ระหว่างที่พวกเรากำลังเฝ้ารอ Porsche 911 Safari ที่กำลังซุ่มทำการทดสอบอยู่ โดยข่าวล่าสุดบอกว่า off-road version ใหม่นี้อาจจะใช้ชื่อว่า 911 Dakar แต่ยังไม่รู้ว่าจะออกมาเปิดตัวให้แฟนคลับได้ยลโฉมเมื่อไหร่ ระหว่างนี้หากใครรอไม่ไหว เรามีอีกรุ่นในตำนานมาแนะนำ เป็นตัวโหดพร้อมลุยที่สร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ มันคือ 1991 PORSCHE 911 (964) BAJA PROTOTYPE #1 ซึ่งตอนนี้กำลังประมูลแข่งกันอย่างเมามันส์ที่เกือบ 10 ล้านบาทไปแล้ว 1991 PORSCHE 911 (964) BAJA PROTOTYPE #1 คือผลงานหนึ่งเดียวที่สร้างขึ้นโดย Russell Built Fabrication สำนักผู้เชี่ยวชาญการดัดแปลง Porsche off-road ซึ่งคันนี้เป็น Prototype ที่ได้ชื่อว่าเป็น “the most capable purpose-built luxury off-road 911 possible” สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ 964 Carrera 4
เชื่อว่าในตอนนี้หากจะให้พูดถึงเรือนเวลาขั้นสุดของ Seiko หลายคนคงยกให้ GS หรือ Grand Seiko ยืนหนึ่งในมวลหมู่ Seiko ทั้งหลาย แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ Seiko คงรู้กันดีว่าในอดีตยังมีอีกหนึ่งรุ่นตำนานอย่าง King Seiko ที่ตีคู่ขับเคี่ยวโชว์ศักยภาพความเป็นเรือนเวลาชั้นยอดมาโดยตลอด เรื่องของเรื่องต้องย้อนไปในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งถือเป็นทองยุคแห่งความก้าวหน้าของ Seiko ทั้งในด้านการพัฒนาเชิงเทคนิคกลไกและความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ จนได้มีการพัฒนา Grand Seiko รุ่นแรกออกมาในปี 1960 ก่อนที่จะส่ง King Seiko ตามมาในปี 1961 ซึ่งเรือนเวลาทั้ง 2 รุ่น ที่มาจาก 2 แหล่งผลิต (Grand Seiko ผลิตที่ Suwa Seikosha / King Seiko ผลิตที่ Daini Seikosha) ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการเป็นสุดยอดเรือนเวลาของ Seiko แม้ตอนนี้จะเหลือเพียง GS ที่ครองตำแหน่งแบรนด์เรือนเวลาเรือธงจาก Seiko แต่เสน่ห์ความเป็นนาฬิกาจักรกลที่ได้รับการออกแบบและขัดแต่งอย่างสวยงามประณีต
ทำยอดขายสถิติสูงสุดกันทุกปี สำหรับ Porsche ที่ทุกโมเดลใหม่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากบรรดานักขับทั่วโลก โดยเฉพาะ Cayenne, Macan และ Taycan ที่ขายดีแซงหน้ารถสปอร์ตต้นตำรับอย่าง 911 ไปไกลหลายเท่าตัว ล่าสุด Porsche ยังมีทีเด็ดสำหรับ 911 เก็บไว้ในกระเป๋าอีกหนึ่งรุ่น นั่นคือ Porsche 911 Safari ตัวแรงยกสูงแบบ all-road ที่วันนี้ไม่ใช่ความลับระดับ top secret อะไร เพราะมีการพบเห็น Porsche ขับเทสอยู่ในสนาม Nurburgring มาตั้งแต่ปีก่อน แต่ก็ยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที อย่างไรก็ตาม ภาพล่าสุดอาจจะทำให้เราได้เห็น 911 Safari ในมุมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยชุดพรางตัวที่ปกปิดเพียงบางจุดสำคัญ บอดี้ของ 992-generation ซึ่งน่าจะเป็น production-ready เต็มที ฝากระโปรงหน้ามีช่องดักอากาศแบบ GT3 กันชนหน้าหลังที่คาดว่าจะเป็นดีไซน์ใหม่ถูกปกปิดไว้พอให้เห็นรายละเอียดสำคัญ โป่งล้อมีส่วนขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นปกติ พร้อม rear wing ทรงคลาสสิคจาก 911 Safari ต้นตำรับในอดีต
Ford Bronco เป็นรถยนต์ SUV พันธุ์แกร่งที่พร้อมปะทะทุกค่ายด้วยดีไซน์และตำนานที่หลายคนต่างหลงรัก และนี่คือเวอร์ชันร้อนแรง “Ford Bronco Raptor” ผลงานการปรับแต่งให้ดุดันสะใจจาก Ford Performance ด้วยความแรงระดับ 400 แรงม้าจากขุมพลัง twin-turbo 3-liter EcoBoost Ford Bronco Raptor ใช้ช่วงล่าง high-performance Raptor HOSS 4.0 race-ready suspension เพิ่มความสูงให้มี ground clearance เพิ่มเป็น 13.1 นิ้ว สูงกว่าเดิมถึง 4.8 นิ้ว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งตัวถัง อัพเกรด intercooler และระบบไอดีไอเสียเพื่อรองรับความร้อนแรงจากสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น มี Drive mode ให้เลือกใช้งานได้มากถึง 7 รูปแบบ ล้อถูกเปลี่ยนมาใส่ Ford Performance แบบ Beadlock ขนาด 17 นิ้ว
