นานพอสมควรที่เราไม่ได้คุยกับคนทำหนังสือ แต่มหกรรมหนังสือระดับชาติที่ประกาศย้ายสถานที่จากศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ไปที่เมืองทองธานีสะกิดเราให้รู้สึกว่า ถึงเวลาที่จะต้องออกไปพูดคุยกับคนทำหนังสือ ถึงเวลาไปสำรวจความจริงของตลาดหนังสือที่ใครเขาว่าซบเซากับตาแล้วว่าของจริงมันเป็นยังไงกันแน่ แล้วก็ไม่ผิดหวังเพราะบรรยาศที่คึกคัก จำนวนคนที่มางานช่วงที่เราแวะไปเห็นชัดว่ามีคนสนับสนุนสิ่งพิมพ์อยู่มาก ส่วนสำนักพิมพ์ที่แวะไปคุยด้วยก็จัดจ้านทั้งเรื่องราวที่ตีพิมพ์และคำตอบทุกคำถามที่ผ่าตรงถึงใจแบบนี้ “ใครเป็นคนบอกวะ จริง ๆ เราเจอคำถามแบบนี้มาประมาณ 3 รอบได้” “มันก็ใช่นะเวลาที่ทุกคนจะทำอะไรมันต้องมีจุดมุ่งหมายเพื่อสังคมอยู่ในนั้น เพื่อให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เปล่าประโยชน์เกินไป แต่เราก็มองว่า มันไม่ได้เป็นจุดประสงค์หลักขนาดนั้น เราไม่ได้เป็นโรงเรียนหรือว่าไม่ได้มีหน้าที่ทางสังคม ไม่ได้เป็นสถาบันทางสังคมที่จะทำหน้าที่ยกระดับให้สังคม” ประโยคคำตอบกลั้วเสียงหัวเราะของ 2 สาว คุณจุ๋ม – ปนิธิตา เกียรติ์สุพิมล และคุณนิ่ม – สุพรรณี สงวนพงษ์ ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ P.S. Publishing ที่กระตุกให้เราตั้งคำถามกับตัวเอง เออ…จริง ใครบอกก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้ตัวอีกทีมันเป็นหนึ่งในลิสต์คำถามที่เราโพล่งออกไปแล้วว่า “การเป็นสำนักพิมพ์ผลิตหนังสือออกไป เรามีเป้าหมายอยากเปลี่ยนแปลงสังคมหรือเปล่า” หนังสือที่ไม่ได้ตัดสินความเป็นมนุษย์ สำนักพิมพ์ที่ไม่ได้อยากเป็นศาลเตี้ยเสนอเรื่องราว “P.S. ยืนหนึ่งเรื่องความสัมพันธ์” เป็น Motto ที่ค่อนข้างเรียบง่ายและอธิบายความเป็น P.S. ได้ดี แม้การพูดเรื่องความสัมพันธ์จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน แหย่ขาข้างหนึ่งเข้าไปขยี้จารีต ซ้อนประเด็นหนัก ๆ อีกชั้นแต่อ่านไปแล้วไม่รู้สึกขยาด ต่างหากที่ทำให้ตัวอักษรทุกเล่มของ