ด้วยราคาของ Nissan Skyline GT-R ที่มีแต่แข็งและแพงขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะรถเดิม ๆ สภาพแห้ง ๆ กับมูลค่าระดับ Supercar ก็คงไม่มีใครอยากจะแงะแกะมันออกมา แต่ทุกอย่างย่อมต้องมีขั้นกว่าสำหรับคนที่มองหาความพิเศษกว่าใคร หนึ่งในนั้นคือสำนักแต่งในญี่ปุ่นที่ชื่อ Built By Legends (BBL) Built By Legends คือเจ้าแรกที่มีโปรแกรมการสร้าง Nissan Skyline GT-R ขึ้นใหม่แบบ restomod ทุกอย่างคือของแท้ตั้งแต่แหวนยันน็อต พร้อมเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ขาดหายไปในรถยนต์ยุค ’90s กระบวนการ restomod เริ่มตั้งแต่การตามหา chassis ของ Skyline GT-R แท้สภาพสวย เพื่อนำมาสร้างใหม่ทั้งหมดด้วย Mine’s-spec car ชุดแต่งทั้งภาพนอกและภายในจาก Mine’s เครื่องยนต์ RB26DETT ถูกนำมาจูนเพิ่มความจุเป็น 2.8 ลิตร มีแรงม้าให้เลือกสามระดับคือ 500, 550
หากพูดถึงโลกของแรลลี่ ไม่มีใครจะสร้างชื่อที่น่าตื่นเต้นได้เท่า Subaru Impreza และที่สุดของความหายากต้องยกให้ Impreza 22B รถตำนานที่มีเพียง 424 คันในโลก ล่าสุดสำนัก Prodrive ได้ประกาศจะสร้าง Prodrive P25 รหัสพิเศษที่ใช้บอดี้ Subaru Impreza 2-door มาปั้นเป็น 22B แบบครบทุกจุด ในราคาคันละ 20 ล้านบาท ตัวรถถูกเสริมความแกร่งด้วยวัสดุ carbon composite ทั้งภายนอกและภายใน ตั้งแต่ WRC rear wing ไปจนถึงคอนโซลและประตู พร้อมเบาะ lightweight ลดน้ำหนักเพื่อให้ตัวรถเข้าใกล้ 22B มากยิ่งขึ้นด้วยน้ำหนักรวมไม่ถึง 1,200 กิโลกรัม ใต้ฝากระโปรงวางเครื่องยนต์ 2.5-liter boxer ผ่านการปรับแต่งระบบดูดอากาศ เพิ่มขนาด turbocharger จนได้แรงม้าทะลุ 400 ตัวสบาย ๆ ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6-speed sequential เปลี่ยนเกียร์ได้ด้วย
มีเสน่ห์น่ามองไปทุกส่วน เพิ่งจะคว้ารางวัล 2022 Car Design Award สาขา Concept Cars จาก Milano Design Week มาหมาด ๆ นี่คือ Toyota Compact Cruiser EV Concept รถยนต์ off-roader ขุมพลังไฟฟ้ารูปทรงกล่องพร้อมเส้นสายบึกบึนที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก FJ Land Cruiser เพื่อตอบโจทย์นักเดินทางผู้ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ outdoor ดีไซน์ภายนอกดูสดใหม่ทันสมัยด้วยเส้นไฟ LED ด้านหน้าและหลัง สะดุดตาด้วยชุดแต่งกันชนหน้าที่ลากยาวต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกับซุ้มล้อทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ ด้านท้ายมีบันไดสำหรับปีนหยิบของบนหลังคาพร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้เสา C-pillar ไปในตัว Toyota ไม่ได้เผยข้อมูลเทคนิคของ Compact Cruiser EV Concept คันนี้ออกมามากนัก แต่เรามั่นใจว่าจะมาพร้อมระบบพลังงานไฟฟ้าล้วน ขับเคลื่อนแบบ all-wheel drive คาดว่าไม่นานเกินรอ จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Toyota แน่นอน เพราะเป็นปีที่ค่ายเน้นปล่อยรถ EV มาแย่งส่วนแบ่งจากตลาดรถไฟฟ้าที่คึกคักในตลาดใหญ่ ๆ
เพิ่มความสปอร์ตให้รถหรู ด้วยรุ่นอัพเกรดใหม่กับรหัส “S” ใหม่ล่าสุด หลังจากก่อนหน้านี้ Bentley เพิ่งจะเปิดตัว Continental GT และ GTC พร้อม S badge ไปแล้ว วันนี้มาถึง Flying Spur S Sedan กับการเพิ่มของแต่งโทนดำ Blacked-out Bentley Flying Spur S ตกแต่งภายนอกด้วยโทนดำมาแทนที่วัสดุเงินสะท้อนแสงทั้งหมด กระจังหน้าและช่องดักอากาศดำ โคมไฟหน้าหลังรมดำ dark-tinted พร้อมล้อลายโหดสีดำ gloss black ขนาด 22 นิ้ว กับ calipers brake สีแดงดุดัน ปลายท่อไอเสีย quad exhaust tips สีดำ ช่วยให้ Flying Spur S ดูเตี้ยและใหญ่กว่าปกติ ขุมพลังของ Bentley Flying Spur S
