เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองเข้ามาทีไร ผู้ชายอย่างเราเป็นต้องได้เมาหัวราน้ำทุกที ปกติก็เมาอยู่แล้วแต่เมื่อเวลาแห่งความสุขใกล้เข้ามา สารพัดปาร์ตี้ สารพันเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานก็มีแต่จะนัดกันไปดื่มด่ำเมามายจนเรียกได้ว่าเมาทุกวัน! แต่เคยสังเกตไหมว่าเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์แต่ละชนิดให้รูปแบบการเมาที่แตกต่างกัน บางชนิดเมาอึน ๆ เมาช้า ๆ ไหล ๆ บางชนิดเมาแล้วคึกเป็นพิเศษอยากสนุก อยากเฮฮา หรือบางชนิดก็เมาเซ็กซี่ เมายั่วยวนไปเลยก็มี เราไม่ได้คิดไปเองแต่อย่างใด เพราะชนิดของเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ส่งผลต่อรูปแบบการเมาของมนุษย์จริง ๆ “เรื่องเหล้าเราจริงจัง” คตินี้คงไม่ได้มีแค่เราชาวไทยเท่านั้น แต่ Global Drug Survey ก็จริงจังจนสำรวจเรื่องพฤติกรรมและความรู้สึกหลังการกินเหล้าประเภทต่าง ๆ พบว่า Gin คือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ที่กินแล้วหัวร้อนเกรี้ยวกราดมากกว่าเหล้าประเภทอื่น ๆ หนึ่งในสามของผู้ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์รายงานว่าพวกเขารู้สึกหัวร้อน เกรี้ยวกราดเมื่อพวกเขากระดก Gin ในปริมาณมาก โดยมีผู้ดื่ม Gin แล้วเกรี้ยวกราดสูงกว่าผู้ดื่มไวน์และเบียร์ถึง 20% Mark Bellis ศาสตราจารย์ผู้มีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้ระบุว่าในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์ของ Gin Vodka และเหล้ากลั่นประเภทอื่นก็มีเรื่องความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง และการศึกษาครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดไปอีกว่าแม้ในยุคปัจจุบันการดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ประเภทเหล้ากลั่น (Tequila,Vodka, Rum, Gin, Whiskey, Brandy, Liqueur ) ก็ยังเกี่ยวเนื่องกับความรู้สึกเกรี้ยวกราดหัวร้อนมากกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น
Whiskey, Vodka, Rum, Tequila ชื่อของประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล่านี้เชื่อว่าคนไทยคงรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ส่วน Gin หรือ จิน หลายคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง แต่เชื่อว่าคงมีน้อยคนที่จะรู้ว่ามันคืออะไร? มีที่มายังไง? UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักเอง เพราะพวกเราต้องดื่มแบบมีความรู้! ย้อนกลับไปในยุคศตวรรษที่ 16 ณ ดินแดนฮอลันดาหรือปัจจุบันคือประเทศเนเธอร์แลนด์นั่นเอง เป็นยุคที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทต่าง ๆ แพร่หลายและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่งผู้คนก็เริ่มเบื่อหน่ายกับน้ำเมาประเภทเดิม ๆ จึงพยายามคิดค้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ขึ้นมาด้วยการนำผลไม้ท้องถิ่นอย่าง ‘ผลจูปิเตอร์’ มาหมักร่วมกับ วิสกี้ ข้าวไรย์ และ ข้าวบาเล่ย์ ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเครื่องดื่มรสชาติดีชนิดใหม่ ผู้คนเรียกเครื่องดื่มประเภทนี้ว่า ‘ดรายจิน’ (Dry Gin) ต่อมาดรายจินได้รับความนิยมข้ามน้ำข้ามทะเลมาจนถึงแผ่นดินอังกฤษ และด้วยความช่างประยุกต์ของชาวผู้ดีจึงได้เพิ่มส่วนผสมอย่างเปลือกส้ม, ยี่หร่า, หวายเทศ, เมล็ดอัลมอนด์ เพื่อความหอมและความหวานที่มากขึ้น จนกลายมาเป็นเหล้าจินซึ่งได้รับความนิยมผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน อ่านมาถึงตรงนี้ อาจเริ่มกลืนน้ำลาย วันนี้เราจึงรวบรวม 5 Gin Bars ที่หลบซ่อนอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของเมืองกรุงให้ทุกคนได้เลือกไปดื่มด่ำกับจินกันให้เต็มที่ จะมีร้านไหนกันบ้างไปดูกันเลย! Teens