Leica แบรนด์กล้องสัญชาติเยอรมันที่โด่งดังระดับโลก เพิ่งเปิดตัว ‘Leica M10 Monochrom’ กล้อง Rangefinder ตัวใหม่ที่นำโมเดลกล้องรุ่นยอดนิยมอย่าง Leica M10-P มาเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้เทพกว่าเดิม เฉือนตัวเครื่องให้บางเฉียบกว่าเก่า เพิ่มการเชื่อมต่อแบบไร้สาย และที่สำคัญมาพร้อมเซนเซอร์ขาวดำ 40 ล้านพิกเซล Leica M10 Monochrom ตัวนี้ดีไซน์บอดี้ให้เป็นสีดำเทาล้วน ลบโลโก้สีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ Leica ออกไป ขณะที่ใช้การแกะสลักและพื้นผิวสีดำเรียบหรูเข้ามาแทนที่ เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ของกล้องขาวดำแห่งยุคแอนะล็อก ไม่เพียงงานดีไซน์กล้องที่เปลี่ยนไป แต่สเปกก็ถูกอัปเกรดให้ทรงประสิทธิภาพกว่าเดิม Leica M10 Monochrom ใช้เซนเซอร์ฟูลเฟรม 40 ล้านพิกเซลที่พัฒนาขึ้นใหม่ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพขาวดำโดยเฉพาะ ช่วยให้ภาพดูคมชัด เป็นธรรมชาติ และเก็บทุกรายละเอียดยิบย่อยได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากวงแหวนตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์และวงแหวนตั้งค่า ISO จะถูกเปลี่ยนให้เป็นสีเทาดำ ช่วงความไวแสงก็ปรับใหม่ให้อยู่ที่ ISO 160-100,000 ทำให้บันทึกภาพด้วยช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้นได้ สร้างเสถียรภาพให้กล้องทำงานได้ดีในสภาพแสงน้อย แม้จะถ่ายภาพในสภาวะที่มีคอนทราสต์ไม่สม่ำเสมอกัน แต่ภาพก็ยังคงมีพื้นที่ให้เงาและแสงสว่างตัดกันอย่างชัดเจน กล้องยังติดตั้งหน้าจอสัมผัส LCD ขนาด 3 นิ้วไว้ด้านหลัง ช่วยแสดงผลภาพถ่ายได้อย่างจุใจ มีบัฟเฟอร์หน่วยความจำ
หลังจากเปิดตัว ‘Insta360 Go’ กล้องแอ็กชันขนาดจิ๋วที่ถ่ายวิดีโอ HD จากความสามารถของ AI ไปเมื่อปีก่อน เริ่มต้นปี 2020 นี้ Insta360 ก็ไม่รอช้า เตรียมปล่อยกล้องแอ็กชันรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ ‘Insta360 One R’ ที่มาพร้อมเลนส์สามแบบ รองรับทั้งการถ่ายมุมกว้าง ถ่ายแบบ 360 องศา และถ่ายด้วยความคมชัดระดับกล้อง Leica Insta360 One R มีให้เลือกแบบ three editions คือ 4K Wide Angle Edition, Dual-Lens 360 Edition และ 1-Inch Edition กล้องทั้งสามดีไซน์หน้าจอมาตรฐานขนาด 1.3 นิ้ว ใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหว 6-Axis Stabilization ที่ช่วยให้ภาพดูนุ่มนวลและคมชัดมากขึ้น กล้องยังติดตั้งอัลกอริทึม Deep Track ที่สามารถติดตามวัตถุเพื่อโฟกัสจุดเด่นในวิดีโอและภาพถ่ายของคุณได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นยังมาพร้อม built-in Microphone
คงไม่เคยมีใครคาดคิดว่า อากาศบริสุทธิ์ที่ไร้ฝุ่น PM2.5 หรืออากาศที่ไร้มลพิษจะกลายเป็นสิ่งหายากในบางประเทศ ปัจจุบันเรียกได้ว่ามนุษย์ใกล้จะเดินทางถึงยุคที่ต้องมีหน้ากากเป็นส่วนนึงของอวัยวะร่างกายกันแล้ว ในประเทศไทยเราได้เจอกับฝุ่น PM2.5 ระดับเข้มข้นจนเป็นอันตรายกระจายไปทั่วประเทศ ในประเทศที่อากาศมีมลพิษหนักกว่าเราอย่างจีนหรืออินเดีย และเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่รุนแรงอย่างในอเมริกาและออสเตรเลีย หน้ากากก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใส่ติดหน้าจนกลายเป็น Culture ที่คนค่อย ๆ ทำกันจนชินมากขึ้น มลพิษในอากาศถือเป็นปัญหาที่รุนแรงต่อสุขภาพ เพราะการสูดดมเข้าไปเป็นจำนวนมากต่อเนื่อง เป็นต้นเหตุของสารพัดโรคร้ายตั้งแต่โรคหัวใจไปจนถึงมะเร็ง บวกกับอากาศของโลกที่ร้อนขึ้นทุกปี ยิ่งทำให้ปัญหามลพิษและฝุ่นควันมีแต่จะรุนแรงและยาวนานขึ้น ล่าสุดภายในงาน CES 2020 สิ่งที่หลายคนเคยจินตนาการไว้ก็ถูกนำออกมาแนะนำ มันคือ Ao Air by Atmos Faceware หน้ากากที่สามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ให้ผู้สวมใส่ ซึ่งมันกลายเป็น Wearable gadgets เสมือนมีเครื่องฟอกอากาศติดตัว แต่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกสำหรับคนมีเงินเท่านั้น เพราะ Ao Air ตั้งราคาขายเอาไว้สูงถึง $350 หรือราว 11,000 บาทเลยทีเดียว ในขณะที่หน้ากาก N95 ทั่วไปราคาอย่างแพงก็แค่หลักร้อยถึงพันเท่านั้น Ao Air by Atmos Faceware เป็นหน้ากากสำหรับสวมใส่ครอบปากจมูก มีการออกแบบให้โปร่งใสด้วยมุมมองที่เชื่อว่าในอนาคตมนุษย์จะต้องใส่หน้ากากเกือบตลอดเวลา จึงทำหน้ากากใสเพื่อให้เห็นสีหน้าและรอยยิ้มนั่นเอง
เมื่อผังเมือง ทางเดินเท้า จวบจนถนนหนทางของเมืองใหญ่ออกแบบมาให้เป็นสัดส่วนและรองรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่มากขึ้น ก็ทำให้ผู้คนนิยมขับขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในเมืองขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากจะเป็นยานพาหนะที่เอื้อประโยชน์ต่อการเดินทางในชีวิตประจำวัน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายังไม่ปล่อยมลพิษไปทำลายชั้นบรรยากาศเหมือนกับยานพาหนะประเภทอื่น ๆ อีกด้วย ไม่กี่วันมานี้เราเพิ่งเห็นการเปิดตัวของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสุดเจ๋ง ‘Dragonfly Hyper Scooter’ พัฒนาโดย D-Fly Group บริษัทขนส่งในกรุงลอนดอน สกู๊ตเตอร์คันนี้ไม่เพียงได้รับสมญานามว่าเป็น “Hyper Scooter คันแรกของโลก” แต่ยังมาพร้อมพลังขับเคลื่อนจากเครื่องจักรกลอัจฉริยะ ห่อหุ้มด้วยวัสดุพรีเมียมที่แข็งแรงทนทาน ทั้งคาร์บอนไฟเบอร์ ตัวถังอลูมิเนียมเกรดเดียวกับยานอวกาศ หรือแม้แต่ไม้พาโลเนียเสริมใยคาร์บอน