สุดยอดการแข่งขันแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่าง Formula 1 กำลังจะเริ่มต้นสนามแรกของปี 2020 ใน Australian Grand Prix วันที่ 15 มีนาคมนี้และค่ายนาฬิกาสาย Racing อย่าง TAG Heuer ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์กับทีม Aston Martin Red bull Racing ก็เตรียมปล่อยนาฬิการุ่น Formula 1 ประจำปีตามออกมาเช่นกัน เข้าสู่การเป็นพันธมิตรปีที่ 4 สำหรับแบรนด์ TAG Heuer กับทีมแข่งรถสูตร 1 Aston Martin Red bull Racing ซึ่งปีนี้มีนักแข่งสัญชาติไทย-อังกฤษอย่างอเล็ก อัลบอน อังศุสิงห์ มาเป็นนักขับตัวหลักของทีมคู่กับแม็กซ์ เวอร์สเต็ปเพ่นไปจนจบฤดูกาลนี้และเพิ่งเปิด RB16 รถแข่งประจำปี 2020 ออกมาสด ๆ ร้อน ๆ แน่นอนว่าพันธมิตรอย่าง TAG Heuer ได้เตรียมนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับฤดูกาลใหม่โดยใช้ชื่อว่า TAG
หากตำนานนักแสดงอย่าง Bruce Lee ยังมีชีวิตอยู่ในปีนี้เขาจะมีอายุครบ 80 ปี ซึ่งค่ายนาฬิกาอย่าง Casio ต้องการให้เกียรตินักแสดงผู้ล่วงลับที่มีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้และวัฒนธรรมตะวันออกให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยนาฬิการุ่นพิเศษของค่าย Casio Bruce Lee Edition มีพื้นฐานมาจากนาฬิการุ่น MRG-G2000 เรือนเวลารุ่นไฮเอนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องวัสดุและเทคโนโลยีที่ในการผลิตออกมาเป็น Casio MRG-G2000BL-9A โดยตัวอักษร BL ต่อท้ายรหัสย่อมาจาก Bruce Lee MRG-G2000BL-9A “Bruce Lee Edition” เต็มไปด้วยงานดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากยอดนักบู๊ ตั้งแต่สีที่ใช้สายเรซินสีเหลืองและตัวเรือนสีดำตามสีชุดวอร์มในตำนานของ Bruce Lee ตอนที่แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Game Of Death ส่วนของหน้าปัดใช้เป็นสีเหลืองและแดง ตัวแทนของ Jeet Kune do ศิลปะการต่อสู้ที่คิดค้นขึ้นโดย Bruce Lee พื้นผิวขอบตัวเรือนเคลือบด้วย Diamond Like Carbon (DLC) รับรองความทนทานต่อการขีดข่วน แกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาจีน 12 คำหมายถึงหลักการสำคัญ 12 อย่างของศิลปะการต่อสู้ Jeet
ถ้าจะพูดถึงแบรนด์นาฬิกาคุณภาพที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์งานดีไซน์เฉพาะตัว กลไกการเดินเข็มที่ได้มาตรฐาน และมีชื่อเสียงระดับตำนานในแวดวงนาฬิกาโลก คงจะลืมชื่อของ ‘Seiko’ แบรนด์นาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยไปไม่ได้เลย แม้ Seiko จะมีประวัติศาสตร์ยาวนานและโลดแล่นเดินเข็มอยู่ในวงการนาฬิกามาเกือบ 140 ปี แต่แบรนด์นาฬิการายนี้ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเรือนเวลาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่เริ่มต้นปี 2020 ด้วยการเปิดตัวคอลเลกชันนาฬิกาดำน้ำในตระกูล ‘Black Series’ ของไลน์อัป Seiko Prospex ก็ทำเอาหนุ่ม ๆ ทั่วโลกอยู่ไม่ติดเก้าอี้และกาปฏิทินรอวันวางจำหน่ายที่จะมาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมปี 2020 นี้ แล้วตอนนี้ Seiko ก็ทำเราเซอร์ไพรส์อีกครั้ง เพราะบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกา Seiko เตรียมขยายฐานการผลิตและประกาศเปิด Pop-up Store แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ Pop-up Store แห่งนี้จะตั้งอยู่ที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น M แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และสินค้าแฟชั่นยอดนิยมของคนกรุงเทพฯ ภายในร้าน Seiko Pop-up Store มาพร้อมงานดีไซน์สุดเท่ ประดับตกแต่งร้านด้วย LED Track Light และโครงเหล็กสีดำเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลาจาก
ในยุคเทคโนโลยีเฟื่องฟูที่ระบบสตรีมมิงเพลงกำลังนิยมอย่างตอนนี้ น่าแปลกที่ทำไมผู้ชายบางยังหลงรักความคลาสสิกของเครื่องเล่นแผ่นเสียงเก่า ๆ และแปลกยิ่งกว่านั้นเมื่อแผ่นไวนิลกลายเป็นของหายากและมีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ตอนแรกจะคิดว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงและแผ่นไวนิลคู่หู คงเป็นสิ่งของกระแสนิยมที่เข้ามาและจากไปในเร็ววัน แต่ช่วงไม่กี่ปีให้หลังดูเหมือนว่าเสียงเพลงอันเกิดจากการวางหัวเข็มลงบนร่องไวนิล ดังกึกก้องและเข้าไปอยู่ในใจผู้ชายหลายคนจนอยากซื้อสักเครื่องมาไว้ในครอบครอง เมื่อไม่กี่วันมานี้ Gearbox เปิดตัว ‘Gearbox MKII Transparent Turntable’ เครื่องเล่นแผ่นเสียงสุดเท่ ที่ใช้เคสโปร่งใสห่อหุ้มและสามารถมองเห็นกลไกการทำงานของเครื่องจักรได้เต็มสองตา แม้จานเสียงของเครื่องจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Braun PC 3 SV ของ Dieter Rams เครื่องเล่นแผ่นเสียงไอคอนิกแห่งปี 1955 แต่ Gearbox MKII Transparent Turntable ดีไซน์ขนาดมาให้กะทัดรัดกว่า ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ Gearbox สร้างเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบโปร่งใส แต่บอกเลยว่าครั้งนี้พวกเขาอัปเกรดสเปกให้เจ๋งขึ้นกว่าเดิมเยอะ ตัวหัวเข็มดีไซน์ด้วยลูกรอกอลูมิเนียมและใช้สายพานที่แข็งแรงทนทาน ช่วยให้เล่นแผ่นไวนิลได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพ นอกจากนั้นยังผสมผสานระหว่างเครื่องเล่นเก่าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่เข้าด้วยกัน รองรับระบบบลูทูธให้หนุ่ม ๆ สตรีมเพลงไวนิลและส่งไปยังลำโพงไร้สายเพื่อกระจายเสียง Gearbox MKII Transparent Turntable ยังมีเทคโนโลยีจดจำเพลงออนบอร์ดที่สามารถระบุและส่งแทร็กจากคอลเลกชันไวนิลของคุณไปยังเพลย์ลิสต์บน Spotify ได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งยังมีปลั๊ก RCA สำหรับเชื่อมต่อกับลำโพงแบบมีสายได้อีกด้วย ไม่เพียงให้เสียงที่ยอดเยี่ยม
