ภาพยนตร์ที่ทั้งสมชายชาตรี ดูกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ต้องยกให้ภาพยนตร์แนวสงครามบู๊แหลกลาญเลือดสาดจากเหล่าทหาร โดยเฉพาะเรื่องที่สร้างแบบ Based on true story ยิ่งทำให้ความมันส์เพิ่มเป็นทวีคูณ ได้ทั้งความบันเทิงและความรู้ บางเรื่องดูไปต้องเปิด Wikipedia ควบคู่ตามไปด้วยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม และสำหรับคนที่ไม่ได้มีแพลนจะไปออกไปเที่ยวที่ไหน อยากจะอยู่บ้านติดหน้าจอเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ เราได้ระดมรายชื่อหนังสงครามที่จะดูดให้ตูดคุณติดโซฟาได้ยาวนานถึงวันทำงานมาฝาก ที่คุณต้องทำก็แค่เตรียมเบียร์เย็น ๆ ไว้ในมือขวา พร้อม remote กดสั่งเช่าหนังดูทางออนไลน์ผ่าน Online Streaming ที่มีให้เลือกมากมายก็พอ 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi ภาพยนตร์เรื่องราวของทหารรักษาความปลอดภัยจากหน่วยงาน Global Response Staff (GRS) ที่ต้องเอาตัวรอดจากใจกลางฐานทัพผู้ก่อการร้าย พร้อมป้องกันชีวิตเจ้าหน้าที่ CIA, พนักงาน และประชาชนภายในที่มั่นสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาในเบนกาซี ประเทศลิเบีย ซึ่งการบุกโจมตีหลายระลอกโดยผู้นำ Ansar al-Sharia นั้นบอกเลยว่าหนักหน่วง จึงเป็นหน้าที่ของ Jack Silva และเพื่อนทหาร ในการยันข้าศึกเพื่อรอความช่วยเหลือให้ได้อย่างน้อย 13 ชั่วโมง ภาพยนตร์สร้างจากการดัดแปลงเนื้อหาในหนังสือ 13
พบเห็นชื่อ Novitec ในหมู่ Supercars เมื่อไหร่ ก็ไว้ใจได้เลยว่านอกจากรถจะแรงขึ้น ยังได้ความโหดจากชุดแต่งรอบคันที่แตกต่างกว่าใครมาด้วยเสมอ เช่นเดียวกับ McLaren 765LT ที่สุดของ Exotic Sports Car จาก McLaren สมรรถนะที่บ้าคลั่งเป็นทุนเดิมระดับ 755 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์ 4.0 ลิตร twin-turbocharged V8 ทำเวลา 0-100km/h ใน 2.8 วินาที ด้วยความเชี่ยวชาญของ Novitec จึงจัด ‘Stage 2’ ด้วยอาวุธลับประจำค่าย ‘N-Tronic’ ECU เสริมประสิทธิภาพการจุดระเบิด การฉีดน้ำมัน และเพิ่มแรง boost turbo ให้จัดจ้านมากขึ้น ช่วยให้รอบจัดกระฉากหลังให้ติดเบาะได้ง่ายดายสบายเท้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรด Hardware ของรถตั้งแต่ชุดแต่งสุดโหดเพื่อ aerodynamic ที่เพิ่มขึ้น ปรับเปลี่ยนชุดไอเสียเป็น high-performance exhaust system
หลังจากเฝ้ารอมานานแสนนาน พี่ใหญ่ที่แรงที่สุดและเบาที่สุดในตระกูล M และ M Competition ก็ได้เผยโฉมออกมาแล้ว สำหรับ Supercar Killer รถซีดานที่แรงที่สุดในโลก 2022 BMW M5 CS กับสเปกที่โคตรโหด 636 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร ข้ามหลัก 100 km ภายใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 300 km/h M5 CS ถือเป็นรหัสที่ hardcore ที่สุดและเป็น production car ที่มีพละกำลังมากที่สุดของ BMW ใช้เครื่องยนต์ twin-turbo 4.4-liter V8 มีแรงม้ามากกว่า M5 Competition 10 ตัว และมีช่วงแรงบิดมากกว่าถึง 90 rpm เกียร์ 8-speed M automatic