ลงทุนอะไรไม่ดอย วันนี้ต้องยกให้ Classic Car ที่สุดของทรัพย์สินที่มูลค่ามีแต่ทวีคูณ หากคุณรู้ว่ารุ่นไหนน่าเล่นน่าลงทุน วันนี้เราขอแนะนำ Top Classic Car ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกจากการประมูลอย่างเป็นทางการ จากเดิมที่อันดับ 1 เคยตกเป็นของ Ferrari 250 GTO มาอย่างยาวนาน ปีนี้ก็ถูกยึดตำแห่งโดย Mercedes-Benz 300 SLR กับราคาที่แพงกว่าถึง 3 เท่าตัว 1. 1955 Mercedes-Benz 300 SLR “Uhlenhaut Coupe”: 5,000 ล้านบาท รถที่เปรียบเสมือนสมบัติแห่งชาติของ Mercedes-Benz วงการ Racing car ช่วงปี 1950s มีเพียง 2 คันในโลก ผลงานของ Rudolf Uhlenhaut หัวหน้าแผนก Test department ได้นำเอา 300 SLR W196
น่าจะเป็น Jaguar E-Types ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในปัจจุบันแล้ว เพราะนี่คือ 1965 Series 1 Roadster ที่ถูกนำมาชุบชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้งนึงชนิดใหม่ยันหัวน็อตโดย Jaguar Classic นำออกมาขับโชว์ในขบวนฉลอง Queen of England’s Platinum Jubilee ที่ผ่านมา เป็น 1 ใน 26 คันของ Jaguar Land Rover ที่เตะตาเรามากที่สุด Jaguar Classic ใช้เวลาถึง 12 เดือนเต็มในการสร้าง Series 1 E-Type คันนี้ขึ้นมาใหม่แบบ one-off สำหรับลูกค้าคนพิเศษที่สั่งระบุว่าต้องการรถที่สร้างขึ้นตรงกับปีเกิดของเจ้าตัวด้วย ซึ่งเป็นการแสดงฝีมือการ restore รถเพื่อให้โลกได้เห็นในวันงานที่สำคัญที่สุดของคนอังกฤษ ภายนอกโดดเด่นแปลกตาด้วยตัวถังสี deep metallic blue และภายในสีแดง ได้แรงบันดาลใจมาจากสีบนธงชาติอังกฤษ ซึ่งกระบวนการหุ้มหนังทุกขั้นตอนใช้วิธีแบบดั้งเดิม เย็บและประกอบด้วยมือทั้งหมด มีการเพิ่มเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ เข้าไปภายใต้รูปแบบดีไซน์ที่ยังคงความคลาสสิค ไม่ว่าจะเป็นจอ Infotainment
ย้อนไปในปี 2018 เมื่อ FIA เปิดโอกาสให้ค่ายรถสามารถส่ง Hypercar ของตัวเองลงแข่งในรายการ World Endurance Championship ได้ ทำให้หลายค่ายหันมาสนใจพัฒนารถที่เรียกว่า Le Mans Hypercar Category กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Aston Martin Valkyrie หรือ McLaren Senna ล่าสุดเป็นการเผยโฉม Hypercar ตัวแข่งสุดเซอร์ไพรส์จาก BMW กับรถแข่งที่ได้ชื่อรหัสอย่างเป็นทางการว่า “BMW M Hybrid V8 Hypercar” ซึ่งน่าลุ้นเหลือเกินว่าเราจะได้เห็น street-legal version ของรถแข่งคันนี้ในรูปแบบ street-legal ตามออกมาเพื่อรับมือกับ Mercedes-AMG One หรือไม่ ผลงานที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกสุดดุดันครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งการฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปี ของ BMW M Division หลังจากที่มีการเปิดตัว M3 และ M4 CSL
