สนีกเกอร์สีขาวถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยตกยุคไปไหน ไม่ว่าเมื่อไหร่เรามักจะเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยสวมใส่สนีกเกอร์สีขาวกันเต็มไปหมด เพราะสีขาวคือความคลาสสิก ส่วนลวดลายสุดเฉพาะตัวอย่างหนังงูคือตัวแทนความหรูหรา ก็ยิ่งทำให้สนักเกอร์เรียบหรูและโดดเด่นไปพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ Nike ปล่อยสนีกเกอร์สุดวินเทจที่นำสีขาวและหนังงูมาเจอกัน แรงบันดาลใจจากความหรูหราที่ห่างหายกันไปพักใหญ่กับ Nike Blazer Mid Vintage หยิบแรงบันดาลใจจากรองเท้าของเหล่านักบาสเกตบอลจากยุค 70 ให้สนีกเกอร์เต็มไปด้วยดีไซน์สุดวินเทจที่เห็นเมื่อไหร่ก็ชวนให้ย้อนกลับไปสัมผัสความเท่ในวันเก่าก่อน แต่ตัดเย็บโดยคำนึกถึงความต้องการของนักบาสเกตบอลยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ Nike Blazer Mid Vintage ไม่ได้เป็นเพียงแค่สนีกเกอร์สำหรับใส่เล่นบาสเกตบอลแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ยังสามารถใส่ไปเล่นสเกตหรือใส่ไปเดินเที่ยวก็ได้ทั้งนั้น เพราะพื้นโฟมถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทก แถมยังมีน้ำหนักเบา คงไว้ด้วยสไตล์วินเทจแต่ก็ทันสมัยมีสไตล์ไปพร้อมกัน ในตอนนี้ Nike Blazer Mid Vintage ก็กลับมาอีกครั้งให้หายคิดถึงพร้อมกับลายงูสุดเท่ สัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยพิษสงที่จะส่งให้ลุคดูดีเรียบหรูเมื่อสวมใส่ สไตล์วินเทจและหนังงูมีเสน่ห์ดึงดูดด้วยการใช้สีขาวเป็นหลัก โดดเด่นจากหนังงูที่บริเวณ swoosh สัญลักษณ์อันแสนคุ้นตาของแบรนด์ ประกอบกับลายหนังงูที่พาดผ่านสนีกเกอร์มายังบริเวณส้นรองเท้าเสริมภาพลักษณ์ให้ดูดีมีระดับ ที่เด็ดอยู่ที่คู่นี้เล่นสีเอิร์ธโทนของหนังงูที่นำมาวางบนพื้นสีขาวเพราะตามปกติหนังงูที่เราเคยเห็นมีหลายแนวหลายสี แต่ Nike ตั้งใจเลือกสีเอิร์ธโทน น้ำตาลอ่อน และน้ำตาลเข้ม เข้ากันได้ดีกับหนังสีขาวของบริเวณลิ้นรองเท้าที่แต้มสัญลักษณ์ swoosh ด้วยสีแดงสด ดีเทลจัดจ้านนี้มีส่วนทำให้เราเห็นรองเท้าคู่นี้มาแต่ไกล จากความใส่ใจที่น้อยแต่มาก คู่สีลงตัวทุกสัดส่วนอย่างนี้ ทำให้การหาเสื้อผ้ามาสวมเข้าชุดกันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ชายเรา NIKE BLAZER MID VINTAGE
ผู้ชายอย่างเราแต่ละคนต่างมีมุมมองในการเลือกซื้อรองเท้าแรงแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัวรุ่นหรืองานดีไซน์ รวมถึงสีสันบนรองเท้าแต่ละคู่ที่ดึงดูดให้เราเป็นเจ้าของ ขณะเดียวกันกระแสความนิยมของสนีกเกอร์ทั่วโลกทำให้แบรนด์จำนวนมากดีไซน์ออกมาหลากหลายสีสัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในโทนทีมาแรงที่สุดในปีคือ “โทนสีเขียว” ทั้งโทนเข้ม โทนสว่างเรืองแสง ด้วยความนิยมที่กำลังเพิ่มมากขึ้น วันนี้ UNLOCKMEN อยากแนะนำรองเท้า สายเขียว