เป็นโปรเจกที่ Samsung หมายมั่นปั้นมือมานาน ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นคนแรกในตลาดที่แนะนำ Foldable Screen Smartphone หน้าจอพับได้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นอนาคตของ Smartphone เข้าสู่ตลาด แม้จะถูกขยับออกไปจากตารางเดิมค่อนข้างนาน แม้ว่ากันตามเนื้อหาแล้ว ต้องยกให้ Royole Flexpai เป็น Foldable Smartphone เครื่องแรกของโลกจากจีน ที่รีบร้อนเปิดตัวไปเมื่อต้นปีภายในงาน CES 2019 แม้มันจะพับได้จริง แต่หลายสื่อที่ได้สัมผัสมันต่างให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า มันยังไม่เวิร์ค พร้อมราคาขายร่วมสี่หมื่นบาท มันจึงเป็นเหมือนการรีบส่ง Concept ไปวางขายเพื่อแย่งชื่อตำแหน่งทางการตลอดเท่านั้น ล่าสุดในงาน UNPACKED เมื่อวานนี้ Samsung ได้ฤกษ์เปิดตัวโทรศัพท์หน้าจอพับได้สู่สาธารณะแล้วในชื่อ Samsung Galaxy Fold เตรียมวางขายในวันที่ 26 เมษายนนี้ ด้วยราคาที่ค่อนข้างท้าทายภาวะเศรษฐกิจ แม้ในงานเปิดตัว Samsung จะไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก หรือมีเครื่องให้นักข่าวได้สัมผัสกันจริง ๆ แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้สเปกของโทรศัพท์มหัศจรรย์เครื่องนี้ว่ามีอะไรน่าตื่นเต้นรอเราอยู่บ้าง Samsung Galaxy Fold มาในขนาดที่ค่อนข้างใหญ่กว่า Smartphone ทั่วไป อาจจะทำให้ระยะแรกรู้สึกไม่คุ้นมืออยู่บ้างด้วยขนาดเครื่องที่เรียกว่า Infinity
มลพิษขนาดเล็กอย่างฝุ่นเป็นเรื่องที่หลบไม่ได้ ใครก็รู้ เพราะเราไม่สามารถมองเห็นมลพิษที่แฝงมาด้วยตาเปล่า มันสามารถเล็ดลอดได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ กระทั่งเครื่องปรับอากาศที่เราเปิดอยู่ ตอนนี้คนเลยแห่กันซื้อเครื่องฟอกเสียหมดตลาด หลายยี่ห้อผลิตไม่ทันซื้อ ดังนั้น ต่อให้เรามีเงินพอจะซื้อก็ใช่ว่าจะซื้อคุณภาพชีวิตได้ ทว่าในสถานการณ์คับขันแบบนี้ มักทำให้เราได้เห็นไอเดียใหม่ ๆ ของการพัฒนานวัตกรรมขึ้นมาสู้ความเลวร้ายได้เสมอ ล่าสุดจีน ประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดในโลกและประสบกับเรื่องฝุ่นมลพิษคลุมเมืองไม่แพ้เรา สร้างนวัตกรรมจากสิ่งบ้าน ๆ อย่าง “มุ้งลวด” ที่กรอง PM 2.5 ขึ้นมาได้สำเร็จ พูดจริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่หลายคนยังคาดไม่ถึง และแม้แต่เราเองก็มัวแต่ไปกว้านซื้อที่ปิดจมูกอยู่ ทั้งที่เอาเข้าจริงเราก็ไม่สามารถสวมมันเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้ตลอดเวลา เพราะของมันมีไว้กันชั่วคราว ไม่ได้มีไว้ให้ใช้ชีวิต Yu Shuhong หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์จาก USTC (University of Science and Technology of China) เปิดเผยความสำเร็จในครั้งนี้ในวารสาร iScience ว่ามุ้งลวดอัจฉริยะที่พวกเขาคิดค้นสำหรับติดตั้งนี้ ซึ่งช่วยป้องกันมลพิษโดยเฉพาะ PM 2.5 ที่พวกเรากำลังนอยด์ได้สูงถึง 99.65 %! มุ้งลวดนี้สร้างขึ้นจากการถักทอของ Ag-nylon ที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสามารถดักจับ PM 2.5
ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีในรถยนต์ Tesla ของ Elon Musk มักจะคิดค้นพัฒนาได้ตอบโจทย์จนค่ายรถยนต์แบรนด์อื่นดูล้าหลังไปเลย และไม่ใช่แค่เรื่องของการขับขี่เท่านั้น แม้แต่การตอบโจทย์เรื่องปลีกย่อยสำหรับคนรักสุนัข ก็ยังได้รับการพัฒนาอย่างน่าประทับใจกับล่าสุด Dog Mode ฟังก์ชันที่แก้ Pain Point ไม่ต้องทิ้งสุนัขอยู่ในรถร้อน ๆ และไม่ต้องกลัวว่าจะมีพลเมืองดีทุบกระจกเข้าไปช่วยเหลือ รวมถึง Sentry Mode เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคันเมื่อจอดสุดอัจฉริยะ เริ่มจาก Dog Mode ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเจ้าของรถผู้รักสุนัข ที่มักจะพาสุนัขตัวโปรดเดินทางไปในรถด้วยกัน และบางครั้งอาจจะลำบากใจในการทิ้งสุนัขเอาไว้ในรถที่ดับเครื่องเพื่อลงไปทำธุระ และคนรอบ ๆ อาจจะเป็นห่วงสุนัขในรถว่าสุขสบายดีหรือไม่ ซึ่ง Dog Mode ของ Tesla สามารถตั้งอุณหภูมิ Climate Control System ในรถให้เย็นได้ตามที่ต้องการเพื่อความสะดวกสบายโดยไม่ต้องติดเครื่อง ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หลักในรถได้นานจนกระทั่งเหลือ 20% จะมี Notification แจ้งเตือนผ่าน Tesla Smartphone Application บนหน้าจอจะมีข้อความแสดงผลว่า “My owner will be back
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแต่เรื่องปัญหาการนอนก็ทำให้รักร้าวได้ไม่น่าเชื่อ ซึ่งส่วนหนึ่งมันเกิดจากเรื่องที่เราไม่ตั้งใจอย่างการ “นอนเบียด” บนเตียง ซึ่งถ้านอนเบียดปกติแค่หาไออุ่นมันก็ยังพอเข้าใจ แต่ส่วนใหญ่ที่เราเจอคือการนอนเบียดกินที่เสียจนเราแทบจะตกเตียง และต้องนอนขดตัวทั้งที่อีกฟากของเตียงก็โล่งแสนโล่ง National Sleep Foundation เผยผลการศึกษาว่า หนึ่งในสี่ของคู่สมรสชาวอเมริกันหย่ากันด้วยเรื่อง “การนอน” เป็นเหตุ และพฤติกรรมการนอนส่วนบุคคลที่มีปัญหากับคู่นอนยังเป็นเหตุผลให้ชาวอเมริกันกว่า 30% อยากนอนแยกเตียงมากกว่า แถมจุดที่น่าสนใจคือถ้าวัดแนวโน้มของคนที่เจอปัญหากับเรื่องการนอนเบียดแบบน้ีแล้วอยากแยกไปนอนแยกเตียงลำพังมากกว่าคือผู้ชายอย่างเรา ๆ โดยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 40% เชียว ด้วยเหตุผลน้ี Ford เขาเลยคิดนวัตกรรมเตียงนอนที่ชื่อว่า The Lane-Keeping bed ขึ้นมา โดยใช้หลักการของเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงกดด้านล่างของเตียง ช่วยจัดสมดุลระหว่างการนอนของคนบนเตียงสองคน ถ้าใครมีทีท่าจะเบียดมาเกินเขต หรือคร่อมเลนของเราแล้วล่ะก็ พื้นผิวของเตียงที่เหมือนสายพานเลื่อนมันจะหมุนจัดให้เราและคู่นอนอยู่ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ตลอด ไม่ต้องกลัวหล่น ด้านคอนเซ็ปต์การออกแบบ หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวกับ Ford ที่เป็นรถได้อย่างไร ความจริงคือมันใช้เทคโนโลยีการแบ่งเลนการนอน ไม่ให้คร่อมทับกัน ฟังดูแล้วก็เหมือนกันการวิ่งรถบนถนนนี่แหละที่ใช้ระบบอัจฉริยะในการแยกรถแต่ละคันออกจากกัน ใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจหลักการ เราว่ามันคล้ายกับสายพานเลื่อนใน Tops Supermarket นั่นแหละ ที่มีระบบเซ็นเซอร์ ถ้ามีของมาขวางมันก็หยุด แต่อันนี้เขาใช้เซ็นเซอร์คอย Track วัดตำแหน่งการนอนให้อยู่ตรงกลางเสมอเพื่อจัดสมดุล แล้วย้ายเราเข้าไปตำแหน่งนั้น
นาฬิกาหนึ่งในไอเทมที่ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตผู้ชายอย่างเรามากขึ้นทุกวัน เพราะในปัจจุบันมันไม่ได้เป็นแค่อุปกรณ์ที่สวมใส่ไว้บนข้อมือเพื่อบอกเตือนเวลาเท่านั้น แต่กลับถูกพัฒนาให้มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้สวมใส่ ถ้าเรียก Smartphone ว่าอวัยวะที่ 33 ก็ต้องเรียก Smartwatch ว่าอวัยวะที่ 34 ที่ขาดไม่ได้อีกต่อไปในปัจจุบัน ด้วยไลฟ์สไตล์มากมายหลายรูปแบบของหนุ่ม ๆ แต่ละคน ก็ทำให้โจทย์ในการมองหานาฬิกาที่มีความเหมาะสมแตกต่างกันออกไป บางคนต้องการนาฬิกาที่มาพร้อมดีไซน์สวยงาม สร้างความโดดเด่นเมื่อถูกจับมาสวมใส่กับเสื้อผ้าชุดเก่ง บางคนก็อยากได้นาฬิกาที่มีฟังก์ชันครบครัน มาเป็นตัวช่วยให้กิจวัตรประจำวันที่วุ่นวายเป็นไปอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งความแข็งแกร่งก็เป็นอีกเรื่องที่หนุ่มนักทำกิจกรรมทั้งหลายพากันมองหา แต่จะดีแค่ไหนถ้ามีนาฬิกาที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดรวมเอาไว้ในเรือนเดียว เหมือนที่มีใน GARMIN Instinct เรือนนี้ GARMIN Instinct จีพีเอสสมาร์ตวอทช์ มาพร้อมดีไซน์ทันสมัยและสวยงาม ทำให้สามารถเลือกสวมใส่เข้ากับชุดทำงานได้หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นลุค Casual เน้นไปทางความคล่องตัวในวันลุย ๆ หรือเป็นลุค Formal ที่ต้องการความเป็นทางการในวันทำงาน แต่นอกจากความสวยงามที่เข้ากันกับสไตล์อันหลากหลายแล้ว ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ GARMIN Instinct เหมาะสำหรับการสวมใส่ในทุกจังหวะชีวิตคุณ A Personal Assistant For Working Hour ในทุก ๆ อิริยาบถของวันทำงาน แน่นอนว่าชีวิตในแต่ละวันของผู้ชายคนเมืองที่การจัดสรรเวลาให้ลงตัวเป็นเรื่องยาก จนทำให้ไม่มีเวลาในการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเท่าที่ควร
“เคยลองคิดเล่น ๆ บ้างไหมว่ากล้อง GoPro ที่ซื้อมาสามารถใช้กับสถานการณ์ไหนได้บ้าง ?” และคำตอบที่ได้คือกล้อง GoPro นั้นสามารถอยู่คู่กับเจ้าของในทุกกิจกรรมไม่ว่าจะดำน้ำ ขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก เล่นกีฬา หรือกระโดดร่ม แต่ใครจะคิดว่าเจ้ากล้องตัวเล็กนี้จะแข็งแกร่งขนาดทนความร้อนสุด ๆ แม้แต่ลาวาก็ไม่สามารถหยุดการบันทึกภาพได้ เหตุการณ์พิสูจน์ความแข็งแกร่งของกล้อง