Mercedes-AMG A 45 S เดิมทีเป็นรถเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ที่สร้างสมรรถนะได้แรงที่สุดในโลกถึง 421 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ทำเวลา 0-100 km/h ใน 4 วินาที แต่สำหรับ Brabus ยังมองว่า 4 วินาทีอยู่ห่างจากโลกของ Supercar ที่ควรจะทำได้โลกแห่งเลข 3 วินาที จึงจับมาจูนเบา ๆ อัพเกรดเป็น Brabus 450 B45 ซึ่งถือเป็น entry level รุ่นเล็กสุดของค่ายที่ปกติจะเป็นรุ่นใหญ่อย่าง Brabus 600, 800 และ 900 ซึ่งเรียกว่าอยู่ในหมวด Supercar ได้เต็มปากเต็มคำ Brabus 450 B45 บน Mercedes-AMG A
ดูเหมือนเราจะเข้าใกล้โลกแห่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เข้าไปอีกก้าว ด้วยการเปิดตัวรหัส EQ-generation โมเดลที่ 2 ของ Mercedes-Benz EQA รถยนต์ SUV crossover พลังงานไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนล้อหน้าที่พัฒนาบนตัวถัง GLA หลังก่อนหน้านี้ Mercedes-Benz เปิดตัว EQC ที่พัฒนาบนตัวถัง GLC ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีจากทั่วโลกทั้งในด้านความสวยงามและเทคโนโลยีสุดล้ำ คราวนี้มาถึง entry-level EQA ที่สามารถจำแนกมันออกจากโมเดลเครื่องยนต์เผาไหม้ได้ชัดเจนด้วยไฟหน้า ไฟท้าย และกระจังหน้าดำทึบที่ไม่ต้องมีช่องระบายอากาศตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมล้อสี Rose Gold ขนาด 20 นิ้วที่แปลกตากว่า Mercedes-Benz ทุกรุ่น Mercedes-Benz EQA จะเปิดตัวด้วยรหัส EQA 250 เพียงทางเลือกเดียวก่อน ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Single electric motor ขับเคลื่อนล้อคู่หน้าด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้าขนาด 66.5-kWh ให้กำลัง 187 แรงม้า แรงบิด 375
พึ่งจะเข้าสู่ปี 2021 ได้ไม่กี่วัน โลกก็ได้พบกับ Hypercar คันแรกของปีนี้เป็นที่เรียบร้อย หลังแง้มให้เห็นภาพพรางตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้ถึงเวลางามยามดี เผยโฉมให้เห็นกันเต็ม ๆ คันได้สักทีกับ Toyota Gazoo Racing GR010 Hybrid Hypercar ที่สร้างขึ้นมาเพื่อ 2 จุดประสงค์ หนึ่งคือการเข้าแข่งขันรายการ Le Mans และสองคือใช้เป็นต้นแบบเพื่อผลิต GR Supersport เวอร์ชั่นขายจริงที่คุณก็สามารถครอบครองได้ ถือเป็นการแสดงจุดยืนที่จะพัฒนารถยนต์ให้แรงขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดของ Toyota และทีม Gazoo Racing ผลงานระดับ Le Mans Hypercar class ที่เกิดขึ้นเพื่อลงแข่งรายการ 2021 FIA World Endurance Championship (WEC) เครื่องยนต์ 3.5-litre twin-turbo V6 ที่จูนได้แรงม้าสูงสุด 671 แรงม้า ส่งไปที่ล้อหลัง ตัวเลขที่ถูกล็อคด้วยกฎการแข่งขันของ FIA ที่ให้พละกำลังสูงสุด
หากจะให้พูดถึงบิ๊กสกู้ตเตอร์ยอดนิยมในเมืองไทย ชื่อแรกที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น FORZA จากจักรยานยนต์ฮอนด้า นับตั้งแต่การเปิดตัว FORZA 300 เมื่อปี 2556 นับเวลารวมกว่า 8 ปี ที่ FORZA ได้เบิกฤกษ์เปิดตลาดสกู้ตเตอร์ขนาดใหญ่ด้วยกระแสตอบรับที่ดีเสมอมา จนมาถึงโมเดลล่าสุดอย่าง All-New FORZA 350 ก็ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง คว้าตำแหน่งยอดจองสูงสุดจากงาน Motor Show 2020 ที่ผ่านมา