ที่น่าครอบครองในปีนี้ซึ่งจะมีจากค่ายไหนรุ่นอะไรกันบ้าง มาดูกันเลย Nike ZoomX Vaporfly NEXT% “Volt” เริ่มคู่แรกกันกับรองเท้าสายวิ่งจากค่าย Swoosh กับ Nike ZoomX Vaporfly NEXT% “Volt” สีเขียวเรืองแสง อาวุธคู่กายคู่ใหม่ของหนุ่ม ๆ ผู้รักการออกกำลัง พร้อมความนุ่มสบายที่มากกว่าเพราะเพิ่มการใช้โฟม ZoomX ขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์ มาพร้อมอัปเปอร์แบบ Flyknit ที่ระบายอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะใส่เดินหรือวิ่งก็ตอบโจทย์ความสบายในการใช้งานทั้งสองแบบ ค่าครอบครองโดยประมาณ : 11,000 บาท Pharrell x Adidas NMD Hu Gum “Solar Yellow” ต่อยอดรองเท้าตระกูล
แม้ Kobe Bryant สุดยอดนักบาสเกตบอลจะอำลาวงการยัดห่วงไปแล้ว แต่ผู้คนยังนิยมและสนใจรองเท้า Signature ประจำตัวเขาอยู่เสมอ ล่าสุด UNDEFEATED ค่ายจอมคอลแลปส์ก็เตรียมหยิบ Zoom Kobe 4 โมเดลสุดงามมาดีไซน์ใหม่อีกครั้ง หลังจากเคยประสบความสำเร็จจาก Kobe 1 Protro มาก่อนหน้านี้ UNDEFEATED ถือเป็นแบรนด์ที่จับรองเท้าคู่ไหนมา Collaboration ก็ได้รับความนิยมตลอด ในปี 2018 พวกเขาเคยจับโมเดลรองเท้าบาสเกตบอล Kobe 1 Protro มารีดีไซน์ใหม่ จนสี “Flight Jacket” และ “Purple” กลายเป็นของแรร์และเป็นรองเท้าที่มีราคาสูงระดับท็อปของตลาด ในปีนี้พวกเขาจึงกลับมาอีกครั้งด้วย UNDEFEATED x Nike Kobe 4 Protro Pack UNDEFEATED x Nike Kobe 4 Protro Pack แบ่งออกเป็น 4 สี แต่ละสีมาจากทีมใน NBA ได้แก่ Milwaukee Bucks, Phoenix Suns, San Antonio Spurs รวมถึงสีม่วง-เหลืองตัวแทนของต้นสังกัดของ
หลังจากเมื่อปีที่แล้วแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดัง Nike ได้ออกแบบรองเท้าผ้าใบรุ่น Air Force 1 ให้กับแรปเปอร์ชื่อดัง G-Dragon และเป็นสนีกเกอร์ที่มีคู่เดียวในโลกสำหรับ GD เท่านั้น จากการพบกันครั้งนั้นทำให้ Nike กับแบรนด์แฟชั่นของ G-Dragon ร่วมกันสร้างสรรค์ไอเดียร่วมกันจนออกมาเป็นรองเท้าเท่ ๆ ที่ปล่อยมาเรียกน้ำย่อยพวกเรากันแล้ว รองเท้าที่ทาง Nike ส่งมาให้ G-Dragon ก่อนหน้านี้คือ Air Force 1 ที่เต็มไปด้วยลวดลายของดอกไม้สีแดงสดโดยมีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า Flower Road พร้อมกับลายของ PEACEMINUSONE ตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ไว้บนลิ้นรองเท้า แถมปี 2017 แรปเปอร์หนุ่มได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้ Nike มาแล้ว กับรุ่น GD x Nike Air Vapormax 2017 ส่วน PEACEMINUSONE คือแบรนด์แฟชั่นที่ก่อตั้งขึ้นโดย G-Dragon แถมเขายังนั่งแท่นเป็น CEO ของแบรนด์เองอีกด้วย จุดเด่นของเสื้อผ้าสัญชาติเกาหลีนี้อยู่ที่สไตล์ที่คล้ายกับถอดแบบแฟชั่นของ G-Dragon
