ความโป๊เปลือยอาจเป็นเรื่องอุจาดตาสำหรับใครหลายคน แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเรือนร่างของมนุษย์คือความงดงามที่ธรรมชาติสรรสร้าง และพยายามถ่ายทอดความงามผ่านรูปถ่ายในมุมมองใหม่ที่จับทิวทัศน์และความเปลือยมาอยู่เฟรมเดียวกัน *คอนเทนต์นี้อาจมีภาพที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน การจับวิวมาเจอกับความโป๊เปลือยเกิดขึ้นโดย อแมนด้า เณอเชียน (Amanda Charchian) ช่างภาพสาวชาวจากเมืองลอสแองเจลิสที่ชื่นชอบการตระเวนถ่ายภาพทั่วโลก เธอเคยลุยเข้าไปในป่าลึกของไอซ์แลนด์ เดินทางไปคิวบา อิสราเอล โมร็อกโก คอสตาริก้า และประเทศอื่น ๆ เพื่อถ่ายทิวทัศน์ไกลสุดลูกหูลูกตา หรือเก็บภาพทะเลสาบเงียบสงบ โดยภาพวิวทุกภาพของเธอโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะจะมีสตรีเปลือยกายอยู่ในภาพถ่ายด้วยเสมอ อแมนด้าพยายามส่งสารเรื่องความรู้สึกของหญิงสาวไปในรูปถ่ายทุกใบ เผยมุมมองที่เต็มไปด้วยความเป็นอิสระ ไม่มีความอ่อนแอให้เห็น แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ความสวยงาม และอำนาจต่อเรือนร่างของตัวเอง สื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าไม่ใช่แค่ผู้ชายเสมอไปที่ถ่ายภาพสวย เหตุผลที่เธอพยายามบอกทุกคนว่าไม่ได้มีแค่ผู้ชายที่ถ่ายภาพนู้ดสวย เกิดจากค่านิยมดั้งเดิมของวงการช่างภาพ อาชีพช่างภาพสมัยก่อนมักเป็นผู้ชาย เพราะผู้หญิงต้องเป็นแม่และภรรยาที่ต้องทำงานบ้าน ไม่ถูกยอมรับในฐานะช่างภาพหรืออย่างอื่น เธอจึงอยากบอกว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ผู้หญิงมีโอกาสเข้าถึงอาชีพมากขึ้น ได้ทำงานที่ตัวเองอยากทำ แถมนางแบบที่เธอร่วมงานด้วยก็แสดงความสบายใจและไว้วางใจมากขึ้นเมื่อทราบว่าตากล้องผู้ถ่ายรูปเปลือยเป็นผู้หญิงเหมือนกัน นางแบบในภาพถ่ายมาจากหลากหลายอาชีพแต่พวกเธอล้วนอยู่ในแวดวงศิลปะ บางคนเป็นนักแสดง จิตรกร ช่างภาพแฟชั่น นักเขียน นักออกแบบแฟชั่น ทุกคนล้วนเข้าใจศิลปะและสิ่งที่อแมนด้าพยายามเล่าผ่านรูปถ่าย และอาจเป็นเพราะความเข้าใจร่วมกันระหว่างนางแบบกับช่างภาพที่ทำให้องค์ประกอบโดยรวมของภาพสมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยความนุ่มละมุนของหญิงสาว ความเป็นธรรมชาติของนางแบบที่อยู่ในภาพ การจัดองค์ประกอบภาพทั้งมุม แสง สี รวมกับการเปลือยการของคนในรูปที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติจากหลากหลายพื้นที่ ถือเป็นความงามที่ชวนให้เพลินตาและตระหนักถึงเรื่องราวที่ผู้หญิงพยายามจะสื่อให้ทุกคนได้เข้าใจ เพราะการแสดงความคิดเห็นผ่านสิ่งที่ตัวเองถนัดคือการเล่าเรื่องในแบบที่ไม่เหมือนใคร
