“ความมั่นใจ”เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ถ้าใครสักคนมีมันอยู่ในตัวก็จะได้รับการยอมรับทั้งในโลกแห่งการทำงานและโลกแห่งการปฏิสัมพันธ์ แต่หลายครั้งความมั่นใจในตัวเองกับความบ้าอำนาจหรือหลงตัวเองก็มีเส้นกั้นบาง ๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นคนที่มีความมั่นใจแบบถึงแก่นหรือที่แท้เราแค่บ้าอำนาจและหลงตัวเองเท่านั้น ? ไม่ต้องคิดให้เหนื่อย ลองสำรวจตัวเองจาก 12 สิ่งต่อไปนี้ เพราะนี่คือ 12 สิ่งที่มนุษย์มีความมั่นใจถึงแก่นแตกต่างจากคนทั่วไป มีความสุขจากภายใน ความสุขคือปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของความมั่นใจ เพราะมนุษย์ที่มั่นใจในตัวเองแบบถึงแก่นนั้นไม่ว่าเขาเลือกจะทำอะไรเขาย่อมคำนึงถึงความสุขของตัวเองเสมอว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันส่งผลให้เขาพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นหรือเปล่า ดังนั้นคนที่มั่นใจในตัวเองนั้นมีความสุขมาจากตัวตนของตัวเอง เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำไปมันมีค่าให้ตัวเขาเองชื่นชมตัวเองหรือไม่ ถ้าเขารู้สึกว่านี่ดีกับตัวเขาเองแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องรอฟังคำชมจากคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีความสุขอีกต่อไป ไม่ตัดสินคนอื่น มนุษย์ที่มั่นใจในตัวเองอย่างถึงแก่นจะไม่ใช้มาตรฐานตัวเองเป็นมาตรวัดตัดสินคนอื่น ๆ เพราะเขารู้ดีว่ามนุษย์ทุก ๆ คนมีบางสิ่งบางอย่างในตัวเองที่เป็นจุดพีค และแต่ละคนไม่จำเป็นต้องมีเหมือนกัน ดังนั้นเขาจะไม่บอกว่าตัวเองเหนือกว่าใคร หรือตัดสินใครว่าต่ำกว่าใคร เพื่อยกระดับความสามารถตัวเองให้ดูดี คนที่ตัดสินคนอื่นหรือมัวแต่เปรียบเทียบอาจจะไม่ได้มั่นใจอย่างที่เขาแสดงออก แต่ตัวตนเขาแสนเปราะบาง ไม่ตอบตกลงมั่ว ๆ แต่จะตอบเมื่อตัวเองต้องการ งานวิจัยจาก University of California ระบุว่าการที่มนุษย์คนหนึ่งไม่กล้าปฏิเสธคนอื่น นั่นแปลว่าคนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับภาวะสุดตึงเครียด หมดไฟ หรือแม้กระทั่งซึมเศร้า ในขณะที่มนุษย์ที่มีความมั่นใจถึงแก่นรู้ดีว่าการรู้จักปฏิเสธในสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการนี่แหละที่ดีต่อตัวเอง ที่สำคัญคือพวกเขารู้ว่าตัวเองต้องการอะไรมากพอที่รู้ว่าเรื่องไหนมันต้องปฏิเสธ และเรื่องไหนคือเรื่องที่พวกเขาเต็มใจทำจริง ๆ ไม่ใช่ตอบตกลงส่ง ๆ แค่เพราะเกรงใจคนอื่น หรือตอบตกลงแค่เพราะกลัวคนอื่นไม่ชอบขี้หน้า ฟังมากกว่าพูด มนุษย์ที่มีความมั่นใจถึงแก่นจะฟังมากกว่าพูด เพราะพวกเขารู้ว่าการฟังมากกว่าพูดทำให้เขาเรียนรู้และเติบโตขึ้น และเขาไม่ได้มองว่าวงสนทนาเป็นสถานที่ที่มีไว้อวดว่าใครฉลาดกว่าใคร หรือใครรู้อะไรมากกว่าใคร แต่เขามองว่าวงสนทนาคือสถานที่ที่มีไว้เพื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
คุณเคยสงสัยไหมว่าทุกอาชีพบนโลกใบนี้เกิดขึ้นจากไหน ทำไมเรามีครู มีนักเขียน มีกราฟิก มีนักร้อง ฯลฯ ถ้าคุณคิดว่ามันเกิดขึ้นมาเพื่อทดแทนสิ่งที่หายไป มันคงแปลได้ว่า เมื่อมีบางสิ่งเข้ามาทดแทนในอนาคต เราอาจกลายเป็น loser ที่ต้องโดนแย่งไปในที่สุด แต่ถ้าเราสร้างอาชีพนั้นขึ้นมาเองล่ะ คงเป็นไปได้ยากที่จะมีใครทำได้เหมือนเราและเป็นอาชีพสุดมั่นคงทางใจเราอย่างแน่นอนเพราะมันเกิดขึ้นจากแรงขับเคลื่อนที่เรามี “PLANT HUNTER” คือหนึ่งอาชีพ ที่เชื่อว่าหลายคนยังไม่รู้จักมันดีเช่นเดียวกับเรา อาชีพนักล่าสิ่งมีชีวิตสีเขียวอย่างพืช ทำไมถึงต้องมีอาชีพนี้ เขาทำอะไรกัน และมันมีความสำคัญอย่างไร เราจะอธิบายมันไปพร้อมกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยที่ทำอาชีพนี้มานับ 10 ปี “Seijun Nishihata” ชายผู้พบความฝันที่ระดับความสูง 4,095 เมตร SEIJUN NISHIHATA คือชายชาวญี่ปุ่นที่เติบโตและเป็นทายาทรุ่นที่ 5 ของบริษัท Hanau ที่ค้าส่งพันธุ์พืชและดอกไม้มานานกว่า 150 ปี เขาหลงใหลและทำอาชีพนักล่าต้นไม้มาตั้งแต่ยังอายุ 21 ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้วันที่เขากลายเป็นหนุ่มวัย 38 อันที่จริงเขาเหมือนใครอีกหลายคนที่ไม่ได้หาตัวเองเจอตั้งแต่แรก แต่อาจจะแปลกกว่าคนอื่นสักหน่อยตรงที่เจอว่าตัวเองชอบอะไรที่ระดับความสูง 4,095 เมตร หลังจากปีนเขาที่เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซียแล้วพบกับ Nepenthes rajah หรือหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งครั้งหนึ่งพ่อของเขาเคยเล่าเรื่องราวของมันไว้อย่างตื่นเต้น แต่มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกมหัศจรรย์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นเลย นับจากนาทีนั้นเขาเลิกคิดว่ามีต้นไม้อีกมากให้ปลูก
การเจอกันครั้งแรกของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ส่วนใหญ่มักเต็มไปด้วยการทักทายอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มที่ฉีกกว้างประดับบนใบหน้า (แบบที่จริงใจบ้างไม่จริงใจบ้าง) บทสนทนาสุดไพเราะลื่นใจ แต่บางครั้งผู้ชายอย่างเราก็เลือกไม่ได้ เมื่อต้องเจอกับมนุษย์หน้าหงิกไม่เป็นมิตรพูดคุยอะไรด้วยก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับเหมือนเราไปเหยียบเท้าเขาไว้ตลอดเวลา หรือเพราะหน้าเรามันกวนตีนเขาเกินไปก็ไม่รู้ ไม่เอา อย่าเพิ่งหัวร้อนไป เราควรรับมือมนุษย์พวกนี้อย่างมืออาชีพ ถ้ายังไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไรเราเอา 5 วิธีรับมือกับมนุษย์ไม่เป็นมิตรมาฝากกัน ยิ้มเท่านั้นที่ครองโลก รอยยิ้มนี่แหละที่สร้างง่ายแสนง่ายไม่ต้องลงทุนอะไรมาก แต่เคล็ดลับเด็ดอยู่ที่ความจริงใจ รอยยิ้มที่ดีต้องมาจากทัศนคติที่ดี คิดไว้เสมอว่าว่าเขาแย่ใส่เรา เราไม่จำเป็นต้องแย่ใส่เขา โปรยยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ถ้าไม่ถนัดฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันทุกซี่ ก็ยิ้มบาง ๆ ด้วยสายตาเพื่อบ่งบอกว่า “นาย ๆ เรามาอย่างเป็นมิตรนะ อย่ากัดเราเลยว่ะ” ตั้งใจฟังรายละเอียดทุกส่วนของเขา การเจอกันครั้งแรกต้องมีการแนะนำตัว พูดคุยสร้างบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่แล้ว ให้เราตั้งใจฟังทุกอย่างที่เขาพูดเกี่ยวกับตัวเขาเองหรือเรื่องราวที่เขาเล่า แสดงความตั้งใจว่าเราใส่ใจที่จะฟังเขาอย่างจริงใจ อาจจะพยักหน้ารับเป็นครั้งคราว หรือส่งเสียงตอบรับเป็นระยะ ๆ หรือตรงไหนที่เห็นว่าน่าสนใจก็โยนคำถามกลับไป เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเรากำลังใส่ใจจะเป็นมิตรกับเขามาก ๆ ได้โปรดอย่าตั้งแง่ใส่เรานักเลย ไหว้ล่ะครับพี่ หมากัดอย่ากัดตอบ การรับมือกับมนุษย์ไม่เป็นมิตรจำเป็นต้องมีสติอย่างมาก แต่ UNLOCKMEN เชื่อในสติของผู้ชายชาว UNLOCKMEN ทุกคน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะจิกกัด เหน็บแนม
ในยุคที่การเป็นคนขี้แซะเหมือนจะคูล เพราะเที่ยวแสดงความคิดเห็นไปทั่วว่าตัวเองมีอารมณ์ขัน ช่างจิกกัด และกำลังต่อต้านอะไรบางอย่างอยู่ UNLOCKMEN ว่าการแซะก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่พึงจะกระทำได้ แต่ก็เป็นสิทธิของเราเช่นกันที่จะตะโกนในใจว่า “โคตรรำคาญเลยเว้ย!” แซะอะไรนักหนา แถมบางทีที่แซะก็ไม่ตลก ไม่ขำ ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ เราเข้าใจว่าการอยู่ท่ามกลางสมรภูมิการแซะอันดุเดือด อาจทำให้เรากระอักเลือกตายได้ วันนี้เราเลยเอา 5 วิธีรับมือกับคนขี้แซะมาฝากกัน รุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง วิธีรับมือการแซะอันดับต้น ๆ ก็คืออยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ เข้าไว้ ยิ่งเป็นการแซะผ่านโซเชียลมีเดียที่ไม่รู้ว่าเขาแซะใครยิ่งไม่ต้องหัวร้อนไปอ้าแขนรับโดยคิดว่าเขาแซะเราให้เสียเวลา หรือต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเขาแซะเราก็ปล่อยเขาไปตามมีตามเกิด ถ้าเขาหวังดีอยากให้เราปรับปรุงอะไรจริง เขาคงมาบอกเราตรง ๆ ไม่มัวมาแซะมาแขวะให้ไม่เกิดประโยชน์อย่างนี้ การทำอย่างนี้ก็อาจแปลได้ว่าเขาไม่ได้แซะเรา ปล่อยผ่านไป หรือถ้าเขาแซะเราแต่ไม่มาบอกเราตรง ๆ ก็ยิ่งปล่อยผ่านได้เลย เพราะเขาแค่หวังสนุก ไม่ได้หวังดีแต่อย่างใด! แซะต่อหน้าก็ต้องโต้ตอบกันต่อหน้า แซะผ่านโซเชียลมีเดียก็แล้วไป มันจับมือใครดมไม่ได้ว่าเขาไปเห็นอะไรมา แล้วต้องการพูดถึงอะไรกันแน่ แต่การที่เขาแซะตรง ๆ ในวงสนทนาที่เราก็อยู่ตรงนั้นด้วย แล้วเรารู้สึกว่าไม่ว่ามันจะแซะใครนี่ก็ชักจะเลยเถิดไปแล้ว เราก็จำเป็นต้องบอกเขาอย่างสุภาพที่สุด โดยไม่ต้องดราม่าอะไรสไตล์รุ่นใหญ่ อาจจะพูดยิ้ม ๆ อย่างจริงใจอย่างที่รู้สึกว่า “ผมว่านี่มันมากไป ไม่เห็นตลกตรงไหนเลยครับ” แล้วก็ชวนเขาพูดคุยอย่างไหลลื่นเป็นกันเองต่อไป
คุณมีรอยสักหรือเปล่า? ถ้ามี รอยสักก็เป็นบางสิ่งที่แสดงความเป็นตัวคุณได้แบบสุดขั้วมากพออยู่แล้ว แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราบอกคนอื่นว่า เฮ้ย รอยสักเรามาจาก Tattoo Artist ที่ไม่มีแขนว่ะ! อ้าวเฮ้ย! แล้วเขาใช้อะไรสักให้เรา แล้วมันจะออกมาสวยไหม Tattoo Artist ที่ไม่มีแขนเขาจะทำงานกันอย่างไร วันนี้ไม่ต้องทนสงสัยอีกต่อไป เพราะนี่คือเรื่องของ Tattoo Artist ที่โคตรสร้างแรงบันดาลใจ เพราะจากการไม่มีแขน สู่การมีแขนเทียม ไปจนถึงการมีแขนเทียมเป็นเครื่องสักอัจฉริยะที่สรรค์สร้างศิลปะได้แม้ไร้แขนจริง JC Sheitan Tenet เป็นชายชาวฝรั่งเศสผู้ สูญเสียแขนขวาท่อนล่างไปเมื่อ 24 ปีก่อน แน่นอนว่าในขณะนั้น ความหม่นเศร้าย่อมแผ่ขยายปกคลุมรอบ ๆ ตัวเขา เพราะเขาจินตนาการไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าชีวิตเขาจะไปในทิศทางไหนต่อ ยิ่งจินตนาการว่าเขาจะกลับมาวาดภาพ เขียนภาพอย่างที่เคยทำได้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แต่โลกใบนี้ก็สอนให้เรารู้จริง ๆ ว่า ไม่มีอะไรใหญ่หรือไกลเกินความฝันของเราเพราะเมื่อปี 2016 JC Sheitan Tenet ได้แขนเทียมเป็นของตัวเอง แต่ที่แม่งโคตรจะคูลกว่านั้นคือมันเป็นแขนเทียมพิเศษที่โมดิฟายเข้ากับเครื่องสักอีกด้วย! JC Sheitan Tenet เป็น Tattoo Artist
ผู้ชายอย่างเราเต็มไปด้วยบุคลิกภาพอันหลากหลาย บางบุคลิกภาพก็ทำให้คนตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น บางบุคลิกภาพก็ชวนให้เหม็นขี้หน้ากันได้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกัน จึงไม่แปลกเลยว่าบุคลิกภาพคืออีกสิ่งที่โคตรจะมีความสำคัญ และไว้แบ่งระดับชั้นกันกลาย ๆ ได้ตั้งแต่แรกพบสบตาว่าเราจะจัดคนนั้นไว้ในตำแหน่งไหนของชีวิต แต่คุณรู้หรือไม่ว่าบางบุคลิกภาพก็สร้างความหวาดกลัว หวั่นเกรงให้กับผู้คนรอบตัวได้ตั้งแต่คุณเริ่มย่างกรายเข้าไปปรากฏกายอยู่ข้าง ๆ เขา คุณว่าคุณมีบุคลิกภาพที่ทำให้คนอื่นหวั่นเกรงหรือไม่? นี่คือบุคลิกภาพ 6 อย่างที่บ่งบอกว่าคุณแข็งแกร่งจนคนรอบข้างกลัวเกรง โยนสิ่งเล็กน้อยทิ้งไป เพราะมันไม่ควรเสียเวลาด้วย เด็ดขาด แข็งแกร่งดั่งขุนผาเมื่อคุณตระหนักอยู่เต็มอกดีว่าสิ่งที่โคตรมีค่าที่สุดในชีวิตคือเวลา ไม่ใช่การตามเช็ดตามล้างทุกอย่างได้ดั่งใจไปทั้งหมด บุคลิกภาพนี้คือการไม่ยอมเสียเวลาให้กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณมองปราดเดียวอย่างเด็ดขาดก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปยุ่งด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรหรือคนแบบไหนก็ต้องหวั่นเกรงเพราะรู้ว่าจะทำให้คุณวอกแวกไม่ได้เลย มองปราดเดียวก็เห็นทางออก ในขณะที่ปัญหาต่าง ๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และผู้คนรอบตัวของคุณกำลังนั่งบ่นว่าทำไมสิ่งนั้นถึงเกิดขึ้น สิ่งนี้ถึงแก้ไม่ได้ แต่คุณคือคนคนเดียวที่มองออกว่าทางแก้ปัญหานั้นคืออะไร บุคลิกภาพแบบนี้มันเปล่งประกายออกมารอบ ๆ ตัวเลยว่าปัญหาทั้งหลายอย่าเสียเวลามากล้ำกรายคุณ และทำให้คนรอบตัวคุณเกรงใจที่จะนำปัญหามาให้คุณอีกด้วย ปากตรงกับใจ คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ในวันที่ใครจะพูดอะไรก็อ้อมกันไปกันมา กลัวนั่นกลัวนี่ไปหมด แต่การที่คุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่กลัวที่จะพูดอะไรออกไปอย่างที่ใจคิด ตรง ๆ แมน ๆ แต่ไม่ขวานผ่าซากจนไม่รู้จักมารยาทก็ทำให้คุณเป็นคนหนึ่งที่น่ากลัวเกรงในสังคมที่คิดว่าทุกคนจะเอาใจตัวเองด้วยการพูดอะไรดี ๆ เท่านั้น อาวุโสด้วยอายุสมอง แม้คุณจะเป็นคนที่อายุไม่ได้มากนักในวงสนทนาทั้งหลาย แต่ใคร ๆ
วินาทีที่ UNLOCKMEN กำลังตั้งใจเขียนบทความนี้อยู่นั้นมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่ง เขาวิ่งมาเป็นระยะทาง 204.30 กิโลเมตรแล้ว และการวิ่งของเขาไม่ได้เป็นการวิ่งเพื่อตัวเอง แต่การวิ่งของเขาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ที่ขณะนี้มียอดเงินบริจาค 84 ล้านบาทแล้ว ก้าวคนละก้าว กับยอดบริจาคที่ไม่หยุดก้าว ‘ตูน บอดี้สแลม’ หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย คือผู้ชายที่กำลังวิ่งอย่างไม่หยุดยั้งคนนั้นที่เราพูดถึง ผู้ชายที่กล้าที่จะก้าว ไม่ใช่เพียงแค่ก้าววิ่งจากเบตงไปแม่สาย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของการทำเพื่อคนจำนวนมาก ก้าวของการไม่ได้นึกถึงตัวเอง ก้าวแห่งความเท่ที่ UNLOCKMEN ต้องขอปรบมือให้ เช้าวันที่ลมหนาวพัดเข้ามาเยี่ยมเยือนกรุงเทพฯ ให้ใครหลายคนอยากซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม ก้าวทีละก้าวของตูนก็กำลังมุ่งไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง สวนทางกับยอดบริจาคที่พุ่งไปที่จำนวน 84 ล้านอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึง 6 วันเต็ม ซึ่งที่ถือเป็นเงินจำนวนที่เยอะมาก เมื่อเทียบกับเวลาที่ไม่ได้มากตาม แต่ไม่ใช่การวิ่งอย่างเดียวที่ตูนเสียสละแต่เป็นสิ่งที่ประเมิณค่าไม่ได้อย่างสุขภาพตัวเองด้วย วิ่งเพื่อสุขภาพ (คนอื่น) ตูน-อาทิวราห์ เริ่มออกวิ่งด้วยเหตุผลเหมือนคนทั่วไปคือวิ่งเพื่อสุขภาพกายสุขภาพใจของตัวเอง จนกระทั่งความฝันเริ่มยิ่งใหญ่กว่าการวิ่งเพื่อสุขภาพ และความฝันของเขาไม่ได้เป็นไปเพื่อสุขภาพตัวเองอีกต่อไปแต่เป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพคนอื่น ที่จะได้ใช้ประโยชน์จาก 11 โรงพยาบาล แต่ทุกสิ่งย่อมมีการแลกเปลี่ยนเมื่อเขาตัดสินใจวิ่งเพื่อสุขภาพคนอื่น อะไรในสุขภาพตัวเองที่เขาต้องแลกไปบ้าง UNLOCKMEN อยากชวนให้ซึมซับความยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้ไปพร้อม ๆ