ถ้า Toyota มีคำว่า GR แปะอยู่ ก็รู้ได้เลยว่ามันต้องแรงและพิเศษเสมอ แต่นี่คือรุ่นที่พิเศษยิ่งกว่าสำหรับโมเดลล่าสุดที่เปิดตัวไปในงาน Tokyo Auto Salon นี่คือ Toyota Yaris GRMN ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน และไม่ใช่แค่มีเงินแล้วจะซื้อได้ เพราะ Toyota จะใช้วิธีการสุ่มหาผู้โชคดีที่จะได้ครอบครองมัน Toyota Yaris GRMN ผ่านการปรับแต่งจากการรวบรวมความต้องการของนักขับมืออาชีพหลายคน ก่อนจะนำไปพัฒนาโดยเริ่มจากการลดน้ำหนักตัวลงอีก 20 กิโลกรัม จากการถอดเบาะนั่งแถวหลังออก ใช้ lightweight carbon มาแทนที่ฝากระโปรงหน้า หลังคา และสปอย์เลอร์หลัง เพิ่มความแกร่งให้ตัวถังด้วยการเพิ่มจุดเชื่อม chassis มากขึ้นอีก 545 จุดเมื่อเทียบกับ Yaris รุ่นธรรมดา ลดความสูงตัวรถลงพร้อมเพิ่มความกว้าง เพื่อให้มันสามารถแหวกอากาศด้วย aerodynamics ที่ดีมากยิ่งขึ้น รถทุกคันจะมาพร้อม Limited-slip Differential สำหรับรถแข่งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถเลือกปรับระดับความเต็ดได้เอง เกียร์อัตราทดสั้นแบบ 6-speed
เป็นยุคสมัยที่วงการยานยนต์ขับเคี่ยวแข่งขันกันอย่างหนักด้วยเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้ได้ติดตามกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสัญญาณอันดีในการหลีกหนีจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงแบบไม่เกรงใจเงินในบัญชีเลยซักนิด โดยล่าสุดบริษัทรถยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมนีอย่าง Mercedez-Benz ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับ “VISION EQXX” ที่มาพร้อมระยะทางวิ่งได้มากถึง 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เรียกว่า Tesla ยังไม่กล้าสบตา กับปรัชญา “Sensual Purity” และยังคงดีไซน์ที่คงความสปอร์ต, หรูหรา และโฉบเฉี่ยว กับทุกสายตาที่เฝ้ามอง ประหยัดพลังงานแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน VISION EQXX โดดเด่นด้วยระยะทางในการวิ่งที่ไกลมากถึงเกือบ 1,000 กิโลเมตร (ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง) มีค่าแรงเสียดทานที่ต่ำได้ใจเพียง 0.17 เท่านั้น (น้อยกว่ารุ่น EQS อยู่ที่ 0.03) ตอบสนองผู้ที่รักการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี และอีกหนึ่งจุดที่ทาง Mercedes-Benz ชูโรงอย่างภาคภูมิใจคือการใช้ไฟเพียง 10 กิโลวัตต์ต่อ 100 กิโลเมตร, ใช้แรงดันไฟฟ้าขนาด 900 โวลต์, ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ส่งกำลังไดัสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือประมาณ 204
เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าออกมาแบบรัว ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับ BMW ที่พัฒนาโมเดลใหม่ ๆ ในกลุ่ม high-performance ออกมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็น BMW i4 M50 หรือ XM และล่าสุดก็ได้เผยข้อมูลของรถที่หลายคนเฝ้ารอ BMW iX เวอร์ชั่นแรงสะใจกับรหัส M60 ที่แรงเทียบเท่าขุมพลัง twin-turbo V8 เป็น Electric SUV ที่แรงเกือบเท่า M5 Competition BMW iX M60 มาพร้อมสมรรถนะที่น่าประทับใจ แหล่งพลังงานจาก dual electric motors ใน Sport Mode จะมีความแรงมากถึงระดับ 610 แรงม้า แรงบิด 1,100 นิวตันเมตร มีม้าน้อยกว่า M5 Competition เพียงแค่ 7 ตัว แต่หากอยู่ในโหมดอื่นจะเหลือแรงม้าให้ใช้ 532
ปกติแล้วถ้าเห็นชื่อ Manhart เรามักโฟกัสไปที่สมรรถนะหลังผ่านการอัพเกรดเป็นสิ่งแรก แต่สำหรับ Manhart RQ 800 คันนี้ ต้องบอกว่านอกจากจะมีบอกใบ้แรงม้าเอาไว้แล้ว ยังมาในดีไซน์ที่ขรึมและโหดสุด ๆ แม้จะแรงไม่เท่าผลงานในอดีต ‘Manhart RQ 900’ แต่ด้านความหล่อ ต้องยกให้ RQ 800 คันใหม่ไปครอบครอง ในโลกของรถยนต์ SUV ชื่อของ Audi RS Q8 นั้นไม่ทำให้ใครผิดหวัง ด้วยขุมพลัง 4.0-liter twin-turbo V8 ให้สมรรถนะเดิม ๆ จากโรงงานมากถึง 591 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร แม้จะน้อยกว่า Lamborghini Urus ก็เคยไปสร้างสถิติ Production SUV ที่เร็วที่สุดใน Nurburgring มาแล้ว แต่สำหรับ Manhart RQ 800 สามารถปรับจูนจนได้แรงม้ามากถึง 807 ตัว
พูดถึงชื่อ Lexus ภาพที่เรานึกถึงคือความหรูหรา นุ่มนวลสะดวกสบาย คงไม่มีใครคาดคิดที่จะได้เห็นค่ายรถสุดหรูจากญี่ปุ่นจะออกมาดีไซน์ยานพาหนะสไตล์ Buggy สำหรับลุยป่าลุยเขาที่ดูดิบโหดพร้อมลุย เรียกว่า Lexus ROV (Recreational off-highway vehicle) นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา จุดเด็ดที่สำคัญที่สุดของรถคันนี้ต้องยกให้เทคโนโลยีเครื่องยนต์เผาไหม้ที่ใช้ไฮโดนเจนเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมัน ทำให้มันปล่อยไอเสียในระดับ “near-zero emissions” ซึ่งเป็นครั้งแรกของ Lexus ต่างจากใน LF-FC concept ที่ใช้เทคโนโลยี fuel cell electric vehicle (FCEV) เพราะใน Lexus ROV จะใช้การฉีดไฮโดนเจนเข้าไปจุดระเบิดในเครื่องยนต์ 1 ลิตรแทนที่น้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง โดยมีถังแรงดันสูงสำหรับบรรจุไฮโดนเจนอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นหลักการทำงานของรถยนต์ปกติ ที่เปลี่ยนเชื้อเพลิงและลดมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเหตุผลในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้มีข้อดีคืออารมณ์การขับขี่ที่ได้ฟิลลิ่งการขับขี่ การตอบสนอง และเสียงเครื่องยนต์เหมือนรถยนต์ปกติที่ทุกคนคุ้นเคย ต่างจากการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่ทุกประสาทสัมผัสจะถูกทิ้งหายไปหมด “the exciting sound of an ICE and the responsive rise in torque
ด้วยกระแสความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศจีนที่มีสูงมาก แม้ Tesla จะยอมลงทุนตั้งโรงงานผลิตในประเทศจีน ก็ยังไม่สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เต็มความต้องการที่มีมหาศาล จึงเป็นช่องว่างที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีนต่างสนใจในการพัฒนาค้นคว้า Electric Car ของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่กับทาง Huawei โดยผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า “Aito M5” ไม่ใช่รถยนต์จากค่ายเก่าแก่ของจีน แต่เป็นผลงานระดับ masterpiece ของเจ้าพ่อ Tech giant อย่าง Huawei หากใครติดตามข่าวคราวอย่างใกล้ชิด จะทราบว่า Huawei นั้นแซง Apple ในด้านการพัฒนา Electric Car ไปแล้ว โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Huawei ได้เปิดตัวรถยนต์คันแรก “SF5” ที่พัฒนาร่วมกับ Cyrus ล่าสุดเป็นผลงานคันที่สองของ Huawei “Aito M5” มันไม่ใช่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% แต่ยังมีแหล่งพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย (PHEV) ซึ่งข้อดีที่ Huawei บอกก็คือมันจะให้สมรรถนะที่สูงกว่าจากการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้าและพลังงานเผาไหม้ รวมถึงสามารถขับใช้งานได้ระยะทางมากกว่า Tesla Model Y เพราะแม้แบตเตอรี่จะหมด ก็ยังสามารถขับต่อได้ด้วยพลังงานเชื้อเพลัง โดยหวังว่าจะจับกลุ่มลูกค้าจีนส่วนใหญ่ที่ต้องการความคุ้มค่าสูงสุดเมื่อเทียบบรรทัดต่อบรรทัด