วงการถ่ายภาพต้องพบกับความสูญเสียอีกครั้ง เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ช่างภาพชื่อดังอย่าง Michael Wolf เสียชีวิตลงด้วยวัย 64 ปี ถึงแม้จะจากไปแต่เขาก็ได้ทิ้งสุดยอดผลงานภาพถ่ายที่ให้แง่คิดมุมมองไว้บนโลกใบนี้ UNLOCKMEN ขอร่วมรำลึกถึงเขาด้วยผลงานเขาที่สร้างชื่อไปทั่วโลก Michael Wolf ช่างภาพชาวเยอรมันที่เดินทางไปทั่วทั้งเอเชียเพื่อเก็บภาพทุกมุมเมืองไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ฮ่องกง ผลงานของเขาขึ้นชื่อเรื่องการภ่ายภาพของตึกรามบ้านช่องและวิถีชีวิตในชุมชนที่สะท้อนสภาพสังคมปัจจุบันได้เด่นชัด Architecture of Density Architecture of Density ถ่ายทอดความแออัดของชุมชนเมืองในเกาะฮ่องกงผ่านภาพถ่ายที่มีเส้นสายมากมายนับไม่ถ้วน กราฟิกของแต่ละภาพคุมโทนสีสันให้ไปในทิศทางเดียวกัน รูปทรงเรขาคณิตที่แม่นยำ แต่ภาพของเขากลับให้ความรู้สึกสงบนิ่งทั้งที่เห็นเพียงแค่ตึกเท่านั้น เขาตัดทอนทั้งส่วนท้องฟ้าส่วนบนและพื้นส่วนล่างออกไปเพื่อให้คนดูจดจ่ออยู่กับตึกที่มีห้องมากมาย สะท้อนรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ไม่มีวันจบสิ้น แม้ภาพของเขาถูกเปรียบเทียบกับภาพของ Andreas Gursky และ Candida Höfer แต่ผลงานของเขาสื่อให้เห็นถึงมุมมองหลายอย่าง รวมถึงองค์ประกอบศิลป์ที่เป๊ะกินขาดทำให้คอลเลกชันภาพถ่าย Architecture of Density ของเขาสามารถคว้าแชมป์จากเวที World Press Photo 2014 ได้สำเร็จ 100×100 คอลเลกชัน 100×100 เริ่มต้นขึ้นในปี 2006 Michael Wolf ตระเวนเคาะห้องของผู้อยู่อาศัยในตึก Shek
“ถ่ายรูปสวยเพราะใช้กล้องโปรแพง ๆ” ประโยคที่ทำให้เหล่าช่างภาพมืออาชีพหรือคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพต้องเซ็งอยู่บ่อย ๆ เพราะเวลานำผลงานออกมาแสดงทีไรก็จะต้องมีสักหนึ่งคนที่ชอบวิจารณ์ผลงานแบบไม่แคร์น้ำใจกันเท่าไหร่ พร้อมบอกว่าเขาก็สามารถถ่ายรูปสวยแบบเราได้ถ้ามีกล้องแพง ๆ กับอุปกรณ์ครบมือ ด้วยคำพูดเหล่านี้เองที่ทำให้ช่างภาพนามว่า Noe Alonzo ตัดสินใจออกไปถ่ายภาพแบบสตรีตกลางเมืองหลวงของเกาหลีด้วยโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการถ่ายภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องใช้กล้องแพง ๆ เสมอไป การออกไปถ่ายรูปครั้งนี้ของ Alonzo เขาได้พกโทรศัพท์มือถือไปสองเครื่องด้วยกันคือ Iphone 5 และ Iphone 7 เพื่อออกไปถ่ายภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของกรุงโซล ทั้งย่านพลุกพล่านไปจนถึงตรอกแคบ ๆ ในวันที่มีสภาพอากาศแย่ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งช่วงเวลากลางคืนและสภาพอากาศปิดจะทำให้ภาพมี noise แตกกระจายก็ตาม แต่ภาพถ่ายของเขากลับถ่ายถอดความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจน สไตล์การแต่งภาพของเขาโดดเด่นและดึงความสนใจได้เป็นอย่างดีด้วยสีสันแบบนีออน