบายช่วยประชาชนไม่ได้แน่ เลยกลับมานั่งทบทวนตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เราชอบ
ความรักทำให้ทุกสิ่งอ่อนนุ่ม แข็งขืน มีพลังและท้อถอยไปพร้อมกัน อาจเรียกได้ว่ามันคือตัวแปรประหลาด ๆ ในโลกนี้เพียงอย่างเดียวที่พร้อมจะสูบเราให้จมดินหรือส่งขึ้นฟ้าก็ได้ ช่วงชีวิตลูกผู้ชายเราทุกคนคงต้องเคยได้รับบททดสอบ “ความรัก” ด้วยกันทั้งนั้น มุมที่ทำให้ความแกร่งของเราไร้ค่าไร้ความหมาย จนต้องเผยความโรแมนติกออกมา ไม่เว้นแม้แต่วีรบุรุษคิวบาที่เราชื่นชม นักปฏิวัติชาวอาร์เจนตินาชื่อก้องโลกที่ยังคงเห็นภาพของเขาอยู่ทุกวันนี้ในฐานะ iconic ของขบถ นักปลดแอกทางสังคมลัทธิมาร์กซิสอย่าง Ernesto Guevara (เอร์เนสโต เกวารา) หรือที่รู้จักกันด้วยชื่อ “Che Guevara” (เช เกวารา) UNLOCKMEN ขอพาคุณไปรู้จักแง่ความเป็นมนุษย์ผู้อ่อนไหวของผู้ชายที่ไม่เคยสิ้นชื่อจากวงการอุดมการณ์และความเท่าเทียม ในมุมมองที่น้อยคนจะมีโอกาสรับรู้อย่าง “ความรัก” จากคนที่ใกล้ชิดร่วมสนามรบและเคียงหมอน Aleida March (อาเลย์ดา มาร์ช) ผู้หญิงของเช แน่นอนว่าถ้าใครติดตามชีวประวัติของ เช เกวารา (ออกเสียงตามอย่างคิวบา) ต้องรู้ว่า อาเลย์ดา มาร์ช ไม่ใช่เจ้าสาวคนแรกของเช แต่เธอคือเจ้าสาวคนที่สองและเป็นคนสุดท้ายในชีวิตที่เชรักที่สุด เจ้าสาวคนแรกของเช Hilda Gadea (อิลดา กาเอดา) คือนักเศรษฐศาสตร์ชาวเปรูที่ไม่ได้สะสวยนัก ชนิดที่ในสารคดีชีวประวัติเชได้กล่าวว่า เขาดูถูกหน้าตาของเธอแต่ชื่นชมที่เธอมีปรัชญาทางความคิดและการเมืองที่คล้ายกัน ดังนั้น ภาพความโรแมนติกระหว่างทั้งคู่จึงไม่ค่อยมีให้เห็น แต่หลายคนเชื่อว่าเธอคนนี้คือกุญแจผลักดันเขาเข้าสู่ฝ่ายซ้าย ก่อนที่เชจะไปพบกับ Fidel Castro
ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง เห็นแต่ไม่รับรู้ เรียนแต่ไม่เข้าใจ…เรามันห่วย! ในชีวิตนี้คงมีสักครั้งที่เราต้องเผชิญสถานการณ์เดจาวูนี้ วิถีการเรียนรู้แบบเด็กหลังห้องที่เรียนอะไรก็ไม่ค่อยจะเข้าหัว ท่องอะไรก็ลืม ซึ่งแม้เราจะพลิกแพลงเอาตัวรอดมาได้แต่ลึก ๆ ก็ยังต้องสะกิดใจกับตัวเลขประเมินนั้นอยู่ดี พูดบ้าน ๆ ว่าความรู้สึก “ห่วย” มันคอยย่องมาทิ่มแทงเราเสมอ แล้วมันแปลว่าเรา “ห่วย” จริงหรือเปล่า? แน่นอนว่าคำตอบคือ “ไม่” เพราะประสบการณ์บอกเราว่าคนประสบความสำเร็จดัง ๆ หลายคนบนโลกใบนี้ก็ไม่ได้เกรดดีเสมอไป แต่มีจุดร่วมเรื่อง “ความเข้าใจ” และการหาเส้นทางเรียนรู้ให้ถ่องแท้จากนั้นค่อยนำไปใช้แบบเต็มสูบ ซึ่งมันก็แปลว่า ถึงการเรียนในห้องเรียนจะเป็นการสอนจับปลาแต่ใช่ว่าการเรียนรู้แบบเดียวกันจะใช้ได้กับทุกคน เมื่อ “ทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่การเรียน ทุกอย่างอยู่ที่การสอนด้วย” ธรรมชาติของแต่ละคนคลิ๊กกับวิธีการเรียนรู้ที่ต่างกัน