หนุ่มคอเบียร์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็คงรู้สโลแกนการกินกันดีว่าถ้าอยากกระดกเครื่องดื่มยอดข้าวให้อร่อยมันต้อง “Love me, Love my foam” หรือกินเบียร์ต้องมีฟองขาวนุ่มประกบหน้าเครื่องดื่ม ถึงจะจุใจ ความครีมมี่ของฟองเบียร์ มันเป็นเสน่ห์รสชาติที่ลึกลับ นุ่มนวลและช่วยดึงรสชาติของเบียร์แก้วนั้นให้ออกมาโดดเด่น เพราะนอกจากฟองจะดึงกลิ่นออกมาให้สูดก่อนดื่มอย่างเต็มที่แล้ว สัมผัสของฟองที่เข้าริมฝีปากไปพร้อมกับเบียร์ยังเพิ่มความละมุนลื่นคอกว่าเดิมด้วย แต่ถ้าฟองแฟ่บหรือรินเท่าไหร่ก็ไม่ได้ฟองนุ่มละเอียดกระแทกคอล่ะจะทำไง ? เอาว่าแค่คนที่รินทิ้งไว้ยังไม่ได้กินทันทีอยากกลับมากินฟองเบียร์ใหม่ก็อดแล้ว Designer หัวใสเขาเลยหาทางคิด accessories เฉพาะสำหรับเสกฟองให้โปะนุ่มให้ฟินได้ไม่รู้จบกับนวัตกรรมนี้ที่เรียกว่า “Beer Foamer” Norm Architecture คือดีไซเนอร์ผู้ผลิต “Beer Foamer” นี้ขึ้น แม้งานหลักของที่นี่เป็นเรื่องการดีไซน์สถาปัตยกรรม แต่เบียร์มันเป็นเครื่องหมายสากลที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้ พวกเขาก็เลยนึกสนุกคิดค้นมันขึ้นมา ดีไซน์มันเลยออกมาคูลไม่ไก่กา ใครถือไว้ใช้ก็น่าจะดูแมนดูเท่ วางในบ้านก็ยังดูเป็นของตกแต่งสุดล้ำดูไม่ขัดตา หลักการใช้ก็แค่แบ่งเบียร์ที่เรารินใส่แก้วเอามาใส่ Beer Foamer สักเล็กน้อยประมาณ 0.6 – 1.3 ซม. วัดจากฐานของเครื่อง (ไม่เยอะ ไม่เปลือง) แล้วค่อยเอาส่วนด้านบนที่เป็นเครื่องปั่นสีทองแดงสุดหรูมาปะกบปิดหมุนเกลียว จากนั้นกดปุ่มด้านบนให้เครื่องตีฟองอัตโนมัติมันทำงานสัก 20 วินาที เท่านั้นเราก็ได้ฟองโฟมรสเด็ดสุดนุ่มฟูสำหรับท็อปเบียร์จิบให้ชีวิตรีแล็กซ์ได้ทุกเวลา ไม่ใช่แค่รสเด็ดของฟองเบียร์ แต่ไอ้เครื่องนี้มันยังช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การดื่มแบบเดิม ๆ ให้สนุกขึ้นได้อีกด้วย
นับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับตากล้องวีดีโอทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตากล้อง videography มืออาชีพ หรือเหล่า Blogger ที่อยากยกระดับคุณภาพวีดีโอให้ดีหนีคู่แข่งขึ้นไปอีกระดับ วันนี้เรามีทางเลือกอุปกรณ์ใหม่เร้าใจกว่าเดิม นั่นคือ Blackmagic Pocket Cinema Camera 4K โมเดลล่าสุด กลับมาพร้อมการอัพเกรดประสิทธิภาพรอบด้าน แต่จะเหมาะกับตากล้องวีดีโอแบบไหน เรามีข้อสรุปมาให้ในตอนท้ายบทความ Blackmagic Pocket Cinema Camera 4K รุ่นใหม่ เป็นกล้องวีดีโอแบบ Handheld ระดับ Professional มาพร้อมความสามารถในการถ่าย 4K (4096 x 2160) RAW ที่สามารถใช้งานได้จริง ไม่เหมือนโมเดลก่อนหน้าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่ถ่ายได้แค่ 1080p ที่ 23.98 fps และ 30 fps เท่านั้น ใน Blackmagic ตัวล่าสุดสามารถถ่ายได้ตั้งแต่ 4K, 3840×2160 (Ultra HD) ที่ frame rates