เล่นกับแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ ป้ายห้างร้านที่มีอยู่เต็มสองฝั่งถนนกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งการแต่งภาพแบบนีออนที่ให้ความรู้สึกเหงา ๆ และลึกลับไม่ได้มาจากโปรแกรมแต่งภาพราคาแพงแต่เขาแต่งภาพผ่านแอปพลิเคชันฟรีสองแอปฯ ด้วยกันคือ Snapseed และ Lightroom ที่ทำให้เห็นว่ากล้องมือถือและแอปพลิเคชันแต่งภาพฟรีหากใช้เป็นก็สามารถทำให้รูปภาพสวยงามได้เช่นกัน “การที่ผมออกไปถ่ายรูปครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อทำให้ผู้คนตระหนักว่าการถ่ายภาพให้สวยไม่จำเป็นต้องมีกล้องราคาแพง แต่สิ่งสำคัญคือแรงผลักดันที่ทำให้เราอยากออกไปข้างนอกเพื่อลั่นชัตเตอร์ต่างหาก” ในบางครั้งการถ่ายภาพบางประเภทอาจจำเป็นต้องเพิ่งกล้องราคาแพงหรืออุปกรณ์เสริมเพื่อให้ภาพถ่ายสมบูรณ์ขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะไปตัดสินได้ว่าผลงานภาพถ่ายของศิลปินหลายคนสวยได้เพราะใช้ของแพงเสมอไป SOURCE
หลังจากที่ “คนพิเศษ” คนล่าสุดออกไปจากชีวิต คุณใช้ชีวิตแบบไหน อยู่ด้วยความรู้สึกเช่นไร และใช้วิธีเยียวยาตัวเองอย่างไร เชื่อว่าแต่ละคนคงมีคำตอบที่ต่างกันไป แน่นอนว่าถ้าการยุติความสัมพันธ์ในครั้งนั้นลงเอยด้วยการที่คุณไปมีคนใหม่ทันที ทุกอย่างมันคงง่ายขึ้นเพราะความรู้สึกเศร้าสร้อยมันจะเบาบางลงจากการที่คนใหม่เติมเต็มความว่างโหวงในใจ แต่สำหรับบางคนที่ไม่ยอมให้ใครเข้ามาแทนที่คนเดิมได้ อาจต้องวนเวียนกับการคิดถึง “อดีตคนพิเศษ” แบบเขาคนนี้ Yosuke Morimoto ช่างภาพชาวญี่ปุ่นจาก Kagawa วัย 36 ปีที่ใช้เวลาเยียวยาตัวเองหลังจากอกหักจากแฟนสาว ด้วยการถือกล้องออกไปถ่ายรูปสาวคนอื่นกว่าพันคนตลอดสิบปีตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ถึง พ.ศ. 2560 ในคอนเซ็ปต์ที่ฟังแล้วเต็มไปด้วยความเวิ้งว้างในใจอย่างการ “ถ่ายภาพสาวที่ให้ความรู้สึกคล้ายแฟนเก่า” บ้านขนาด 27 ตารางเมตรของช่างภาพชายโสดคนนี้ส่วนใหญ่ถูกแปรเป็นห้องมืด และห้องน้ำก็ได้รับการแปรเป็นที่เก็บฟิล์มที่ล้าง SOME OF HIS PHOTOS แม้หลายกระแสวิจารณ์ว่าการกระทำของเขาว่ามันช่าง creepy ดูน่าแขยง แต่เราไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะจากภาพจะเห็นการ eye contact ระหว่างตัวแบบกับเลนส์อย่างชัดเจน บางรูปเองก็มีรอยยิ้มกลับมาให้ด้วย เราจึงคิดว่าเขาไม่ได้คุกคามแบบเหล่านั้น แต่เป็นการขออย่างสุภาพจนได้กดชัตเตอร์มา นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการบำบัดที่เรามองว่าไม่ค่อยเหมือนใคร แต่ก็เป็นไปอย่างสร้างสรรค์เพราะอย่างน้อยการออกถ่ายภาพ portrait ซ้ำ ๆ เพื่อซ้อมมือนับพันครั้งน่าจะเป็นประโยชน์กับอาชีพช่างภาพอย่างเขา ชาว UNLOCKMEN