เราจึงไม่พลาดเมื่อมีคนบอกว่าตอนนี้มีการแจ้งเกิดแพลตฟอร์มการเรียนรู้สุดเจ๋งแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกที่คนเรียนมีอำนาจเลือกวิธีเรียนที่ใช่ได้นั้นอยู่ในประเทศไทย และทั้งหมดเริ่มต้นที่ตึก FYI จาก SEAC (South East Asia Center) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเรานี้เอง! VISION POSSIBLE : แพสชันจากเด็กหลังห้องสู่แนวหน้าผู้นำ จากการเปิดตัวช่วงต้นปีที่ SEAC (South East Asia Center) เน้นการพัฒนาและยกระดับองค์กรยุคใหม่ด้วยหลักสูตรสร้างผู้นำและนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ได้รับการตอบรับขององค์กรชั้นนำทุกภาคส่วนด้วยจำนวนผู้เรียนรู้กว่า 30,000 คนที่ผ่านมา ทำให้คุณอริญญา เถลิงศรี
เรานั่งสนทนากันในวันที่แสงแดดดี ไม่มีกลิ่นอายความเศร้า แต่เอ่ยถึง “ความตาย” กันเหมือนเรื่องปกติสามัญเรื่องหนึ่งไม่ต่างจากเรื่องเล่าข่าวเช้า หรือเรื่องเล่าพูดคุยธรรมดาช่วงบ่าย พี่ที่คุ้นเคยกันคนหน่ึงกล่าวว่าช่วง 25-35 คือวัยที่เราทยอยไปงานแต่งอย่างบ้าคลั่ง แต่หลังจาก 40 เป็นต้นไป งานศพจะเป็นงานที่เราไปบ่อยที่สุด คนที่เรารักจะทยอยจากไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การพบ พราก จาก ลา และแสดงความอาลัยต่อสิ่งที่จากคือธรรมดาของโลก สิ่งที่น่าสนใจคือในทุกงานศพมักมีวัฒนธรรมการแสดงความอาลัยต่อเจ้าของงานอย่างการมอบพวงหรีดดอกไม้ที่เรารู้สึกเคยชินกับการให้ แต่ไม่เคยมองว่าปลายทางของมันจะจบลงอย่างไร จนกระทั่งได้พบกับรูปแบบหรีดใหม่อย่าง “หรีดหนังสือ” ที่ช่วยกระตุกต่อมคิด เราจึงพบว่าแท้จริงแล้วความเศร้ามันสามารถส่งต่ออะไรให้กับคนอื่นได้มากมาย ทั้งผู้วายชนม์ คนที่ยังอยู่ และสังคม แถมหรีดนี้ยังได้รับการดีไซน์ออกมาสไตล์มินิมัลสมเกียรติ เหมาะแก่การส่งต่ออีกด้วย เพื่อติดตามเบื้องหลังความคิดสร้างสรรค์นี้ UNLOCKMEN จึงมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้คิดโครงการและผู้เกี่ยวข้องกับหรีดหนังสือเหล่านี้ ดอกไม้สด ลูปความเศร้าที่จบไม่สวย ถ้าพูดถึงหรีดงานศพ “ดอกไม้สด” จะเป็นสิ่งแรกที่เราคิดถึง ธรรมดาแล้วเรามักจะคิดว่าเป็นวัสดุธรรมชาติเดี๋ยวก็คงย่อยได้ แต่จากสถิติปลายปีที่แล้วเฉพาะเทศกาลลอยกระทงบริเวณลุ่มน้ำปิงพบว่ามีขยะกระทงจำนวนถึง 120 ตันภายในวันเดียว แล้วสำหรับงานศพที่เกิดขึ้นทุกวัน เฉลี่ยทั่วประเทศวันละ 1,200 งาน คงไม่ต้องบอกว่าเราจะพบกองหรีดเป็นพะเนินขนาดไหน บวกการสร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์ปริมาณสูงถึง 359 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ ยังไม่นับรวมฟอร์มาลีนที่นำมาฉีดเพื่อคงความสดให้พวกเราต้องสูดเข้าไปซึ่งจะสร้างอันตรายอีกมากมาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้คุณสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ริเริ่มดำเนินการโครงการอย่างจริงจัง