‘STYLE OF THE FUTURE IS THE CONVERGENCE OF FUNCTION AND FASHION’ แฟชั่นยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ดูเท่ ต้องมีประโยชน์ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตประจำวันให้ดีขึ้นด้วย แมัจะฟังไม่ค่อยคุ้นหู นึกภาพแฟชั่นที่ว่าไม่ค่อยออก แต่ถ้าเราสังเกตโลกของแฟชั่นรอบตัว จะเห็นว่าปัจจุบันหลาย Items จากหลายแบรนด์ทั่วโลก มักจะดีไซน์ผลงานที่สามารถแก้ปัญหาบางอย่างอยู่เสมอ เช่น Sneakers ที่ใช้วัสดุเบา พร้อมพื้นดูดซับแรงกระแทก เพื่อลดโอกาสบาดเจ็บจากการวิ่ง ลดความเมื่อยล้าเมื่อสวมใส่ หรือจะเป็น Crease-Resistant Suit ที่ออกแบบให้ไร้รอยยับ แม้จะต้องพับใส่กระเป๋าเดินทางบ่อย ๆ แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เจอ Fashion Iteam ข้ามประโยชน์ไปหา Gadgets สามารถแก้ปัญหาในยุคมนุษย์ใช้ชีวิตติด Smartphone ได้แบบไม่ต้องกลัวแบตจะหมดกลางทาง วันนี้เราจะมาแนะนำอีก Fashion Item ที่หลายคนอาจเห็นว่าเป็น Accessory ที่สำคัญอันดับท้าย ๆ ไม่มีก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร นั่นก็คือ Bracelet หรือ สร้อยข้อมือ แม้จะมีวัสดุให้เลือกเพียบไม่ว่าจะเป็น Metal
Apple เปิดตัวโมเดลใหม่สำหรับ iPhone เป็นครั้งแรกในปี 2018 ด้วย Product (RED) iPhone 8 และ 8 Plus สีแดงสดใส ที่นอกจากจะแรง เร็ว เท่ คนซื้อยังถือเป็นการช่วยเพื่อนร่วมชาติแบบอัตโนมัติ โดย Apple จะนำส่วนแบ่งซึ่งไม่เปิดเผยว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ เอาไปบริจาคช่วยคนไข้ HIV และ AIDS ใน Africa โดยเปิดตัวโมเดลนี้ในช่วงเวลาเดียวกันกับตอน iPhone 7 (RED) เมื่อปีที่แล้ว ด้านสเปคของ iPhone 8 (RED) เหมือนรุ่นปกติทุกอย่าง หน้าจอ Retina HD Display แรงด้วย A11 Bionic chip สิ่งที่เปลี่ยนแปลงใน iPhone 8 (RED) คือตัวเครื่องที่เป็นสีแดงหน้าดำ ซึ่งดูเท่กว่าเวอร์ชั่นที่แล้วซึ่งเป็นหน้าขาวพอสมควร ใครยังไม่ได้ซื้อ iPhone 8 เพราะไม่ถูกใจสีเทา ทอง หรือเงิน
ที่สุดของกล้องถ่ายรูป ที่คนใช้เท่านั้นถึงจะบอกได้ว่า ทำไมการจ่ายเงินค่ากล้องที่ราคาแพงกว่าคนอื่นหลายเท่าตัวนั้น มันแลกกับความพิเศษอะไรกลับมาบ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็น Leica User อยู่หรือไม่ก็ตาม ทุกคนต่างให้ความสนใจทุกครั้งเมื่อมีกล้อง Leica รุ่นใหม่เปิดตัวออกมา แม้จะไม่มีการพัฒนาในด้านสเปค แต่ก็มีลูกเล่นและเสน่ห์ที่ชวนให้เราอยากควักเงินเก็บสะสมได้ตลอดเวลา เพราะ Leica ไม่ใช่แค่กล้องถ่ายรูป แต่มันเป็นงานศิลป์ที่ส่งต่อให้คนใน Generation ต่อไปได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ล่าสุด Leica ได้ร่วมมือกับ Marcus Wainwright ผู้เป็นทั้ง CEO และ Creative Director ของ Rag & Bone แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังจากย่าน New York City ซึ่งเน้นความเท่แบบ Minimal พร้อมคุณภาพที่สูงกว่าใคร ซึ่งเข้ากับคาแรคเตอร์ของ Leica M Monochrom กล้องสำหรับถ่ายภาพขาวดำของ Leica จนได้ร่วมมือกันออกแบบกล้องโมเดลพิเศษ ‘M Monochrom Stealth Edition’ ตัวกล้องสีดำด้าน (Matte Black Body) ที่จัดการถอดแม้แต่โลโก้
ถ้าใครสนใจเรื่องวัฒนธรรมที่มีผลต่อการออกแบบและพฤติกรรมมนุษย์เหมือนเรา น่าจะรู้สึกแปลกใจในการเปลี่ยนแปลงความนิยมในหมู่มนุษย์ที่มีต่อรูปทรงและการใช้งานของมัน ในยุคก่อน เราเริ่มด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องใหญ่ยักษ์ จากนั้นเทคโนโลยีก็พยายามพัฒนาอย่างสุดความสามารถในการย่อขนาดมันให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นยิ่งเล็กยิ่งล้ำ ยิ่งเล็กยิ่งแพง แต่แล้ววันนึง เราก็มาพบว่ารูปทรงโทรศัพท์เคลื่อนที่มีหน้าตาเหมือนกันทั้งโลกโดยมิได้นัดหมาย และวันนี้พวกเค้ากำลังแข่งกันใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ซึ่งดูแล้วน่าจะถึงจุดอิ่มตัวในไม่ช้า ทีนี้ถ้าเราให้ทายกันเล่น ๆ ว่า ต่อไปเทรนด์การออกแบบและใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน วันนี้เรากล้าฟันธงเลยว่า มันกำลังจะกลับไปสู่ความเป็น Dumb Phone หรือโทรศัพท์โง่ ที่ไม่ต้องมีความสามารถอะไรมากมาย เพราะคนเริ่มตีตัวออกห่างจากความวุ่นวายออนไลน์กันมากขึ้น ก่อนหน้านี้ Nokia ก็ได้ตอกย้ำเทรนด์ที่เราทำนายไว้อย่างชัดเจน ด้วยการเปิดตัว 3310 ที่ทำเอาโลกสั่นสะเทือน และพีคสุดอีกครั้งที่ทำเอาคนไม่สนใจ Samsung S9 ก็คือการเปิดตัว Nokia 8110 หรือกล้วยหอม ที่บอกตามตรงว่าเรายังอยากได้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มี Dumb Phone ที่น่าสนใจ และเลือกมุ่งยึดพื้นที่นี้ก่อนใครเพื่อน นั่นก็คือโทรศัพท์ตระกูล Light Phone ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 ปัจจุบันได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 2 แล้ว และมีความมั่นใจจากหลายสื่อว่า นี่แหละคืออนาคตของโทรศัพท์มือถือ นั่นคือการกลับคืนสู่สามัญ ที่เราเกริ่นมายาวนาน
ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปหากเราจะเจอการ crossover ระหว่างแบรนด์แฟชั่นกับสินค้าประเภทต่าง ๆ เพราะต้องยอมรับในจุดหนึ่งว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของดีไซน์มากกว่าฟังก์ชั่นเสียแล้ว ดังเช่นเรื่องที่ทีมงาน UNLOCKMEN จะนำเสนอนี้ ซึ่งเป็นการร่วมงานระหว่างแบรนด์หูฟังและสตรีทแฟชั่น โดยถ้าให้บอกชื่อแบรนด์หูฟังยอดนิยมสักแบรนด์ ชื่อของ Beats ต้องแล่นเข้ามาในหัวเป็นชื่อแรก ๆ อย่างแน่นอน เพราะด้วยดีไซน์ที่ดูทันสมัยพรีเมี่ยมและมีสีสันดึงดูดถูกใจวัยโจ๋ ทำให้ Beast กลาย เป็นหูฟังยอดนิยมของบรรดาเซเลปดารานักร้องรวมถึงนักกีฬาทั่วโลกที่ใช้ออกสื่อกันอย่างมากมาย จนเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง Beats ก็ได้ออกชุดหูฟังและลำโพงพกพาตัวใหม่ที่เป็นการจับมือกับแบรนด์สตรีทชื่อดังแฟชั่นอย่าง UNDEFEATED การ Collab ของ Beats และ UNDEFEATED ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะทั้งคู่เคยทำงานร่วมกันมาแล้วเมื่อปี 2013 ซึ่งก็โดนใจขายเกลี้ยงราคาพุ่งกระฉูดตามสไตล์สินค้า Limited Edition และสำหรับคอลเลคชั่นชุดใหม่นี้ต้องบอกว่าถูกใจสายสตรีทแฟชั่นหรือคนชอบเก็บสะสมหัวฟังอย่างแน่นอน เพราะว่าในเซ็ตประกอบไปด้วยลำโพงพกพาไร้สายอย่าง Beats Pill และหูฟัง wireless อย่าง Beats X ที่ตกแต่งด้วยลายพรางสีโทนเข้ม ตัดด้วยโลโก้แบรนด์สีส้มสด แถมโฆษณาก็ทำได้อย่างน่าสนใจเพราะดึงนักบาสเก็ตบอลจากทีม Philadelphia 76ers อย่าง Ben Simmons
ทุกวันนี้ Drone ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนก็ซื้อไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ เช่นเหล่า Travel Blogger หรือชาวคณะ Production ซื้อไปถ่ายทำ Footage สวย ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร ซื้อไปใช้สอดส่องความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยในชีวิต หรือแม้แต่ StartUp หัวใสในประเทศสงคราม ที่ริเริ่มใช้ Drone ในการส่งเลือดไปปฐมพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงและยากต่อการเข้าถึง แต่ก็มีเจ้าของ Drone บางคนที่อาจจะไม่รู้กาลเทศะ ใช้ Drone บินไปในพื้นที่ต้องห้าม ในสนามบิน หรือใช้แอบถ่ายชาวบ้านชาวช่อง ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลจนน่ารำคาญ มันจึงเป็นที่มาของบริษัท DroneShield ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ผลิตมาทำหน้าที่สอย Drone จากคนกลุ่มหลังโดยเฉพาะ แม้ก่อนหน้านี้จะมีแต่ปืนขนาดใหญ่เกินชาวบ้านอย่างเราจะใช้ได้สะดวก แต่ DroneGun Tactical รุ่นล่าสุดที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังเรื่อง Star Wars เท่จนเราอยากได้มาครอบครอง แม้จะไม่มี Drone ให้ยิงสอยลงมาก็ตามที วิธีใช้งาน DroneGun Tactical ก็ตรงตัวเหมือนปืนทั่วไป แค่ชี้ไปทาง Drone
ถ้าหากย้อนไปก่อนหน้านี้สัก 10 ปี เราคงเถียงสุดตัวเวลาที่ใครสักคนบอกกับเราว่า เขาสามารถใช้กล้องที่ฝังอยู่ในโทรศัพท์มือถือมาทำการถ่ายทำ VDO เจ๋ง ๆ หรือแม้กระทั่งนำมาใช้ถ่ายหนังกันเลยก็ยังมี แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และดูทีท่าแล้ว คงจะไม่มีใครยอมหยุดพัฒนาความทันสมัยที่ขายได้ตังค์เหล่านี้อย่างแน่นอน และสุดท้ายก็ทำให้การถ่าย VDO เจ๋ง ๆ จากมือถือเกิดขึ้นได้จริง แต่มันก็ไม่ใช่เพราะว่า เหล่าผู้ผลิต Smartphone เพียงอย่างเดียว ที่สมควรจะได้รับเครดิตในการผลิตโทรศัพท์มือถือที่สามารถถ่าย VDO ได้อย่างคมชัดจนหลายคนเอามาทำเป็นหนังได้ เพราะมันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ โทรศัพท์มือถือ หรือ Smartphone ในสมัยนี้ บันทึกความทรงจำเป็นภาพเคลื่อนไหวได้อย่างไร้ที่ติ เพราะไม่ว่าจะเป็นกล้อง หรือโทรศัพท์มือถือเอง ต่างก็ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มความเจ๋งให้กับมันมากขึ้นกันทั้งนั้น