ในโลกปัจจุบันที่ทุกคนกำลังแข่งขันกันสะสมความสำเร็จ โลกที่ทุกอย่างดูเร่งรีบ แทบไม่มีช่องว่างให้เราหายใจ เคยถามตัวเองบ้างไหม ว่าเราห่างหายจากความสุขที่เคยคุ้นเคยไปนานแค่ไหน ? แล้วทำไมเราถึงห่างจากการ “ใช้ชีวิต” มากขึ้นทุกที ? หลังจากที่ UNLOCKMEN ได้นำเสนอผลงานภาพถ่ายในโปรเจ็กต์ ‘X1 Inspired Art’ by BMW X1 ของช่างภาพ 2 คนแรก คือ ‘หาว 2 how’ – ต่อวงศ์ ซาลวาลา ช่างภาพดิจิทัลแถวหน้า และ ‘หลิน – รินรดา พรสมบัติเสถียร’ ช่างภาพสาวไฟแรงไปแล้ว อีกหนึ่งผลงานภาพถ่ายในโปรเจ็กต์นี้ที่เราจะนำมาเสนอให้ดูกันเป็นของคุณ ‘โต้-วิรุนันท์ ชิตเดชะ’ ช่างภาพมืออาชีพชื่อดัง เจ้าของผลงานนิทรรศการ The Last Light ผลงานที่ถ่ายทอดภาพภูมิทัศน์ ผ่านสถานที่โครงการในพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยผลงานของคุณโต้ในโปรเจ็กต์ X1 Inspired Art นั้น น่าจะทำให้ทุกคนฉุกคิดได้ว่า เราต่างหลงลืมเสน่ห์ที่คุ้นเคย เพราะมุ่งหน้าหาแต่ความสำเร็จ ช่างภาพหนุ่มมาดเท่บอกกับเราว่า แรงบันดาลใจของภาพภ่ายชุดนี้ของเขาคือ ตัวตน ความเป็น BMW X1 และ Bangkok night life ทำให้เราอยากรู้ขึ้นมาเลยว่า
การใช้ชีวิตในแบบเดิม ๆ ใน safe zone ทำอะไรเดิม ๆ ไปแต่ที่เดิม ๆ ก็คงจะไม่ทำให้เราได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ และไม่มีวันรู้ขีดจำกัดของตัวเอง ยากต่อการปลดล็อกศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ แบบนี้น่าเบื่อแย่ ต้อง GET OUT THERE ซะแล้ว หลายท่านคงจะได้อ่านแนวคิด และชมผลงานบางส่วนของ คุณ ต่อวงศ์ ซาลวาลา หรือ พี่หาว 2 how ช่างภาพอิสระผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการถ่ายภาพดิจิทัล และเจ้าของเว็บไซต์และแฟนเพจ 2how.com ในโปรเจกต์ “X1 Inspired Art” แคมเปญเท่ ๆ ของ BMW ไปแล้วในคอนเทนต์นี้ มาถึงตอนนี้เรามาพูดคุยและดูผลงานของสาวสวยคนนี้กันบ้างดีกว่า เธอคือ “หลิน – รินรดา พรสมบัติเสถียร” ช่างภาพสาวรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีผลงานมากมาย ทั้งงานภาพนิ่ง หนังสั้น และเมกอัพอาร์ติสท์หนังสั้น โดยผลงานล่าสุดของเธอก็คืองานถ่ายภาพนิ่งเบื้องหลังซีรีส์ “SOS skate ซึมซ่าส์” ด้วยความที่คุณหลินเป็นคนรุ่นใหม่ สิ่งที่เธอต้องการนอกจากการสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ออกมา ก็คือ อิสรภาพของการเดินทางและการใช้ชีวิต ซึ่งเธอได้อธิบายความรู้สึกที่ได้ร่วมโปรเจ็กต์นี้ว่ามันโดนใจคนสไตล์เธออย่างไร “นอกจาก