ถือว่า Nike Daybreak x UNDERCOVER ได้ไปต่อและได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียวโดย Nike Daybreak x UNDERCOVER ถือเป็นงานคอลแลปส์คู่ล่าสุดระหว่างค่ายกีฬาอย่าง Nike และแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชาย UNDERCOVER ของดีไซน์เนอร์ Jun Takahashi และความแรงฉุดไม่อยู่นี้ทำให้ Nike Daybreak x UNDERCOVER เตรียมเปิดตัวรองเท้า 3 สีใหม่ ออกมาล้วงเงินในกระเป๋าหนุ่ม ๆ อย่างเราแล้ว นี่คืองาน Collaboration อีกรุ่นที่น่าสนใจของปี หลังจากสองแบรนด์อย่าง Nike และ UNDERCOVER ตัดสินใจหยิบรองเท้าโมเดล Daybreak ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งที่เริ่มผลิตขึ้นในปี 1984 มาปัดฝุ่นสร้างผลงานคอลแลปส์ชิ้นใหม่ จนออกมาเป็น Nike Daybreak x UNDERCOVER ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ของโครงสร้างอัปเปอร์ขนาดใหญ่ด้านหลังที่ใช้หนังกลับเป็นวัสดุ แต่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์แบบดั้งเดิมด้วยพื้นวาฟเฟิล ก่อนจะส่งไปเปิดตัวในงาน Paris Fashion Week 19 ซึ่งนับได้ 4 โทนสีด้วยกัน และตอนนี้กำลังจะเปิดตัว 3 สีล่าสุดตามออกมาแล้ว 3
สำหรับผู้ชายที่หลงใหลการเล่นกีฬาและดูการแข่งขันกีฬา รวมไปถึงคนที่ชื่นชอบเสื้อผ้ากีฬาและรองเท้ารูปแบบต่าง ๆ เชื่อเหลือเกินว่าโลโก้ “Swoosh” ของแบรนด์กีฬา Nike ต้องเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าที่เราคุ้นเคยกันดี แม้จะเปลี่ยนแปลงหลายตลบกว่าจะมาเป็นโลโก้ที่เห็นในปัจจุบัน ระยะเวลาผ่านมา 48 ปี นับตั้งแต่ชายที่ชื่อ Phil Knight และ Bill Bowerman ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทรองเท้าของพวกเขาด้วยการเปลี่ยนชื่อจาก Blue Ribbon Sport มาเป็น Nike.inc ณ เวลานั้นพวกเขาต้องการสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนสินค้า นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของโลโก้ที่ใครหลายคนรู้จัก วันนี้เราจะชวนย้อนดูความเป็นมาและวิวัฒนาการของโลโก้ “Swoosh” ผ่านคอลเลกชัน “The Evolution of the Swoosh” กับ 3 แพ็ครองเท้าที่นำโลโก้รุ่นเก๋าจากยุค 70’s มาดีไซน์ลงบนรองเท้ารุ่นยอดฮิตของค่ายในปัจจุบัน กลับสู่จุดกำเนิด “Script Swoosh” Pack เริ่มต้นกันที่ “Script Swoosh” หนึ่งในแพ็คที่โดดเด่นด้วยโทนสีขาว-ดำและแดง รองเท้าทั้ง 4 ในแพ็คประกอบไปด้วยโมเดลอย่าง Air Force 1, Air
ถ้าพูดถึงระบบรองรับแรงกระแทกของแบรนด์อย่าง Nike ผู้ชายหลายคนคงคุ้นเคยกันดีกับ “AIR” รวมถึงระบบ React ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ดูเหมือนค่าย Swoosh ยังยอมหยุดพัฒนาเรื่องความนุ่มสบายให้รองเท้าของพวกเขา ล่าสุดจึงเปิดตัวนวัตกรรมรองรับแรงกระแทกตัวใหม่ของค่ายที่เรียกว่า JoyRide ออกมา ถ้าพูดถึงระบบรองรับแรงกระแทก AIR ที่พัฒนาจนต่อยอดออกมาเป็นนวัตกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Air Max, Air Zoom, Air Huarache ที่หนุ่ม ๆ หลายคนโดยเฉพาะนักวิ่งหรือนักออกกำลังคงเคยสัมผัสความนุ่มสบายของระบบต่าง