หนุ่มที่เป็นแฟนสมาร์ตโฟนสายแอนดรอยด์โดยเฉพาะตระกูล Samsung Galaxy คงทราบข่าวการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ของค่ายอย่าง Samsung Galaxy S20 และอาจสังสัยกันว่าทั้งหมดที่เปิดตัวออกมาถูกพัฒนาขึ้นไปมากน้อยแค่ไหนและมีความโดดเด่นยังไงบ้าง วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนมาทำความรู้จักเรือธงรุ่นใหม่ทั้ง 3 แบบเบื้องต้นไปพร้อมกัน Samsung Galaxy S20 เปิดตัวออกมาเป็น 3 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ Galaxy S20, Galaxy S20 Plus และ Galaxy S20 Ultra มีขนาดและสเปคเครื่องแตกต่างกันออกไป มาดูกันว่าแต่ละรุ่นจะมีรายละเอียดแตกต่างกันยังไง เริ่มจากสิ่งที่เห็นเป็นลำดับแรกคืองานดีไซน์ ดีไซน์ของ Samsung Galaxy S20 ทั้ง 3 รุ่นเหมือนกันตัวเครื่องตั้งใจออกแบบให้มีความโค้งมน กระจกหน้าจอเป็น Gorilla Glass 6 ขอบเครื่องโดยรอบยังคงใช้วัสดุเป็นโลหะซึ่งคงความหรูหราได้เป็นอย่างดี หน้าจอแสดงผลมาพร้อมดีไซน์แบบ Infinity-O Display แผ่เต็มขอบเครื่องทุกด้านใช้งานได้เต็มตา พร้อมตำแหน่งหน้ากล้องหน้าที่วางไว้ตรงกลางเหมือนใน Note 10 ทั้ง 3 รุ่นมีการแสดงผลของจอที่ภาพสวยงามจากเทคโนโลยี Dynamic
ยังจำวิธีย้ายข้อมูลจากเครื่องสู่เครื่อง อุปกรณ์สู่อุปกรณ์ไหมว่ามันยากและใช้เวลาขนาดไหน บางครั้งเราต้องซื้ออุปกรณ์แยกแบบ OTG มาเพื่อให้มีช่องว่างสำหรับเสียบ Thumb Drive ถ่ายโอนข้อมูล แต่จะดีแค่ไหนถ้าเราไม่ต้องมีอุปกรณ์หลายตัว ใช้แค่ตัวเดียวก็พอแถมออกแบบมาให้ดีไซน์น่าใช้งาน iSpoid คือไอเดียของ Chi-Eun Jang, Hyeokryul Kwon, Jaegeun Kim และ Jeongmin Lim ทีมนักศึกษาเกาหลีใน Behance ที่ออกแบบ Apple Pencil หน้าตาคล้าย Dropper ตัวด้ามคล้าย Apple Pencil ปกติ แต่ทำด้านบนมีลักษณะเป็นหัวบีบคล้ายลูกยางของ Dropper โดยได้แรงบันดาลใจการออกแบบสนุก ๆ นี้มาจากการย้ายสสารของเหลวจากบีกเกอร์หนึ่งสู่อีกบีกเกอร์ด้วย Dropper แนวทางการออกแบบวิธีการใช้งานก็ไม่ต่างจาก Dropper เลยคือต้องนำเจ้า iSpoid นี้ไปจิ้มไฟล์บริเวณหน้าจอของอุปกรณ์เครื่องที่เป็นต้นทางข้อมูลเพื่อทำการดูดหรือ copy จากนั้นรอให้แถบไฟจากปลายปากกาค่อย ๆ ขึ้นจนครบเพื่อโชว์ให้เห็นการทำงานแบบเรียลไทม์ และเมื่อครบเต็มทุกขีดแล้วผู้ใช้สามารถยกตัวปากกาขึ้นจากอุปกรณ์แรกยกไปวางบนเครื่องปลายทาง จากนั้นบีบบริเวณหัวลูกยางสีขาวเพื่อ Drop หรือ Paste ไฟล์นั้นลงในเครื่อง รูปแบบการชาร์จมีแท่นเสียบสำหรับชาร์จไว้ แต่
การแข่งขันในตลาดกล้องแอ็กชันที่ว่าดุเดือด ยังต้องหลบให้กับความเข้มข้นของตลาดกล้องคอมแพกต์ที่แต่ละค่ายต่างงัดตัวเด็ดมาเฉือดเฉือนกันแบบไม่มีใครยอมใคร แล้วแบรนด์กล้องจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Fujifilm ก็เป็นหนึ่งในนั้น ล่าสุด Fujifilm เขย่าบัลลังก์กล้องคอมแพกต์ให้สั่นสะเทือน ด้วยการเปิดตัว ‘Fujifilm X100V’ คอมแพกต์พรีเมียมจากซีรีส์ X100 ในตำนาน มาพร้อมงานดีไซน์คลาสสิกแบบกล้องฟิล์มและช่องมองภาพไฮบริดที่ทำให้รุ่นนี้น่าจับตามองกว่ากล้องรุ่นอื่น ๆ Fujifilm X100V ตัวนี้มีเซนเซอร์ X-Trans CMOS IV ความละเอียด 26 ล้านพิกเซล และมีช่วง ISO อยู่ที่ 160-12800 ใช้ระบบประมวลผลทรงพลัง X-Processor 4 จับคู่กับเลนส์ 23 mm. f/2.0 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอด้วยความละเอียดสูงขึ้น ความผิดเพี้ยนต่ำ และมีประสิทธิภาพการโฟกัสที่ดีกว่าเดิม นอกจากจะใช้อัลกอริทึมช่วยตรวจจับ AF ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในระดับความสว่างต่ำสุด Fujifilm X100V ยังถ่ายภาพต่อเนื่องด้วย Electronic Shutter ได้ 20 เฟรมต่อวินาที หรือถ่ายด้วย Mechanic Shutter ที่
มีไม่กี่เรื่องที่ผู้ชายเราทำไม่ค่อยได้หรือถ้าทำได้อาจจะทำไม่ค่อยดี เรื่องหนึ่งคือการรีดผ้าให้เรียบ กับอีกเรื่องคือการฟอกอากาศกรุงเทพฯ ตอนนี้ให้ใสสะอาด แต่มันก็ดันมีนักประดิษฐ์หัวใสจับ 2 อย่างนี้มารวมร่างกันได้อย่างลงตัว นวัตกรรมชิ้นนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Jiheon Son นักออกแบบชาวเกาหลีประดิษฐ์ผลงานชื่อ “Steam Manager” เครื่องมหัศจรรย์ที่มีฟังก์ชัน 2 in 1 ที่เราต้องการ ได้แก่ การฟอกอากาศก็ดี รีดผ้าเรียบรวมทั้งสามารถกำจัดกลิ่นอับชื้นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วยการใช้ระบบไอน้ำในเครื่องเดียวกัน ลองดูบอร์ดก่อนจะกลั่นไอเดียมาได้จะเห็น Ref เจ๋ง ๆ ที่ผู้ชายเราชอบหลายชิ้น ทั้งเคส Mac เครื่องฟอกอากาศทรงสูง ฯลฯ จริง ๆ ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอ LG styler 2019 มาก่อน เราว่ามันก็มีเค้าความคล้ายคลึงอยู่บ้าง แต่พอมีเรื่องประโยชน์ของการฟอกอากาศที่ตอบโจทย์เหมาะกับชาวไทยเหลือเกิน คงต้องยกให้ Steamer Manager ได้ตำแหน่งที่ 1 ในใจก่อน ด้วยไซซ์ที่กะทัดรัด วางได้ในแนวตั้งตอบโจทย์การวางในบ้านที่มีพื้นที่พักอาศัยจำกัดอย่างคอนโดหรือหอพักได้ดี ช่วยให้เราจัดการการรูปแบบการใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็มั่นใจว่าต้องดีกว่ากางโต๊ะรีดผ้าเสียบเตารีดแน่นอน ประกอบกับวิธีการทำงานที่ใช้ได้ไม่ยากแค่ดึงส่วนด้านบนขึ้น เครื่องจะยืดตัวขึ้นมาให้เราพร้อมแขวนเสื้อหรือกางเกงที่ต้องการรีดไว้ด้านใน (มีไม้แขวนติดกับเครื่อง) แล้วเราแค่กดปุ่มให้เครื่องทำงานมันก็จะรีดผ้า