GoPro เกิดขึ้นเมื่อ Erik Strom ไกด์ท่องเที่ยวของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งได้พาลูกทัวร์ของเขาเดินทางไปชมภูเขาไฟที่ Hawai’i Volcanoes National Park เพราะความสวยงามของลาวาทำให้ผู้คนต่างต้องหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้ ไกด์คนดังกล่าวเองก็เช่นกัน เขาตั้งกล้อง GoPro ไว้ในร่องเขาแคบ ๆ เพื่อเก็บภาพการไหลของลาวา แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาคำนวณทิศทางการไหลของลาวาผิด ทำให้กล้องที่ตั้งไว้จมลงไปในธารความร้อน ลาวาร้อนระอุมีอุณหภูมิสูงถึง 700-1,200 องศาเซลเซียส ทำให้ Housing ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่อิริคใส่ไว้เพื่อป้องกันตัวกล้องโดนเผาไหม้จนหมดทันทีที่สัมผัสกับลาวา รวมถึงบอดี้ของกล้องก็โดนเผาด้วยเช่นกัน “ตอนนั้นกล้องของผมโดนลาวากลบจนมิด แถมยังมีไฟลุกขึ้นมาเล็กน้อยด้วย สิ่งที่คิดในตอนนั้นคือกล้องของผมต้องไม่รอดแน่ ๆ รวมถึงฟุตเทจในกล้องด้วย” นี่คือคำบอกเล่าของอิริค และทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็คิดเหมือนกันกับเขาว่ากล้องตัวนี้จะต้องพังจนใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เมื่อความร้อนในธารลาวามีอุณหภูมิลดลง อิริคได้ใช้ค้อนหินธรณีวิทยากะเทาะลาวาและดึงกล้อง GoPro ออกมา พร้อมกับพาซากกล้องของเขากลับบ้านเพื่อตรวจเช็คสภาพถึงแม้จะรู้ดีว่ากล้องตัวนี้ไม่สามารถใช้งานซ้ำได้แน่ ๆ เพราะทั้ง
Compact Gun รูปแบบปืนที่ถือเป็นตัวเลือกชั้นเยี่ยมสำหรับพกไว้ป้องกันตัว ด้วยขนาดกะทัดรัด น้ำหนักที่เบาซึ่งช่วยให้สะดวกต่อการเก็บและพกพา รวมถึงพลังการยิงที่ไว้ใจได้ว่าสามารถสกัดอันตรายก่อนจะเข้ามาถึงตัวอย่างแน่นอน แต่สำหรับหนุ่มที่มองหาพลังการทำลายที่เพิ่มมากขึ้นจากรูปแบบปืนชนิดเดียวกันแล้วล่ะก็ S333 Volleyfire กระบอกนี้ อาจเป็นคำตอบในการป้องกันตัวที่เหมาะสมสำหรับคุณ S333 Volleyfire เป็น Compact Gun จาก Standard Manufacturing ที่ถูกพัฒนางานออกแบบขึ้นมาใหม่ในปี 2017 ก่อนจะเปิดตัวครั้งแรกในงาน SHOT Show 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเลงปืนที่ไปเข้าร่วมงานมากมาย ด้วยจุดเด่นคือการเป็นปืน Revolver สองลำกล้องที่ไม่มีเคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยปืนมาพร้อมขนาดกะทัดรัด ตัวปืนมีการใช้วัสดุแข็งแรงทนทานสูงไม่ว่าจะเป็นส่วนลำกล้องปืนที่ผลิตจากเหล็กกล้า เฟรมผลิตจาก 7075 Aluminum เกรดผลิตอากาศยานและลูกโม่ที่หล่อขึ้นมาจากเหล็กชนิดแข็งแรงพิเศษ และส่วนด้ามจับที่ห่อด้วยวัสดุโพลีเมอร์ซึ่งความแข็งแรงทั้งหมดรวมกันออกมาในน้ำหนักเพียง 18 ออนซ์เท่านั้น แน่นอนว่าไม่พูดถึงไม่ได้คงจะเป็นระบบการยิงเฉพาะตัวของมัน โดย S333 Volleyfire ใช้กระสุนขนาด .22 Win Mag บรรจุสูงสุด 8 นัด พร้อมระบบการยิงแบบ 2 ลำกล้องที่เรียกว่า Double Action Revolver โดยจะมีไกปืนให้ลั่นไกสองส่วนซึ่งสามารถส่งกระสุน 2
เปิดตัวรุ่นพิเศษอย่างเป็นทางการเรียบร้อยอีกครั้งตามธรรมเนียม ที่ทุกครั้งจะต้องมีของให้ชาว Leica ได้สะสมกับ Safari-Edition สี Olive Green และคราวนี้ก็ถึงทีของ Leica M10-P กล้องถ่ายรูประดับเทพที่ประทับร่างด้วย 24MP Full-Frame CMOS Sensor เหมือนใน M10 และมีจุดเด่นกว่ารุ่นธรรมดาเช่น Shutter สุดเงียบสำหรับสายซุ่มสายสตรีท และหน้าจอ 3.0 นิ้ว ความละเอียด 1.04m-Dot Touchscreen LCD สัมผัสได้ โดยผลิตออกมาแบบ limited edition จำนวนจำกัด 1,500 ตัวทั่วโลก สายสะสมเตรียมหาจองกันได้เลย ความเจ๋งของผู้ที่ได้ครอบครอง Leica M10-P Safari นอกจากสีเขียวสุดคูลแล้ว ยังจะได้เลนส์คม ๆ ระยะงาม ๆ Summicron 50 f/2 ในสี Olive Green เช่นเดียวกับตัวกล้อง แน่นอนว่าเลนส์สีพิเศษแบบนี้ย่อมแลกขายได้ราคาดีงามตามท้องเรื่องแน่นอน ราคาแยกขายเฉพาะเลนส์ตัวนี้อยู่ที่ $3,308 หรือราว 100,000 บาท
เปิดตัวไปล่าสุดกับ HUAWEI nova 4 สมาร์ทโฟน Punch Display หน้าจอดีไซน์ใหม่ล่าสุดไร้ติ่ง ขนาด 6.4 นิ้ว สเปคระดับสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปด้วย RAM ถึง 8 GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 128 GB ที่มาพร้อม ชิปเซ็ต Kirin 970 ทำงานร่วมกับ AI เพิ่มฟีเจอร์สุดล้ำ กล้อง 3 กล้องที่มีเลนส์ Ultra Wide เก็บภาพมุมกว้าง และฟีเจอร์ถ่ายภาพเซลฟี่มากมายสมฉายา AI Selfie Superstar ด้วยกล้องหน้า 25 MP HUAWEI nova 4 หน้าจอไร้ขอบขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอสูงถึง 86.3% กว้างเต็มตากว่าเดิม สเปคแฟลกชิป ขุมพลัง Kirin 970 ให้ใช้งานได้อย่างเร็ว แรง ไหลลื่น
ปี 2004 โลกได้รู้จักกับ Motorola RAZR โทรศัพท์มือถือพับได้สุดหรูที่เหล่าลูกคุณหนู นักธุรกิจ ดารานักแสดงต่างต้องมีพกพาติดตัวอย่างน้อยหนึ่งเครื่อง ด้วยความหล่อหรูหราในการออกแบบ วัสดุที่บอกถึงความหรูหราได้ด้วยมือสัมผัส และความสามารถในการช่วยฆ่าเวลาหรือแก้เขินด้วยการเปิดปิดรัว ๆ แม้จะตั้งราคาไม่ค่อนข้างสูงในยุคนั้น แต่เสน่ห์ของมันก็สามารถทำยอดขายได้มากถึง 130 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ Smartphone ปัจจุบันไม่สามารถทำให้เราได้ ด้วยจุดเด่นที่ไร้ใครมาเหมือน Motorola RAZR จึงมักจะมีข่าวลือว่ามันจะคืนชีพกลับมาในยุค 4G ก็หลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยังเคยกลับมาได้จริง ต่างกับข่าวความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดที่ออกมาจากทาง Motorola และบริษัทแม่ Lenovo จับมือกับ Verizon ในอเมริกา เตรียมนำ Motorola RAZR กลับมาแน่ครั้งนี้ในจำนวนจำกัด 200,000 เครื่อง ในราคาแพงมหาโหดถึง $1,500 หรือราว 50,000 บาทเลยทีเดียว แม้มันจะไม่แพงไปกว่าบรรดา Apple XS Max แต่คาดว่าความสามารถของ RAZR น่าจะทำได้ไม่มากเท่าอย่างแน่นอน Paul Pierce ทีมผู้ออกแบบ Motorola