อย่างเช่น ไมค์โครโฟน, เลนส์, โปรแกรมแต่งภาพต่าง ๆ ซึ่งจะว่าไปสิ่งเหล่านี้ ทั้งกล้อง และ Smartphone ส่วนใหญ่ก็มีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ในตัวทั้งนั้น แต่มันก็อาจจะดีไม่เท่า กับสิ่งที่ถูกตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งของตัวมันเองโดยเฉพาะ ทำให้เรามักจะเห็นว่า มีอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ (Rig) วางขายอยู่มากมายในท้องตลาดตอนนี้ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพการถ่าย VDO ของ โทรศัพท์ Smartphone
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า นอกจากเจนีวาแล้ว เมืองเบียล ก็เป็นอีกต้นกำเนิดแห่งวิถีประเพณีดั้งเดิมแห่งการประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตเรือนเวลามาจนถึงทุกวันนี้ ก้าวแรกของแบรนด์นาฬิกาอิสระอย่าง Azimuth ก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่เช่นกัน ด้วยคอนเซ็ปต์ในการเป็นนาฬิการูปแบบเฉพาะตัวที่ผสานดีไซน์อันยอดเยี่ยม นวัตกรรมอันทันสมัย และประเพณีดั้งเดิมแห่งการประดิษฐ์เรือนเวลาของสวิส เข้าด้วยกันอย่างลงตัว สำหรับใครที่รู้สึกว่าชื่อแบรนด์ไม่ค่อยคุ้นหู ที่จริงแล้วเรือนเวลาแบรนด์นี้มีประวัติและเทคโนโลยีการผลิตที่ละเอียดอ่อนไม่แพ้แบรนด์ไหนในโลก แม้จะเป็นนาฬิกาสวิส แต่ผู้ให้กำเนิดแบรนด์และก่อตั้งโรงงานผลิตนาฬิกา Azimuth ขึ้นที่เมือง เบียล ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 เป็นต้นมานั้น ไม่ใช่ชาวสวิส แต่เป็นชายผู้หลงใหลในเครื่องบอกเวลาชาวเอเชีย 2 ท่าน Alvin Lye กับ Christopher Long ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้คร่ำหวอดมากประสบการณ์ในวงการนาฬิกา ทั้งในแง่ของการสะสม และการเป็นผู้จำหน่าย ซึ่งไม่เพียงพอสนองความต้องการที่แท้จริงของเขาทั้งคู่ได้ เพราะทั้งสองต่างประสงค์ที่จะสร้างนาฬิกาในอุดมคติขึ้นมาเอง ด้วยความที่ไม่มีนาฬิกาแบรนด์ใดตอบโจทย์คุณสมบัติที่พวกเขาต้องการให้มีได้ โปรเจ็คต์การก่อตั้งแบรนด์และโรงงานนาฬิกาของพวกเขาจึงก่อกำเนิดขึ้นโดยเลือกคำว่า Azimuth ซึ่งเป็นชื่อเรียกระยะคำนวณของเส้นขอบฟ้าจากตำแหน่งใด ๆ บนโลก มาเป็นชื่อแบรนด์ ด้วยเป็นความหมายแห่งการแสวงหาความรู้ทางปัญญาของมนุษย์ อีกทั้งคำนี้ยังมาจากรากศัพท์ภาษาอารบิก ที่หมายถึงเส้นทางที่นักเดินทางข้ามผ่านซึ่งก็เป็นความหมายที่โดนใจพวกเขาเช่นกัน ส่วนโลโก้ของแบรนด์มาจากลักษณะของแฮร์สปริง ที่เปรียบได้กับการเต้นของหัวใจแห่งกลไกจักรกล ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในการผลิตแต่เพียงนาฬิกาจักรกลได้อย่างตรงประเด็นที่สุด ความต้องการสร้างสิ่งที่แตกต่างนั้น คือวัตถุประสงค์หลักในการสร้างนาฬิกา Azimuth ดังนั้นนาฬิกาจาก Azimuth จึงแตกต่างจากนาฬิกาที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไป พวกเขาให้อิสระกับทีมออกแบบ