แม้จะไม่เป็นที่พูดถึงมากเท่าโคโรนาไวรัสหรือโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ตอนนี้ แต่ผู้ชายหลายคนคงยังไม่ลืมว่าภาวะโลกร้อนนั้นเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่เราเผชิญอยู่เช่นกัน อากาศร้อนอบอ้าวในช่วง 10 ปีให้หลัง ไม่เพียงสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจ หากยังก่อให้เกิดน้ำท่วม หิมะตกช้ากว่าฤดูกาล รวมทั้งเหตุการณ์ที่น้ำแข็งขั้วโลกหลอมเหลวอย่างรวดเร็ว ในยุคที่ธรรมชาติและสภาพแวดล้อมรอบตัวเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด วงการสถาปัตยกรรมเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ต่างคิดหาสารพัดวิธีออกแบบเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งอีกเทรนด์สถาปัตยกรรมที่กำลังมาแรงในตอนนี้ คือการเลือกใช้วัสดุหรือกระบวนการก่อสร้างที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อน Generate สตูดิโอออกแบบได้เผยแผนการสร้าง ‘Model-C’ อพาร์ตเมนต์ปลอดคาร์บอน ในย่าน Lower Roxbury ของเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ถอดแบบการพัฒนาอาคารสไตล์ Passive House ของโลกอนาคตมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ สร้างอาคารที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) เพื่อทุเลาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์ต้องเผชิญ Passive House เป็นแนวคิดที่มีมาตั้งแต่ปี 1988 เน้นหนักเรื่องการสร้างสิ่งปลูกสร้างเพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษไปทำลายสิ่งแวดล้อม ทีมสถาปนิกของ Generate คาดว่าเมื่อสร้างอพาร์ตเมนต์จนเสร็จสมบูรณ์ ที่นี่จะกลายเป็น Passive House บนพื้นไม้ลามิเนตเต็มรูปแบบแห่งแรกและเป็นหนึ่งในอาคารที่ยั่งยืนที่สุดของสหรัฐฯ นอกจากการใช้ไม้ลามิเนตแปรรูป Cross-laminated Timber (CLT) แทนคอนกรีตหรือเหล็กจะช่วยสร้างเอกลักษณ์งานดีไซน์ให้กับอพาร์ตเมนต์แห่งนี้แล้ว ไม้ CLT ยังเป็นวัสดุที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าคอนกรีตและเหล็กอีกด้วย แม้ไม้ CLT
“สงครามอาจกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งเร็ว ๆ นี้” นี่คือประโยคที่คนส่วนใหญ่พูดถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศมหาอำนาจโลกอย่างสหรัฐอเมริกากับจีน บางคนอาจมองว่าประโยคนี้กล่าวเกินจริง แต่หากลองฉุกคิดดูก็จะรู้ว่าสงครามไม่จำเป็นต้องยิงนิวเคลียร์หรือส่งทหารออกไปสู้รบเสมอไป สำหรับใครที่ตามข่าวการเมืองของสหรัฐฯ จะต้องคุ้นเคยกับประโยค “Make American Great Again” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างแน่นอน เพราะเขามักจะพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าจะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและยังแข่งขันกันทุกด้านกับประเทศขั้วตรงข้ามอย่างจีนซึ่งมีผู้นำที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครอย่างสี จิ้นผิง การต่อสู้ที่ร้อนแรงของสองขั้วมหาอำนาจโลกทำให้ UNLOCKMEN นำเรื่องราวโดยย่อรวมถึงประวัติของ สี จิ้นผิง ชายผู้ต่อกรกับโดนัลด์ ทรัมป์อย่างสูสีมาร้อยเรียงให้ทุกคนติดตามกัน ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมผู้ชายอย่างเรา ๆ ต้องสนใจเรื่องราวการต่อสู้ของสองประเทศนี้ สี จิ้นผิง เป็นใคร ? สี จิ้นผิง เป็นลูกชายของ สี จงชุน ทหารผ่านศึกคอมมิวนิสต์จีน ที่มีบทบาทสำคัญทางการเมืองเพราะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีซึ่งใกล้ชิดกับ เหมา เจ๋อตง ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เกริ่นมาแบบนี้หลายคนอาจคิดว่าเด็กชายผู้เติบโตท่ามกลางผู้ทรงอิทธิพลและมีพ่ออยู่ในแวดวงการเมืองควรมีชีวิตที่โชคดีและได้เปรียบเด็กคนอื่น ๆ จนน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีในวันนี้ แต่ความจริงไม่ได้ราบรื่นอย่างนั้น เพราะชีวิตของเขาพลิกผันจากเหตุการณ์ที่พ่อของเขาโดนปลดตำแหน่งอย่างสายฟ้าแลบ เนื่องจากตัดสินใจอนุญาตให้สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งตีพิมพ์หนังสือวิจารณ์ เหมา เจ๋อตง ผลจากการตัดสินใจของสี จงชุน
