3 สิ่งที่นึกถึง เมื่อคุยกับเพื่อนเรื่องนักเขียนชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Haruki Murakami ก็คือ (1) บุหรี่ (2) แมว และ (3) เพลงแจ๊ซ โดยอย่างหลังน่าจะเป็นภาพจำที่ฝังอยู่ในหัวของใครหลาย ๆ คนมากที่สุด ทุกครั้งที่อ่านงานของเขา เราจะต้องได้ยินเสียงของเพลงแจ๊ซลอดออกมาจากตัวอักษรเสมอ และแน่นอนว่า ความสามารถในการเขียนพรรณาถึงความสุนทรีย์ในเพลงแจ๊ซของมูราคามิเกิดจากประสบการณ์ตรง ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเปิดบาร์แจ๊ซจริง ๆ มาก่อน และนั่นคือ 4 ปีก่อนหน้าช่วงเวลาของการเริ่มเขียนนิยายเล่มแรก เราจะลงเข็มไวนิลชีวิต ย้อนกลับไปที่ร่องแรกของมูราคามิกัน จุดเริ่มต้นของบาร์แมว ฮารูกิ มูราคามิ เป็นคนที่เกลียดการทำงานเป็นพนักงานบริษัทมาก ซึ่งความคิดนี้เป็นชนวนเล็ก ๆ อันนำไปสู่ไอเดียของการอยากมีร้านที่ผู้คนสามารถมาชิล กิน ดื่ม และแน่นอนฟังเพลงแจ๊ซกัน โดยที่ไม่ได้เป็นผลดีต่อลูกค้าอย่างเดียวเท่านั้น แต่ร้านจะเป็นผลดีต่อตัวเขาเอง ที่จะได้ทำงานพร้อมซึ่งสามารถฟังเพลงแจ๊ซ ที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่อายุ 15 ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ปี 1974 หลังจากทำงานอย่างหนักหน่วงตลอด 3 ปีเพื่อสร้างร้านแห่งความฝัน เขากับภรรยา (ที่พบและแต่งงานกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย) ก็นำเงินเก็บทั้งหมดที่มีเปิดร้านเล็ก ๆ ที่เป็นคาเฟ่ในช่วงเช้า และเป็นบาร์ในตอนกลางคืนชื่อ
อาจนับเป็นโชคร้ายของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอย่างเรา ๆ ที่แหงนหน้ามองฟ้าเมื่อไรก็ไม่เคยเห็นดาวชัดอย่างคนที่อื่นเขาสักที แต่ก็อาจนับเป็นโชคดีที่กรุงเทพมหานครแห่งนี้มีบาร์ดี ๆ ให้เราได้เอาความเศร้าที่ไม่เห็นดาวไปเททิ้ง โชคดีกว่านั้นถ้าบาร์ที่ว่านั้นตั้งอยู่บนดาดฟ้า แม้ไม่เห็นดาวเหมือนที่ไหน แต่การได้ดื่มด่ำเครื่องดื่มดี ๆ สักแก้ว (หรือหลายแก้ว) แล้วสบตากับแสงไฟระยับของเมืองหลวงก็ช่วยปลอบโยนความเหนื่อยล้าให้คลายลงไปได้บ้าง Dumbo Bkk คือหนึ่งในบาร์ที่เราว่า บาร์แจ๊ซย่านสะพานควายที่เราอยากชวนคนเหงาแห่งมหานครมาดื่มด่ำบรรยากาศบนดาดฟ้า พร้อม ๆ กับสบตาแสงไฟวาววามจากตึกสูงใหญ่ (แทนการสบตาดวงดาวบนฟ้า) ไปด้วยกัน ดังนั้นเพื่อแลกกับการเห็นวิวจากมุมสูง บาร์ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของตึก INN-Office Building ย่านสะพานควาย การค่อย ๆ ไต่ระดับบันไดขึ้นไปทีละขั้น ๆ ช่วยเพิ่มระดับความถี่ของลมหายใจ กว่าจะถึงชั้น 6 ก็ต้องยอมรับว่าหอบไปหลายตลบ แต่วิวท้องฟ้าฉาบทาสีส้มอมชมพูของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบตึกกลางเมืองกรุงก็ช่วยให้หายเหนื่อยได้ราวปลิดทิ้ง เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อย่าน Dumbo ที่กรุงนิวยอร์ก Dumbo Bkk จึงเป็น Jazz & Vinyl Bar ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งมหานครนิวยอร์ก โดยเฉพาะการตกแต่งภายในร้าน ทั้งโปสเตอร์บนผนังซึ่งนับเป็นรายละเอียดที่แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถัน ทั้งภาพ Abraham Lincoln อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