ๆ กันมาบ้าง Nike เองก็ทราบดีว่ากลุ่มลูกค้าของพวกเขาต่างมองหารองเท้าวิ่งที่มาพร้อมระบบรองรับแรงกระแทกที่นุ่มนวล นวัตกรรมรองรับแรงกระแทกที่ชื่อ Joyride จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการนี้โดยเฉพาะ หลังจากเปิดตัวนวัตกรรม React มาได้ปีกว่า ๆ และได้เสียงตอบรับที่ดี จนถูกพัฒนาออกมารวมกับรองเท้ารุ่นต่าง ๆ มากมาย ล่าสุด Nike เปิดตัว Joyride นวัตกรรมรองรับแรงกระแทกกรรมสิทธิ์ล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับรองเท้ากีฬา โดยเฉพาะรองเท้าวิ่งระยะใกล้รวมถึงระยะกลาง หลักการทำงานของ Joyride คือการลดและกระจายแรงกระแทก ด้วยเม็ด Thermoplastic Elastomers (TPE) จำนวนมากที่ถูกห่อเอาไว้โดยเม็ดโพลิเมอร์เหล่านั้นจะมีลักษณะยืดหยุ่นคล้ายสปริงและมีความทนทานสูง เมื่อถูกน้ำหนักกดทับจะหดและขยายตัวได้แบบทุกทิศทาง อีกทั้งยังจัดการความเหมาะสมในการรองรับแรงกระแทกด้วยการแบ่งเม็ด TPE
ในที่สุดสถิติของราคารองเท้าที่มีราคาซื้อขายผ่านการประมูลของ Converse คู่ที่ตำนานยัดห่วงอย่าง Michael Jordan เคยใส่แข่งขันในรอบชิงในการแข่งขันกีฬา Olympics ในปี 1984 ก็ถูกทำลายลงแล้ว โดยแชมป์ใหม่กลายเป็นของรองเท้าต้นแบบจาก Nike ที่มีฉายาว่า “Moon Shoe” ใครที่เคยคิดว่ารองเท้ารุ่นหายากหรือโมเดลแรร์ในอดีตคงจะไม่มีราคาควรค่าแก่การครอบครอง อาจต้องคิดใหม่ เพราะราคาประมูลรองเท้าที่แพงที่สุดในโลกคู่ก่อนหน้าอย่าง Converse ‘Jordan Olympics 1984 มีราคาถึง 190,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 5.8 ล้านบาท ในขณะที่สถิติคู่ใหม่ที่เป็น Prototype ของรองเท้าวิ่งทั้งมวลในโลกอย่าง Nike ‘Moon Shoe ที่ถูกประมูลไปในราคา 437,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 13.5 ล้านบาทเลยทีเดียว เจ้า Moon Shoe ถือเป็นบรรพบุรุษของรองเท้าวิ่งที่ผลิตโดย Nike ในช่วงปี 1970 ที่ Phil Knight และ Bill Bowerman ผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของค่าย Swoosh ร่วมมือกันพัฒนาและสร้างขึ้นเพื่อให้กลายเป็นรองเท้าวิ่งที่มีประสิทธิภาพที่สุดในยุคนั้น ก่อนที่ Moon Shoe
เป็นอีกครั้งที่แบรนด์เครื่องแต่งกายมักจะหยิบยกเรื่องราวจากภาพยนตร์และการ์ตูนมาปรับให้เข้ากับไอเทมแฟชั่นของตัวเอง และในครั้งนี้ก็เช่นกันกับแบรนด์เครื่องกีฬา Nike ที่หลายคนคุ้นเคย ได้นำคาแรกเตอร์ตัวละครสุดกวนจากการ์ตูนเรื่อง SpongeBob SquarePants มาอยู่บนรองเท้ากีฬารุ่น Kyrie 5 SpongeBob SquarePants การ์ตูนแอนิเมชันสัญชาติอเมริกาสุดกวน บอกเล่าเรื่องราวของฟองน้ำที่อาศัยอยู่ในโลกใต้ทะเลกับชุมชนชื่อ Bikini Bottom มีเพื่อนสนิทเป็นปลาดาวทะเลสีชมพู Patrick Star และต่อให้เป็นฟองน้ำหรือดาวทะเลก็ต้องทำงานเหมือนกับเรา ๆ ทำให้ทั้งสองคนต้องเป็นพนักงานอยู่ร้านแฮมเบอร์เกอร์ของ Mr. Krabs ซึ่งอร่อยที่สุดในเมือง