ในเวลานี้คงไม่มีประเด็นไหนจะร้อนแรงและน่าสนใจสำหรับชาวโลกมากไปกว่า ‘การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐอเมริกา 2018’ เพราะถึงแม้จะเป็นเรื่องราวภายในประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาคือมหาอำนาจของโลก ทุกนโยบายที่ผ่านสภาคองเกรสออกมาย่อมส่งผลต่อคนทุกหย่อมหญ้าไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก ซึ่งตอนนี้ถึงแม้การนับคะแนนจะยังไม่สิ้นสุด แต่โฉมหน้าของผู้ชนะก็ปรากฏแล้ว อย่างไรก็ตามก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักการเลือกตั้งกลางเทอมกันก่อนดีกว่า What is U.S. Midterm Elections? ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจโดยง่ายการเลือกตั้งกลางเทอมคือการประเมินว่าพอใจกับการทำงานใน 2 ปีที่ผ่านมาของประธานาธิบดีหรือเปล่า ถ้าไม่พอใจก็จะมีสิทธิตัดสินใจอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามจะไม่มีการเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีในการเลือกตั้งกลางเทอม ในการเลือกตั้งกลางเทอมนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะลงคะแนนเลือกสมาชิกสภาคองเกรส ซึ่งในที่นี้ก็คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน และ 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา สภาคองเกรสคือการรวมกันของสภาผู้แทนราษฎรกับวุฒิสภา สมาชิกทั้งสองสภามาจากการเลือกตั้งโดยตรง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีทั้งหมด 435 คน โดยแต่ละคนคือตัวแทนจากเขต ๆ หนึ่ง มีวาระการปฏิบัติงานสองปี จำนวนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นอยู่กับประชากรของมลรัฐนั้น ๆ สำหรับจำนวนสมาชิกวุฒิสภานั้น ทุกรัฐจะมีสมาชิกวุฒิสภาสองคนเท่ากันหมด ดังนั้น สหรัฐอเมริกาจึงมีสมาชิกวุฒิสภาทั้งสิ้น 100 คน วาระการปฏิบัติงานของสมาชิกวุฒิสภาคือ 6 ปี ความสำคัญของการเลือกตั้งกลางเทอมคือเป็นการกำหนดว่าพรรคใดจะคุมอำนาจในสภาคองเกรสซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการปกครองประเทศของสหรัฐอเมริกาที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบัญญัติกฎหมาย คำถามต่อมาคือเมื่อ 2 ปีที่แล้วพรรค Republican ของโดนัล ทรัมป์คว้าเสียงข้างมากไปครอง แต่ถ้าในครั้งนี้สถานการณ์เกิดพลิกผัน พรรค Democrats เกิดพลิกกลับมาเป็นเสียงข้างมาก ผลที่ตามมาคืออะไร
สำหรับคนที่ไม่ได้ตามการเมืองต่างประเทศจริงจัง เมื่อพูดชื่อ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบันขึ้นมา สิ่งแรกที่นึกถึงเกี่ยวกับเขาคงหนีไม่พ้นบุคลิกจอมโวยวายโผงผาง การตอบคำถามสื่อมวลชนและการใช้ Social Network ที่มักจะจุดประเด็นดราม่าขึ้นมาเสมอ ส่วนเรื่องมุมมองของเขาต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ในโลกนั้นเราแทบจะไม่รู้เลย แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สำนักข่าว CNN ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Trump ยาวนานถึง 1 ชั่วโมงเต็ม ๆ ล้วงลึกถึงทุกประเด็นที่ทั่วทั้งโลกอยากรู้ ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้รู้จักตัวตนของชายที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกในเวลานี้ให้มากขึ้น การเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย ผู้รับหน้าที่สัมภาษณ์ Trump ในคราวนี้คือ Lesley Stahl นักข่าวรุ่นใหญ่เปี่ยมด้วยบารมี เธอจึงกล้าเผชิญหน้ากับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแบบไม่เกรงกลัว และประเด็นแรกที่เธอยิงคำถามใส่เขาคือการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมานั้นคิดว่าถูกแทรกแซงหรือไม่ “แน่นอนว่ามีการแทรกแซง ไม่ใช่แค่ที่รัสเซีย แต่รวมถึงจีนและประเทศอื่น ๆ ในโลกก็เช่นกัน” Trump ตอบคำถามดังกล่าวก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมว่า “แต่จากใจผมเลยนะ ผมคิดว่าจีนคือปัญหาที่ใหญ่กว่าในตอนนี้” James Mattis ประเด็นต่อมาคือข่าวการลาออกจากตำแหน่งของ James Mattis เลขาธิการกระทรวงการต่างประเทศ Lesley Stahl ถาม Trump ถึงสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว “ผมไม่ทราบ เขาไม่ได้บอกผม แต่ผมกับเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันถึงแม้ว่าเขาจะมาจากพรรค Democrat ก็ตาม สาเหตุการลาออกของเขาก็คงเหมือน ๆ กับที่คนทั่วไปลาออกจากงานนั่นแหละ”