รูปลักษณ์ของสกู๊ตเตอร์ดีไซน์มาเป็นทรงเหลี่ยมที่ดูโฉบเฉี่ยวและมั่นคง ตัวคันบังคับออกแบบมาให้คล้ายกับรถเข็นและดูไม่ซ้ำใคร นอกจากจะหมุนแฮนด์ได้แบบรถมอเตอร์ไซค์แล้ว ยังใช้เทคโนโลยีการบังคับเลี้ยวแบบ Full-Tilt ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง Formula 1 ช่วยปรับปรุงรัศมีการเลี้ยวและขับขี่ผ่านโค้งหักศอกได้อย่างราบรื่น Dragonfly Hyper Scooter มีวางจำหน่ายทั้งหมดสองรุ่น คือรุ่น 3 ล้อ และรุ่น 4 ล้อ โดยในรุ่น 4 ล้อจะใช้ระบบช่วงล่างแบบปีกนกคู่ ที่ทำให้รัศมีวงเลี้ยวแคบลงและช่วยให้การควบคุมรถแม่นยำยิ่งขึ้น Dragonfly Hyper Scooter ทำงานด้วยมอเตอร์ Dual-powertrain ที่ให้กำลังส่ง
PLATFORM 66 งานสตรีตเฟสติวัลครั้งแรกของประเทศไทยเพิ่งผ่านพ้นไป อีเวนต์ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและผู้คนที่หลงใหลการสร้างสรรค์แฟชั่นสไตล์ใหม่ ๆ โดยงานนี้ CASIO G-SHOCK ขนทัพนาฬิการุ่นหายากและนาฬิกา LIMITED EDITION มาจัดแสดงในงานอย่างเนืองแน่น การเปิดตัวครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับ คิคุโอะ อิเบ ชายผู้ก่อตั้ง G-SHOCK และนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกกาลเวลา โดยเขาเดินทางมาร่วมเปิดตัวและพูดถึงแรงบันดาลใจของนาฬิกา G-SHOCK Metal Face GM-5600 หน้าเหลี่ยม และเอกลักษณ์ความเป็น ORIGINS ของ G-SHOCK พร้อมเผยแรงบันดาลใจ FROM PASION TO INNOVATION ร่วมกับ ปิ๊น-อนุพงศ์ คุตติกุล ผู้ก่อตั้งแบรนด์สตรีตชั้นนำของประเทศไทยอย่าง CARNIVAL สำหรับความร่วมมือสุดพิเศษในการสร้างคอลเลกชัน G-SHOCK x CARNIVAL™ GM-5600 LIMITED EDITION ที่มีขายเพียง 150 เรือนทั่วโลก ในงาน PLATFORM 66 ที่แรกและที่เดียวอีกด้วย โดยนาฬิการุ่นลิมิเต็ดนี้ โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดเท่ ออกแบบใหม่ด้วยกรอบสเตนเลสสตีลสีเงินและสายเรซินสีดำด้าน
คงต้องยอมรับว่าเครื่องมือ EDC ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะออกแบบมาเพื่อเน้นประโยชน์การใช้สอยเป็นหลัก โดยอาจไม่ได้คำนึงถึงรูปลักษณ์และคุณภาพมากเท่าที่ควร และผู้ชายสายคราฟต์อย่างเราก็ไม่ถูกใจสิ่งนี้มากเท่าไรนัก วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากมาแนะนำมีดพกคมกริบที่แม้จะนับเป็นหนึ่งในเครื่องมือ EDC ทว่าผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทั้งยังสอดแทรกงานดีไซน์สุดเท่ที่ถอดแบบมาจากมีดควงบาลิซอง (Balisong) ที่ผู้ชายหลายคนหลงใหล Terrain 365 บริษัทผู้คร่ำหวอดด้านการผลิตมีดและเครื่องมือ EDC สำหรับผู้ชาย ร่วมมือกับ D Rocket Design บริษัทผลิตมีดจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดตัวมีดพกเล่มล่าสุด ‘Mini-Butterfly Böhler M390’ โดดเด่นด้วยใบมีด Böhler M390 สุดแกร่งจากสเตนเลสสตีลตระกูลมาร์เทนซิติก (Martensitic) ผสมกับผงโลหะ ช่วยให้มีดเล่มนี้ทนทานต่อการกัดกร่อนและการสึกหรอได้อย่างดีเยี่ยม Mini-Butterfly Böhler M390 ได้แรงบันดาลใจมาจากมีดควงบาลิซอง (Balisong) ของประเทศฟิลิปปินส์ จึงออกแบบด้ามจับให้แยกเป็นสองส่วนได้ตามสไตล์มีดปีกผีเสื้อ ซึ่งมีสลักล็อกติดตั้งอยู่บริเวณปลายด้ามจับ ใบมีดขนาด 2.125 นิ้ว ดีไซน์ให้เป็นแบบปลายแหลม มีน้ำหนักเพียง 1.6 ออนซ์ ความยาวอยู่ที่ 2.75 นิ้ว และเมื่อเปิดใช้งานใบมีดจะมีความอยู่ที่ 4.87 นิ้ว
คงต้องบอกว่าปัจจุบันผู้คนยังนิยมเครื่องเกม PlayStation 4 หรือ PS4 อย่างต่อเนื่อง และเกมเมอร์อย่างเรารู้ดีว่าเกมเจ๋ง ๆ มันส์ ๆ จากค่ายเกมดังต่างออกแบบมาเพื่อเครื่องเล่น PlayStation 4 ตัวนี้โดยเฉพาะ ในช่วงขาขึ้นของเกม PlayStation 4 แบบนี้ ฝั่ง Sony ก็ไม่รอช้า รีบคว้าโอกาสเปิดตัวอุปกรณ์เสริมใหม่ ‘DualShock 4 Back Attachment’ ที่สร้างมาเพื่อคอนโทรลเลอร์ DualShock 4 ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์เกมของคุณไปตลอดกาล DualShock 4 Back Attachment เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ดีไซน์มาให้ใช้กับคอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualShock 4 โดยเฉพาะ ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดและสอดรับคอนโทรลเลอร์ โดยผู้ใช้สามารถเสียบอุปกรณ์เสริมตัวนี้ใต้คอนโทรลเลอร์ DualShock 4 ได้เลย ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่ตรงกันกับนิ้วกลางของผู้เล่นพอดี ตัวอุปกรณ์เสริมประกอบไปด้วยปุ่ม gamepad สองปุ่มที่เข้ามาเป็นอีกตัวเลือกแทนปุ่มควบคุมเดิมบน DualShock 4 ตรงกลางของอุปกรณ์เสริมดีไซน์ให้เป็นหน้าจอ OLED ทรงกลมที่จะแสดงผลว่าปุ่ม gamepad ทั้งสองปุ่มถูกตั้งค่าไว้แบบไหน และหนุ่ม
Leica แบรนด์กล้องไฮเอนด์สัญชาติเยอรมันเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ ‘Leica M10-P Ghost Edition’ ที่พัฒนาร่วมกับเว็บไซต์นาฬิกาชื่อดังระดับโลกอย่าง Hodinkee ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นการผสมผสานระหว่างอุตสาหกรรมการผลิตทั้งสองสายเช่นนี้ แต่บอกเลยว่าฟังก์ชันการใช้งานของกล้องรุ่นนี้นั้นถอดแบบความเจ๋งของ Leica มาไม่ผิดเพี้ยน แถมรูปลักษณ์งานดีไซน์ก็โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย Leica M10-P Ghost Edition เป็นตัวแทนของ Benjamin Clymer ชายผู้หลงใหลนาฬิกา และมุ่งมั่นพัฒนาอุปกรณ์บอกเวลาชนิดนี้ให้มีคุณค่าเหนือกาลเวลา แม้หนุ่ม ๆ หลายคนจะรู้จักเขาในนามผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Hodinkee แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าความฝันในวัยเด็กของเขาคือการได้เป็นเจ้าของกล้อง Leica สักตัว เขาจึงเริ่มสะสมกล้อง Leica รุ่นพิเศษ และนำมาสู่ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่เขาถ่ายทอดความเป็นตัวเองลงไปใน Leica M10-P Ghost Edition รุ่นนี้ การดีไซน์กล้องได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาดำน้ำโบราณ จึงออกแบบตัวบอดี้ให้เป็นสีขาว ครีม และเทา เสริมความแกร่งทนทานด้วยโลหะผสมแมกนีเซียม และด้านบนของกล้องก็ใช้แผ่นทองเหลืองทาสีเทาอบอุ่นตามแบบนาฬิการุ่นเก่า ส่วนตรงกลางของตัวกล้องห่อหุ้มด้วยหนังสีซีเมนต์ Leica M10-P Ghost Edition เป็นกล้องที่ประกอบด้วยมือและผลิตขึ้นในเมือง Wetzlar ของประเทศเยอรมนี เช่นเดียวกับกล้องของรุ่นอื่น ๆ ของ
Leica เตรียมเปิดตัวกล้องรุ่นพิเศษของ Leica M10 ที่มาในโทนสีขาว โดยก่อนหน้านี้เคยวางขาย Leica M10 Edition Zagato ที่มีราคาเกือบ 7 แสนบาทเมื่อปี 2018 Leica M10 เป็นกล้องฟูลเฟรมจากซีรีส์ M Rangefinder ของ Leica Camera AG ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 19 มกราคม ปี 2018 โดยถูกวางเป็นตัวแทนของ Leica M9 ที่รองรับเลนส์ Leica M Mount ความนิยมของ M10 ทำให้ Leica เลือกใช้เป็นรุ่นคอลแลปส์ร่วมกับ Zagato บริษัทผลิตและออกแบบรถยนต์จากประเทศอิตาลีออกมาเป็น Leica M10 Edition Zagato ซึ่งผลิตออกมาเพียง 250 ตัว ล่าสุดมีภาพหลุดว่า Leica เตรียมปล่อยกล้อง M10 รุ่นพิเศษออกมาเอาใจแฟน ๆ
MEISTER ค่ายผู้ผลิตนาฬิกาจากลอสแองเจลิส โคจรกลับมาร่วมงานกับ Marvel อีกครั้งในคอลเลกชันนาฬิกาชุดที่ 2 ที่มีชื่อว่า MEISTER: Avengers Endgame MEISTER คือค่ายผู้ผลิตนาฬิกาอิสระที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 ที่มีความโดดเด่นเรื่องการสร้างนาฬิกาสไตล์ Luxury ในราคาที่จับต้องได้ เน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ โดยร่วมงานกับแบรนด์และวัฒนธรรมย่อยเพื่อสร้างนาฬิกาสไตล์ที่แตกต่างขึ้นมา ทั้งเกี่ยวกับ วิดีโอเกม ภาพยนตร์ เพลง รถยนต์และอีกสารพัด มาปีนี้พวกเขากลับมาร่วมงานกลับ Marvel เพื่อปล่อยคอลเลกชันนาฬิกาชุดที่ 2 ซึ่งเป็นชุดต่อเนื่องของคอลเลกชัน Avengers Engame หลังจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาทั้งสองร่วมกันปล่อยนาฬิกา 6 เรือนแรกที่มาพร้อมดีไซน์ของตัวละครอย่าง Tony Stark, Thor, Captain America, Captian Mervel และดีไซน์ของถุงมือสำหรับรวบรวมอัญมณีทั้ง 6 หรือ Infinity Gauntlet ช่วงปลายปีพวกเขากลับมาอีกครั้งพร้อมคอลเลกชันต่อเนื่อง Avengers Endgame 2 ซึ่งประกอบไปด้วยนาฬิกา 5 เรือน ดีไซน์ผ่าน 5 ตัวละครขวัญใจแฟนเดนตายของจักรวาล