ไอเดียที่เกิดจากความเมาของผู้บริหารเมื่อเกือบหกปีที่แล้ว กลายเป็นโจทย์สุดท้าทายที่สร้างออกมาได้จริงในที่สุด นี่คือ 2023 Mercedes-AMG One รถ street-legal Hypercar สำหรับใช้งานบนท้องถนน ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีทุกอย่างมาจากรถแข่ง Fomula 1 ไม่ใช่แค่การดัดแปลง แต่เป็นการยกทั้งชุดขุมพลัง hybrid 1.6-liter turbocharged V6 พ่วงระบบไฟฟ้า ที่ใช้ในรถแข่ง Mercedes-AMG Petronas Formula 1 E มาใส่ไว้ในเพื่อใช้สร้าง hypercar ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง และต้องผ่านข้อกำหนดต่าง ๆ เพื่อให้เป็นรถที่สามารถขับบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย หัวใจหลักของ Mercedes-AMG One คือระบบขับเคลื่อนแบบ hybrid ที่มีขุมพลังรวมมากถึง 1,049 แรงม้า เครื่องยนต์ internal combustion ความจุ 1.6-liter V6 double overhead camshafts, air sprint valves, direct injection ที่มีรอบจัดถึง
รถยนต์เปิดประทุน 4 ที่นั่ง จากมินิถือเป็นรถเปิดประทุนระดับพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครในเซกเมนต์รถยนต์ขนาดเล็ก มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition สะดุดตาด้วยรูปลักษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดดเด่นเหนือใครทั้งตัวถังภายนอก ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา การออกแบบภายในและชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ความเป็นมินิแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมให้อารมณ์ขับสนุกในสไตล์เปิดประทุนที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของมินิ สมรรถนะทรงพลังที่พร้อมเผชิญทุกเส้นทางท่ามกลางสายลมและแสงแดด ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า เสริมด้วยเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ที่ทำให้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.1 วินาที ให้อารมณ์ขับสนุกเหมือนโลดแล่นอยู่ในสนามแข่ง ภายนอกของมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Resolute Edition ตกแต่งด้วยลวดลายบนฝากระโปรงหน้าและที่กาบบันได ซึ่งมาในเส้นสายที่มีการไล่เฉดสีทองอ่อนไปจนถึงทองเข้มได้อย่างสวยงาม พร้อมสลักชื่อรุ่น “RESOLUTE” ไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เข้ากันได้ดีกับตัวถังภายนอกสีเขียว Rebel Green
มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน Untold Edition เป็นรถยนต์พรีเมียมคอมแพ็คที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยแนวหลังคาที่ทอดยาวสะท้อนถึงความสะดวกสบายในห้องโดยสาร ภายนอกโดดเด่นและสะกดทุกสายตาบนท้องถนนกับชุดแต่งแอโรไดนามิกส์ในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ สะท้อนภาพลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยวและปราดเปรียว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบพละกำลังที่ 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ใน 7.2 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 228 กม./ชม. ภายนอกมาในสีเขียว Sage Green metallic พร้อมดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตกแต่งด้วยลวดลาย Untold Edition ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้ารถจรดหลังคา ซุ้มล้อและสเกิร์ตด้านล่างรอบคันมาในสีเขียวเข้มเสริมความโดดเด่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลาย Untold Spoke ในสีดำ Jet Black ตัดกับสี Refined Brass โดยสี Refined Brass