ฟองน้ำใต้ทะเลและผองเพื่อนกับความกวน บ๊อง ไร้สาระ เห็นทีไรก็หวนนึกถึงวัยเด็กอันสดใสและมีพลังคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ SpongeBob SquarePants กลายเป็นการ์ตูนยอดนิยมข้ามโลกและทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของช่อง Nickelodeon ดังนั้น คงไม่แปลกถ้าการเป็นขวัญใจมหาชนแบบนี้จะดึงดูดวงการแฟชั่นให้เข้าหาและใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบคอลเลกชันพิเศษบ่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ขาใหญ่ของวงการสนีกเกอร์อย่าง Nike “Kyrie 5” จากคาแรกเตอร์ SpongeBob SquarePants เป็นสนีกเกอร์อันดับที่ 5 ในตระกูลโมเดล Kyrie ซึ่งถือกำเนิดจากการร่วมมือระหว่าง Kyrie Irving นักบาสเกตบอลดาวรุ่ง NBA กับแบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดังอย่าง Nike ออกแบบโดย Ben Nethongkome ดีไซเนอร์มากฝีมือที่เคยฝากผลงานไว้ใน Kyrie 4 แต่รุ่นล่าสุดเขาเพิ่มเติมความพิเศษด้วยลายพื้นรองเท้าที่มาจากรอยสักของ Kyrie Irving ผสมผสานเข้ากับความเจ๋งของฟังก์ชันการใช้งานที่ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกอย่างดีเยี่ยม
ในตอนนี้แบรนด์แฟชั่นหลากหลายเจ้าทยอยเปิดตัวกันมาแล้วเรื่อย ๆ กับคอลเลกชัน Fall/Winter 2019 และคราวนี้ก็ถึงตาของแบรนด์แฟชั่นสุดเท่สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง COMME des GARÇONS ที่เปิดตัวคอลเลกชันสำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว จากการติดแม่เหล็กดึงดูดความสนใจของหนุ่ม ๆ ด้วยรองเท้าคู่พิเศษที่ร่วมทำกับ Jordan Brand การเจอกันระหว่าง COMME des GARÇONS แบรนด์ที่เกิดขึ้นจากความขบถของดีไซเนอร์กับแบรนด์กีฬาชื่อดังอย่าง Nike กระตุ้นความตื่นเต้นให้เหล่าผู้ชื่นชอบรองเท้าต้องเตรียมควักกระเป๋า ยิ่งมาเห็นหน้าตาของคอลเลกชันยิ่งสร้างเซอร์ไพรส์ได้เป็นอย่างดีเพราะพวกเขาส่งรองเท้าบูทหนังสุดวินเทจซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมนักบิดที่คงความเท่ไม่เสื่อมคลายนำมาตีความจนกลายเป็นรองเท้าเท่ ๆ ในรุ่น COMME des GARÇONS x Air Jordan 1 Retro High ถ้าพูดถึงกลุ่ม Biker ที่จะรวมตัวกันและออกเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วอเมริกาด้วยรถคู่ใจ สิ่งที่โดดเด่นออกมานอกจากมอเตอร์ไซค์คันเท่คงหนีไม่พ้นแฟชั่นเครื่องหนังของสิงห์นักบิดทั้งเสื้อกั๊กหนัง รองเท้าบูทไปยันถุงมือหนัง พร้อมกับเครื่องประดับ เช่น แหวนเหล็กและสร้อยข้อมือแบบโซ่ ดังนั้น เมื่อทั้งสองแบรนด์นำแรงบันดาลใจจากกลุ่มวัฒนธรรมดังกล่าวมาใช้ รองเท้าบูทคู่นี้จึงใช้วัสดุประเภทเครื่องหนังเป็นส่วนประกอบหลัก คัดสีพื้นฐานอย่างสีขาวและดำมาใช้เป็นหลัก โดยเฉพาะกับสีดำที่เป็นเหมือน DNA ของ COMME des GARÇONS ฐานของรูเชือกรองเท้าปรับให้สูงขึ้นพร้อมตกแต่งด้วยมหมุดสีเงินสามชิ้นเรียงต่อกัน