เพลง Lo-Fi ที่เราอาจเคยเห็นกันใน YouTube มักจะเป็นคลิปยาว ๆ สร้างความเพลิดเพลินเป็นเวลาติดต่อกันนานนับชั่วโมง น่าสังเกตว่าเพลง Lo-Fi มักจะถูกนำมาใช้ในตอนที่ต้องการสร้างสมาธิอย่าง เปิดคลอในตอนทำงาน ทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือแม้แต่ในคืนเคาต์ดาวน์นี้ของคุณ ถ้ายังไม่มี Playlist ในใจ ไม่อยากเลือกเพลงตามใจคนนู้นทีคนนี้ที ลองเป็น Lo-Fi Jazz สุดแสน Classy ที่ให้ความรู้สึกหรูหราด้วยเครื่องเป่า สร้างบรรยากาศของ Jazz บวกกับดนตรีสังเคราะห์แบบ Lo-Fi ที่จะทำให้เพลง Jazz เข้าถึงง่ายมากขึ้น กับ Playlist นี้ของเรา ที่อัดแน่นเพลง Lo-Fi ให้เปิดวนกันได้ยาว ๆ ตลอดคืน สำหรับใครที่สะดวกฟังบน Spotify ตามไปกด Follow กันได้เหมือนเดิม ฟังครบแล้วยังสามารถไปต่อกับที่ Playlist Stay High On Lo-Fi เพื่อต่อเนื่องมู้ดนี้กันได้ หากใครต้องการ Playlist แนวไหน สามารถแนะนำกันเข้ามาได้
เป็นอีกครั้งที่คอลัมน์ A GIRL WE LOVE ของ UNLOCKMEN มีโอกาสทำความรู้จักผู้หญิงน่ารักมากความสามารถ ผู้หญิงน่ารักที่เราจะพูดคุยกับเธอวันนี้เป็นเพียงเด็กสาววัย 18 เท่านั้น แต่ความสามารถนำอายุไปไกลโข เนื่องจากเธอเป็นมือคีย์บอร์ดให้กับวงดนตรีระดับประเทศอย่าง ‘Scrubb’ ควบคู่ไปกับการเรียนในโรงเรียนดนตรีที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศอย่าง ‘วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล’ ‘มิลลี่ ศิริชฎา ร่วมฤดีกูล’ คือชื่อของเธอ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น แต่ก่อนที่จะเข้าบทสนทนาเราขอเตือนหนุ่ม ๆ ทั้งหลายให้ใจแข็งเข้าไว้ ไม่งั้นอาจโดนความน่ารักสดใสและพลังงานอันล้นเหลือของเธอตกเอาได้ง่าย ๆ เราอาจเห็นมิลลี่แบบผ่านตามาบ้างตาม Social Network และสื่อออนไลน์ แต่เมื่อมานั่งอยู่ตรงหน้า ความน่ารักสดใสของเธอยิ่งเปล่งประกายขึ้นไปอีก เราจึงไม่รอช้าที่จะเริ่มต้นบทสนทนา ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวเองกับผู้อ่านที่ยังไม่รู้จักเราหน่อยครับ? “สวัสดีค่ะชื่อ ศิริชฎา ร่วมฤดีกูล ชื่อเล่นชื่อมิลลี่ค่ะ อายุ 18 ปี ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยมหิดลดุริยางคศิลป์ เอกเปียโนแจ๊สค่ะ” จากเด็กผู้หญิงธรรมดาสู่เส้นทางสายดนตรีได้ยังไง? “คุณพ่อคุณแม่ชอบดนตรีอยู่แล้วค่ะ ก็เลยให้หนูเรียนเปียโนตั้งแต่หนู 3 ขวบ เรียนมาเรื่อย ๆ จนจบเกรดครู ตอนนี้ก็เป็นครูสอนเปียโนด้วยค่ะ ส่วนเต้นเริ่มเรียนตอน 4
รู้หรือไม่ว่าการฟังดนตรีแนวเพลง JAZZ เป็นสิ่งที่กระตุ้นการสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี