ในยุค 90s ที่ BMW ยังไม่เคยมี X-series ยังไม่มีใครคิดถึง SAV หรือ Sports Activity Vehicle แต่ในปี 1995 พวกเขาแอบสร้างรถ Prototype ที่อาจจะล้ำยุคเกินไปจนโลกไม่เข้าใจ มันคือ BMW Z18 คอนเซ็ปต์ Roadster ยกสูง พร้อมลุยทุกสภาพถนน ด้วยสัดส่วนและสไตล์ที่โคตรแปลกตา Z18 มาในฟอร์มของรถเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ตัวถังทำจากวัสดุ Composite น้ำหนักเบา กันน้ำ กันสนิม กันกระแทก พร้อมฝาครอบหลังคาแบบแข็งที่ถอดเก็บได้ ออกแบบมาเพื่อขับลุยทราย ขึ้นดอย หรือจะขับลุยฝนลุยโคลนก็ยังได้ หัวใจขับเคลื่อนคือ V8 Engine จาก BMW 7-Series (E38) แรงแบบมีคลาส ขับได้ทั้งกลางเมืองและกลางป่า ตัวรถสร้างโดยแผนก BMW Technik GmbH ทีม
ในบรรดารถสปอร์ตที่สร้างตำนานในยุค 60s ชื่อของ Alfa Romeo Giulia Sprint GTA (Gran Turismo Alleggerita” หรือ Grand Touring, Lightened) เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ระดับตำนานอย่าง Giorgetto Giugiaro ผู้อยู่เบื้องหลัง BMW M1, DeLorean DMC-12 และอีกมากมาย ร่วมมือกับทีมจาก Bertone และขัดเกลาโดยทีมแข่ง Autodelta ผลที่ได้คือความงดงามคลาสสิกแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ที่มากับความแรงสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ แต่ในบรรดา GTA ทั้งหลาย ยังมีอัลฟ่าอีกสายพันธุ์ที่โหดจนแทบไม่มีใครคุมได้ นั่นคือ GTA-SA หรือ Sovralimentato เวอร์ชันพิเศษที่ติดตั้ง supercharger แบบ twin centrifugal เพิ่มเข้าไปในเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร DOHC 4 สูบ จนรีดพลังได้ถึง 220 แรงม้า กับน้ำหนักตัวที่เบาแค่
รถประธาน ที่มาพร้อมความบ้าคลั่งด้วยขุมพลัง 5.0-liter 1GZ-FE V12 ถูกวางอยู่ใน second-generaton Toyota Century G50 aka “The Rolls-Royce of the East” เป็นรถบ้าน V12 คันเดียวที่ Toyota เคยผลิตในประวัติศาสตร์ และเป็นรุ่นเดียวสำหรับ production car อีกด้วย เครื่องตัวนี้ให้พละกำลัง 276 แรงม้า แรงบิด 460 นิวตันเมตร ซึ่งเชื่อว่าถ้าวัดจริงน่าจะเกินไปไกล เกียร์อัตโนมัติ 6-speed ขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วงล่างถุงลมนุ่มและนิ่ง 0-100 km/h ใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 km/h สังเกตได้เลยว่าตัวรถถูกจูนมาให้เน้น “ความนุ่ม” ไม่ใช่ “ความเร็ว” เหตุผลที่ Toyota วางเครื่อง V12 ลงไปใน G50 ไม่ใช่เพราะอยากอวดแรงม้าเหมือนในสมัยนี้
ก่อนที่เราจะมี Skyline GT-R Autech Version 40th Anniversary ปี 1998 รุ่น 4 ประตูที่ผลิตเพียง 416 คัน ซึ่ง Unlockmen เคยนำเสนอไปในซีรีส์ JDM: CODE RARE ก่อนหน้านี้แล้ว น้อยคนจะรู้ว่า Autech Japan เคยมีอีกหนึ่งรุ่นสุด Rare ที่สร้างมาก่อนหน้านั้นถึง 5 ปี นั่นคือ Skyline Autech Version (1993: HNR32) Skyline Autech Version ใช้พื้นฐานจาก R32 GTS-4 4-Door ซึ่งเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อของตระกูล R32 แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่าง คือการที่ Autech ใส่เครื่องยนต์ RB26DE แบบไม่มีเทอร์โบ (NA version ของ
นี่ไม่ใช่ GTT 4 ประตูที่เอามาแต่งเป็น GT-R แต่นี่คือ GT-R 4 ประตูของแท้จากโรงงาน ที่หลายคนยังไม่รู้ว่ามีอยู่จริง เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Tokyo Motor Show ครั้งที่ 32 ช่วงปลายปี 1997 การร่วมมือกันระหว่างสำนัก Autech Japan และ Nissan ความแรร์ที่ถูกผลิตเพียง 416 คันในโลกเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของชื่อ “Skyline” ภายใต้คอนเซปต์สุดเท่ว่า “Sports sedan of highest performance for grown-ups.” แม้มันจะใช้พื้นฐานจาก Skyline R33 4-door แต่ Autech ไม่ได้เอามาแค่ตัดแปะดีไซน์เข้าไป พวกเขาออกแบบประตูหลังและโป่งซุ้มล้อหลังขึ้นใหม่ เพื่อให้ได้เส้นสายแบบ Blister Fender โป่งนูนสปอร์ต เสริมให้รถมีมิติที่บึกบึนแบบ GT-R 2 ประตูและรับกับตัวถังซีดานอย่างแนบเนียน ดีไซน์ภายนอกสุขุมสมกับตำแหน่ง “Gentleman’s
ผลงานล่าสุดจาก Singer : Porsche 911 Carrera Coupe Reimagined by Singer แรงบันดาลใจจากตำนานสุดแรร์ 911 SSE (Super Sport Equipment) ตัวถังแบบ wide-body ที่โด่งดังเรื่องโป่งข้างหนา ๆ และสปอยเลอร์ท้าย Whale Tail เอกลักษณ์จากยุค 80s พร้อมเพิ่มดีเทลใหม่สุดเท่ – ไฟ pop-up hood-mounted แบบฝังบนฝากระโปรงหน้า เติมกลิ่นอาย retro-futurism ได้อย่างลงตัว Singer จัดเครื่อง 4.0 ลิตร NA flat-six ที่พัฒนาร่วมกับสำนัก Cosworth จัดแรงม้าให้ถึง 420 hp พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง และโครงสร้างตัวถังที่เสริมความแข็งแกร่งใหม่ด้วยเทคนิคจาก F1 โดยร่วมมือกับ Red Bull Advanced
ในโลกที่ SUV ไม่ได้มีไว้แค่รับ-ส่งลูก แต่กลายเป็นสนามประลองของผู้มีอันจะซิ่ง Aston Martin จึงขอแนะนำ DBX S ยกระดับความแรงมากกว่าเดิม ขยับเพดานขึ้นอีก 20 แรงม้า ด้วยชุดเทอร์โบใหม่ที่ยืม DNA มาจาก Valhalla ซูเปอร์คาร์สายพันธุ์ไฟต์เตอร์ของ Aston เอง หลังจากที่ Aston ตัด DBX รุ่นพื้นฐาน 542 แรงม้าออกจากไลน์เพราะไม่มีใครอยากได้ มันเหลือแค่ DBX707 ตัวแรงที่เคยครองบัลลังก์ SUV สายโหดของค่าย แต่ตอนนี้ คำว่า “แรงพอแล้ว” ดูจะกลายเป็นสิ่งล้าสมัย เพราะ DBX S ขยับเพดานขึ้นอีก 20 แรงม้า ด้วยชุดเทอร์โบใหม่ที่ยืม DNA มาจาก Valhalla — ซูเปอร์คาร์สายพันธุ์ไฟต์เตอร์ของ Aston เอง ผลลัพธ์คือ 717 แรงม้า กับแรงบิด 900
FERRARI 296 SPECIALE / SPECIALE A กับเครื่องยนต์ V6 ที่จะทำให้คุณลืม V12 ไปเลย นี่คือรถ 2 เวอร์ชันที่แตกต่างกันทั้งฟีลและฟังก์ชัน — Speciale คือคูเป้หลังคาแข็งสายเฉียบ ส่วน Speciale A (Aperta) คือเวอร์ชันเปิดประทุนหลังคาแข็งพับได้ สำหรับคนที่อยากเปิดรับเสียง V6 hybrid ให้พุ่งเข้าสองรูหูแบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น ใต้ฝากระโปรงคือขุมพลังเดียวกัน — Hybrid V6 เทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตร ที่อัปเกรดทุกระบบด้วยเทคโนโลยีจากไฮเปอร์คาร์ F80 ตั้งแต่ก้านสูบไทเทเนียม ลูกสูบอะลูมิเนียม ไปจนถึงระบบระบายความร้อนใหม่ที่ทำให้พลังไฟฟ้าเค้นได้ลื่นและแรงกว่าเดิม รวมกันแล้วได้ 868 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังผ่านเกียร์ dual-clutch 8 สปีด ที่จูนใหม่ให้ดุดันขึ้นทุกจังหวะ อัตราเร่งยังคงคมเฉียบตามแบบฉบับ Maranello — 0–100 km/h ภายใน 2.8 วินาที
ในหมู่รถแข่งที่เคยแบกรหัส CSL (Coupe Sport Leichtbau) ของ BMW ไม่มีคันไหน “เกินหน้าเกินตา” รุ่นปี 1975 ที่พุ่งสู่สนามแข่ง IMSA North America ได้อีกแล้ว นี่คือ BMW 3.5 CSL GTO Batmobile สายพันธุ์โหดสุด ที่ไม่ใช่แค่ทำให้โลกรู้จัก BMW Motorsport แต่ยังสร้างตำนานให้ BMW บนแผ่นดินอเมริกาอย่างแท้จริง The Road from ETCC to IMSA แรกเริ่มเดิมที BMW 3.0 CSL ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อชิงแชมป์ European Touring Car Championship (ETCC) ในยุโรปมันครองบัลลังก์ไปแล้วตั้งแต่ปี 1973 แต่ฝั่งอเมริกา BMW ยังเป็น “ผู้มาใหม่” ที่แทบไม่มีใครรู้จัก Bob Lutz และ
นี่ไม่ใช่ Porsche 911 ธรรมดา แต่มันคือรถที่เกิดจากความฝันของชายคนหนึ่งที่อยากให้ 911 วิ่ง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Jan Fatthauer ชายชาวเยอรมันผู้คลั่งความเร็ว ก่อตั้งสำนักแต่งชื่อ 9ff ขึ้นในเมือง Dortmund ด้วยเป้าหมายที่จะ “สร้าง 911 ที่เร็วที่สุดในโลก” โดยใช้ Porsche 911 Turbo (996) มาโมดิฟายท้าทายขอบเขตของ “street-legal car” ที่ต้องทำความเร็วได้เกิน 400 km/h เครื่องยนต์ 3.8L Twin-Turbo Flat-Six 840 แรงม้า แรงบิด 870 Nm RWD ภายนอกชุดแต่งเสริม Aerodynamics ประกอบด้วย Carbon hood, carbon roof, rear wing แบบ Le Mans กับน้ำหนักตัวราว 1,400