ยิ่งเราอยู่บนโลกนี้นานขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้ว่ายังมีเส้นทางอีกมากที่รอให้เราไปผจญภัย และหากจะให้อยู่เฉย ๆ ใน safe zone แบบไม่โลดโผนเลย ก็คงจะไม่ใช่ผู้ชายสไตล์อย่างเรา ที่ต้องการเต็มที่กับทุกด้านในชีวิต และมองความท้าทายใหม่ ๆ เป็นประสบการณ์สุดล้ำค่า เปรียบทางข้างหน้าดั่งผืนผ้าใบที่ให้เราสร้างสรรค์งานศิลป์ในแบบของเราออกมาให้สวยงาม เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้สึกถึงการสร้างสรรค์ชีวิตที่เหนือชั้นอย่างไม่เหมือนใครในสไตล์ของ BMW X1 ยนตรกรรม SAV ที่พร้อมพาสู่เส้นทางใหม่ ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีจึงได้สร้างแคมเปญ “X1 Inspired Art” ขึ้นมา โดยการชวนช่างภาพชั้นนำในบ้านเรา 3 คนมาถ่ายทอดมุมมองทางศิลปะของพวกเขาและเธอที่มีต่อ BMW X1 แน่นอนว่างานแต่ละคนนั้นล้วนมีเอกลักษณ์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน ช่างภาพสุดเท่ที่เราจะพูดถึงงานของเขาเป็นคนแรกก็คือ คุณ ต่อวงศ์ ซาลวาลา หรือ พี่หาว 2 how ช่างภาพอิสระ และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการถ่ายภาพดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เจ้าของเว็บไซต์และแฟนเพจ 2how.com ที่หลายคนรู้จัก และเราก็อยากรู้แล้วว่า คุณต่อวงศ์มอง BMW X1 เป็นงานศิลปะแบบไหน ? “ผมมองมันเป็นงานออกแบบในรูปแบบสิ่งของครับ เหมือนนาฬิกา เป็นนาฬิกาเรียบๆ ดู
ชาว UNLOCKMEN สายถ่ายภาพทั้งมือสมัครเล่นและมือโปรเตรียมยิ้มหวานกับการประกาศอย่างเป็นทางการให้สะเทือนวงการภาพ เมื่อบริษัทยักษ์ล้มเจ้าดังอย่าง KODAK ลุกมาจับมือกับ Wenn Digital บุกตลาดค้าภาพลุกมาสร้างสกุลเงินกลางสายดิจิตอลสำหรับนักถ่ายที่หวังจะดึงอำนาจการสื่อขายถ่ายโอนภาพให้ได้ดังใจ KODAKCOIN สกุลเงินใหม่มีไว้ทำไม? หลายคนสงสัยว่าเมื่อมีสกุลเงินดิจิตอลชื่อดังอย่าง Bitcoin แล้ว ทำไมยังต้องมี KODAKCOIN มาเพิ่มอีก คำตอบง่าย ๆ ก็คือไอ้ระบบสกุลเงินดิจิตอลเนี่ย Bitcoin มันอาจจะดังที่สุด แต่มันก็เป็นแค่หนึ่งในสกุลเงินเท่านั้น และช่วงนี้ก็เป็นขาขึ้นของ cryptocurrency จึงไม่แปลกที่ KODAK เองจะสนใจ หันไปปล่อย Currency ของตัวเอง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ Portfolio ด้วยความเชื่อมั่นในระบบ Blockchain และรู้ว่านี่ยังเป็น Blue Ocean ที่จะทำเงินได้ แถมการใช้ชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่อย่าง KODAK ย่อมทำให้ค่าเงินของตัวเองมีมูลค่าน่าสนใจกว่าเจ้าไหน ๆ ในตลาด คนใช้ได้จะได้อะไร? KODAK เขาก็ออกมาเผยข้อดีว่าแพลนนี้มันดีนะยูวววว มันช่วยเปิดมิติการซื้อขายรูปอย่างเท่าเทียมขึ้นมา ช่างภาพอยากขายภาพก็เทรดตรงไปเลยระหว่างคนซื้อคนขาย จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เพราะการซื้อขายทุกวันนี้ที่มันมีช่องว่างของพ่อค้าคนกลางมาเอี่ยวบ้าง หรือบรรดาคนซื้อหัวหมอที่ซื้อครั้งเดียวใช้ไปรัว ๆ ทุกช่องทาง หรือมุกหนูไม่รู้ที่หยิบเอาช่องว่าระหว่างพรมแดนมาบอกบ่อย