วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายนนี้ ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ระหว่างฝั่งสีฟ้า “Manchester City” และฝั่งสีแดง “Manchester United” กำลังจะเริ่มขึ้นเป็นนัดแรกของฤดูกาล ซึ่งต้องบอกเลยว่าคู่นี้เจอกันทีไรมันส์หยดทุกที เพราะมันคือเกมแห่งศักดิ์ศรีของเมืองแมนเชสเตอร์โดยแท้จริง เท่านั้นยังไม่พอด้วยสถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมตอนนี้อยู่ในช่วงฟอร์มดีทั้งคู่ โดยฝั่งเจ้าบ้านเรือใบสีฟ้าอยู่อันดับ 2 มี 17 คะแนน จากผลงานชนะ 5 เสมอ 2 และยังไม่แพ้ใคร ส่วนฝั่งทีมเยือนปีศาจแดงอยู่อันดับ 5 มี 12 คะแนน จากผลงานชนะ 4 แพ้ 2 และแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด มองจากภาพรวมฝั่งของ Manchester City ดูจะน่ากลัวกว่า โดยเฉพาะฝั่งเกมรุกที่มี Erling Haaland กองหน้าเลือดไวกิ้งยืนค้ำแดนหน้า ซึ่งเจ้าตัวยิงเฉพาะในลีกไปแล้วถึง 11 ประตู นำโด่งเป็นดาวซัลโวแบบเท่ ๆ แถมยังมี Kevin De Bruyne เพลย์เมเกอร์ตัวเก่งที่พร้อมจะแอสซิสต์เทพ
นาทีนี้คงไม่มีทีมไหนมีฟอร์มร้อนแรงไปกว่า เรือใบสีฟ้า Manchester City แชมป์เก่าแห่งศึก Premier League อังกฤษอีกแล้ว เพราะตั้งแต่ฤดูกาล 2018-2019 เปิดม่านมาพวกเขายังสะกดคำว่าปราชัยไม่เป็น (นับเฉพาะเกมลีค) นอกจากนั้นยังระเบิดสกอร์ไปกว่า 36 ประตู เสียเพียง 5 ประตูเท่านั้น และล่าสุด Manchester City ก็จัดการคู่อริร่วมเมืองอย่าง ปีศาจแดง Manchester United ไปด้วยสกอร์ 3-1 ส่วนในศึกถ้วยยุโรปอย่าง UEFA Champions League ถึงแม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ต่อ Olympique Lyonnais คาบ้าน แต่ต่อมาเรือใบสีฟ้าลำนี้ก็ทะลวงเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง Shakhtar Donetsk และ 1899 Hoffenheim แบบไม่ยั้งเท้า หลังผ่านการแข่งขันมา 12 นัด พวกเขาเก็บได้ 12 แต้ม เส้นทางสู่การทำลายสถิติเดิมของตัวเองเมื่อปีก่อนที่ 100 แต้มยังเปิดกว้าง ถ้าจะพูดว่านี่คือหนึ่งในสโมสรฟุตบอลชุดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ก็คงจะไม่เกินไปนัก แต่อะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนี้? แล้วจะมีทีมไหนสามารถหยุดเรือใบสีฟ้าลำนี้ได้หรือไม่? ขุมกำลังแกร่งทั่วแผ่น แน่นอนว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นำมาสู่ความสำเร็จระดับนี้คือคุณภาพนักเตะที่เก่งคับแก้ว ซึ่งถ้าลองไล่เรียงตั้งแต่ผู้รักษาประตูถึงศูนย์หน้าจะพบว่า Manchester City ทีมนี้แทบไม่มีจุดอ่อนเลย Ederson Moraes นายทวารทีมชาติบราซิลที่โดดเด่นเรื่องการเล่นบอลด้วยเท้า