เมื่อโลกเริ่มเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ก็พัฒนาไปตามระดับความชาญฉลาดของมนุษย์ แม้ในอดีตใครหลายคนจะคิดว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องไกลตัว และคงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้หรือปรับตัวให้ตามเท่าทัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบัน ‘เทคโนโลยี’ ที่นำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาพัฒนาต่อยอด เริ่มแทรกตัวเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา และการใช้งานเทคโนโลยีก็กลายเป็นอีกกิจวัตรของผู้ชายหลายคนไปเสียแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีไม่เคยเป็นเรื่องไกลตัว แถมเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับชีวิตเราจนไม่อาจเลี่ยงได้ วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากนำไฮไลต์ของงานเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง ‘CES 2020’ มาฝากหนุ่ม ๆ ทุกคน งาน CES (Consumer Electronics Show) หรือ CES 2020 เป็นงานจัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 7-10 มกราคม 2020 ณ เมืองเนวาดาของรัฐลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 53 ตั้งแต่จัดงาน CES ครั้งแรกเมื่อปี 1957 ในงาน CES 2020 มีบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 4,500 บริษัท นำเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยที่พวกเขาพัฒนามาจัดแสดงให้ปรากฏต่อทุกสายตาของคนทั่วโลก เพื่อบอกถึงทิศทางของเทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนอนาคตของคุณให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Samsung Ballie หุ่นยนต์ผู้ช่วยสุดเจ๋งในบ้าน
ขณะที่จีนก็กำลังกักกันเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ดังในรอบปีอย่าง Xiaomi เองก็ไม่พลาดโอกาสนี้ ตีเหล็กตอนกำลังร้อน ส่งนวัตกรรมตัวใหม่ FIVE Smart Disinfection and Sterilization Lamp ที่ไม่ได้บอกว่าจะฆ่าโคโรน่าได้ แต่ที่แน่ ๆ เขายืนยันว่าฆ่าเชื้อโรคชนิดไหนก็ตามที่แพ้แสง UVC ยังไงก็ตายเรียบแน่นอน ใครที่ตามข่าวโคมไฟชนิดนี้อาจจะได้ยินชื่อ Xiaomi Youpin และสงสัยว่ามันอันเดียวกับ Xiaomi ไหม คำตอบคือแบรนด์เดียวกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน เพราะ Youpin จะแยกไว้สำหรับรองรับโครงการระดมทุนเพื่อสร้างนวัตกรรมโดยเฉพาะ ก็เรียกได้ว่าคล้าย ๆ Kickstarter แต่ว่าเป็นระบบของจีน ปล่อยโปรเจกต์โคมไฟฆ่าเชื้อโรคในร่มออกมา ขนาดกะทัดรัด 245 x 120 x 120 มม. มีขนาดเบาเพราะทำจากพลาสติกและโลหะ (ช่วงแกนกลาง) สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ในพื้นที่ระหว่าง 20-30 ตารางเมตร หลักการทำงานของมันคือการใช้คลื่นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่ใช้ทางการแพทย์หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของแสงอาทิตย์มาใช้เพื่อฆ่าเชื้อโรค เรียกง่าย ๆ ว่า จับแสงอาทิตย์มาใส่โคมไฟในร่มแล้วเปิดฆ่าเชื้อโรค ในบ้านโดยสามารถสั่งและควบคุมผ่านแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Mijia ได้ทันที อธิบายให้เห็นภาพชัดมากขึ้นว่าเจ้าโคมไฟที่แสงเหมือนโคมไฟที่ช็อตยุงที่เราเคยใช้ตอนเด็ก ๆ