แต่ต้องบอกว่าความพิเศษนั้นยังไม่ได้หยุดแค่ความแรงจากเครื่องยนต์ใหม่, ดีไซน์ใหม่ หรือฟีเจอร์มากมายที่อัดแน่น แต่ทางจักรยานยนต์ฮอนด้ายังได้ส่ง Honda FORZA 350 Roadsync Edition รุ่นที่อัพเกรดความสามารถล้ำ ๆ ซึ่งตอบโจทย์สิงห์มอเตอร์ไซค์ยุค 5G ให้ขับขี่ปลอดภัยสะดวกสบายไม่พลาดทุกการสื่อสารอย่างแท้จริง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า Honda FORZA 350 Roadsync Edition นั้นได้พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานความสดใหม่ของ All-New FORZA 350 มาครบทุกคุณสมบัติหลักของ All-New FORZA 350 ซึ่งยกเครื่องใหม่จาก FORZA
เผลอแป๊ปเดียว เวลาก็ผ่านไป 25 ปีแล้ว จากวันที่ Porsche เผยโฉมรถ 2 ที่นั่ง เครื่องวางกลาง ตัวถังเปิดประทุน ใน 986 Boxster เป็นครั้งแรก และเป็นสูตรสำเร็จสำหรับรถตัวถัง Mid-engine, 2-seater มาโดยตลอด โดยมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดต่าง ๆ ตามยุคสมัย และเพื่อฉลองให้กับโอกาสพิเศษนี้ Porsche ได้นำ 718 Boxster มาตกแต่ง styling package “Boxster 25” Limited Edition ตัวถังของ Porsche 718 Boxster 25 มาในสี GT Silver Metallic เป็นสีแแนะนำ มีจุดเด่นที่การใช้สีพิเศษ Neodyme (นีโอไดเมียม) เป็นสีเงินมันวาวที่เมื่อกระทบแสงจะดูคล้ายสีทองแดง ตกแต่งบริเวณช่องดักอากาศกันชนหน้า ช่องดักอากาศด้านข้าง และบนล้อแม็กซ์ขนาด 20 นิ้วลายใหม่ ตัดกับหลังคาผ้าใบและเบาะหนังสีแดง Bordeaux
Arturo Magni คือคนสำคัญที่ช่วยสร้าง MV Agusta ให้โลดแล่นบนเส้นทาง Motorsport ด้วยความเป็นอัจฉริยะในด้านวิศวกรรมตั้งแต่เด็ก ความหลงใหลในอากาศยานของเขาถูกนำมาปรับใช้ในการออกแบบ 1966’s ‘Threes” MV Agusta 500 Three ที่ใช้ในการแข่งขัน Grand Prix (GP) Motorcycle Racing จนทำลายสถิติคว้าแชมป์ World Championship มาครองได้สำเร็จ ตลอดเวลาที่ Magni อยู่ในตำแหน่ง Direttore Sportivo (Director of the Racing Department) ช่วยให้ MV Agusta คว้าแชมป์ได้มากถึง 75 ครั้ง เป็นสถิติที่ยากจะหาใครมาทำลายได้ แต่ความท้าทายของ Magni ยังไม่จบลงแค่นั้น เขาตัดสินใจออกมาสร้างมอเตอร์ไซค์ของตัวเองบ้าง โดยใช้ชื่อสกุลของเขาว่า “Magni” ในปี 1977 Magni Motorcycle ยังคงใช้พื้นฐานจาก MV
ในวงการแต่งรถ ทั่วทั้งโลกต้องรู้จักและยอมรับฝีมือของ 3 จตุรเทพจากประเทศญี่ปุ่น หนึ่งคือ Nakai-san แห่งสำนัก RWB ผู้เชี่ยวชาญด้าน air-cooled Porsche สองคือ Kato-san แห่งสำนัก LB-Performance หรือ Liberty Walk เจ้าแห่งสไตล์ Wide body และสามคือ Kei Miura-san ผู้ออกแบบ Rocket Bunny หรือ Pandem หนึ่งในสินค้าภายใต้บริษัท T.R.A. Kyoto เจ้าแห่งการผสมผสานความ Classic ให้เข้ากับทุกดีไซน์ทันสมัยจากฝั่งญี่ปุ่นและตะวันตก ในสามจตุรเทพนี้ ดูเหมือน Kei Miura จะเป็นคนที่ติสท์ พูดน้อยที่สุด ออกสื่อน้อยที่สุด เรื่องราวส่วนตัวของเค้าเป็นสิ่งที่หาได้ยากแม้กระทั่งในโลกออนไลน์ปี 2021 ติสท์กระทั่งที่มาของโลโก้ Rocket Bunny ยังไม่ค่อยจะตรงกันซะทีเดียว บ้างก็ว่ามาจากแก้วกาแฟทรงกระต่างที่เขาใช้ดื่มบ่อย ๆ บ้างก็ว่ามาจากการทำมือสัญลักษณ์ Ok เริ่มต้นจากการแต่งรถ Honda