เปิดรับความสดใส ด้วยสีสันแห่งฤดูร้อนจากทางฟากฝั่งยุโรปที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา กับ Maurice Lacroix AIKON Automatic Limited Summer Edition เรือนเวลาคอลเลกชั่นพิเศษ ที่มีเพียงรุ่นละ 888 เรือนทั่วโลกเท่านั้น จากความนิยมของคอลเลกชั่นนาฬิกา AIKON ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิการุ่นไอคอนิกแห่งตำนานยุค 90s อย่าง Calypso ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2016 สู่การต่อยอดตำนานที่เร้าใจยิ่งกว่า ด้วยเฉดสีที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน กับสีสันแห่งฤดูร้อนที่ถูกถ่ายทอดลงบนหน้าปัด และสายนาฬิกาแบบ Integrated ของ AIKON Automatic Limited Summer Edition รุ่นล่าสุด ที่สะท้อนจิตวิญญาณนาฬิกาสปอร์ตผ่านตัวเรือนทรงกลมพร้อมหน้าปัดตกแต่งลวดลาย Clous de Paris แบบด้าน ขับเน้นเสน่ห์ของฤดูร้อนผ่านแสงเงาของสีสันที่งดงามในทุกมุมมอง ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ทั้งการใช้ชีวิตแบบ Urban ในเมืองใหญ่ หรือการสวมใส่พักผ่อนในวันสบาย ๆ Maurice Lacroix AIKON Automatic Limited Summer Edition พร้อมให้ทุกคนสัมผัสความสดใส กับเฉดสีที่มีชีวิตชีวาของฤดูร้อน ผ่านตัวเรือน
กว่าจะขึ้นแท่นตำนานเจ้าสมุทรของ OMEGA ในทุกวันนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นของ Seamaster ต้องย้อนไปในปี 1932 ซึ่ง ณ ขณะนั้นชื่อของ Seamaster ยังไม่ถูกกล่าวขาน แต่เป็นปีที่โลกได้รู้จักกับบรรพบุรุษของ Seamaster อย่าง OMEGA “Marine” เรือนเวลาที่มาจากฝันอันทะเยอทะยานในการสร้างนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีสำหรับใช้งานใต้น้ำ เพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรมที่สามารถนำนักสำรวจให้ดิ่งลึกไปยังโลกเบื้องล่างที่ไม่มีใครรู้จัก นอกจากนี้ “The Marine” ยังครองตำแหน่งนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของโลกที่วางจำหน่ายให้แก่พลเรือน ถือเป็นการปูเส้นทางให้กับอนาคตของนาฬิกาดำน้ำ ก่อนที่ OMEGA จะให้กำเนิด Seamaster ในปี 1948 หลังจากผ่านมา 16 ปี ก็ได้เวลาที่ประวัติศาสตร์ของ Seamaster เริ่มต้นจารึกเรื่องราวปฐมบท เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี 1945 ทาง OMEGA ได้ใช้เวลาหลังจากนั้นร่วม 3 ปี ในการนำความรู้ทางการทหารจากประสบการณ์การสนับสนุนเครื่องบอกเวลาให้เหล่านักบินของกองทัพอากาศ และราชนาวีแห่งสหราชอาณาจักรมากกว่า 110,000 เรือน มาประยุกต์ให้เป็นคอลเลกชั่นเรือนเวลาสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน และผลลัพธ์ที่ได้คือนาฬิกา OMEGA Seamaster ซึ่งเปิดตัวในปี 1948
สาวกเรือนเวลาน่าจะรู้จักกันดีกับกิตติศัพท์ 9S Caliber กลไกจักรกลที่ Grand Seiko แบรนด์นาฬิกาลักซ์ชัวรี่ชั้นนำระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น ที่มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี ได้ออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่พร้อมเปิดตัวเมื่อปี 1998 และได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ของจุดเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการผลิตนาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko นับเป็นมาตรฐานของประสิทธิภาพความเที่ยงตรงใหม่ ‘Grand Seiko Standard’ ถูกกำหนดขึ้น โดยเป็นระดับที่เหนือกว่ามาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอุตสาหกรรมวงการนาฬิกามานานกว่า 25 ปี เนื่องในโอกาสพิเศษแบบนี้ Grand Seiko จึงได้จัดงาน The World of Grand Seiko เพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี Grand Seiko 9S Caliber พร้อมเปิดตัว Grand Seiko Pop Up Store ณ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ซึ่ง Grand Seiko Pop
เชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนต่างเติบโตมา พร้อมความสุขบนหน้าจอ ที่เต็มไปด้วยฉากชวนตื่นตาตื่นใจระหว่างรับชมการต่อสู้ของฮีโร่ร่างยักษ์ซึ่งทำหน้าที่พิทักษ์โลกจากเหล่าสัตว์ประหลาดไคจูตัวร้าย พร้อมเอาใจช่วยด้วยความลุ้นระทึกกับเงื่อนไขเวลาจำกัดของพระเอกขณะที่อยู่ในร่างยอดมนุษย์นามว่า Ultraseven โดยเรื่องราวของ Ultraseven นักรบผู้ผดุงความยุติธรรมจากดวงดาวแห่งแสงใน Nebular M78 ที่ออกอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1967 – 1968 ได้กลายเป็นตำนานสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนรุ่นสู่รุ่นมายาวนานกว่า 55 ปี เช่นเดียวกันกับเรือนเวลา SEIKO 5 SPORTS ซึ่งยืนหยัดในฐานะ Automatic Day-Date Watch รุ่นแรกของญี่ปุ่น ที่มาพร้อมราคาคุ้มค่า คุณภาพน่าเชื่อถือ และดีไซน์ที่ถูกพัฒนาให้ร่วมสมัยสำหรับหนุ่มสาวหัวใจสปอร์ตมาเป็นเวลา 55 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 1968 ด้วยช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดิบพอดี ทำให้ยอดมนุษย์ Ultraseven และเรือนเวลาชั้นยอดอย่าง SEIKO 5 SPORTS มีโอกาสได้โคจรมาเจอกันในคอลเลกชั่น SEIKO 5 SPORTS 55th ANNIVERSARY ULTRASEVEN LIMITED EDITION เรือนเวลารุ่นพิเศษ ตัวแทนการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 55 ปีของทั้งคู่ ที่บอกเลยว่าแฟน
หากเอ่ยถึงชื่อ Speedmaster หนึ่งในซีรีส์นาฬิการะดับไอคอนิกจาก OMEGA เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในเรือนเวลาส่วนใหญ่คงมีภาพจำถึงเรื่องราวการประกาศศักดาให้โลกจารึกในฐานะ Moonwatch นาฬิกาที่ถูกสวมโดยนักบินอวกาศ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ผู้ฝากรอยเท้าเล็ก ๆ ที่สุดแสนจะสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ในเดือนกรกฎาคม ปี 1969 แต่สำหรับสาวก Speedmaster อีกจำนวนไม่น้อยคงรู้กันดีว่า เดิมทีนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อพิชิตดวงจันทร์ หากแต่ชื่อ Speedmaster ยังประกาศก้องถึง DNA แห่งความเร็วที่ชัดเจนเข้มข้นจนแทบไม่ต้องเสียเวลาตีความ นับย้อนไปตั้งแต่ปี 1957 ช่วงเวลาที่ปฐมบทของเรื่องราวแห่ง Speedmaster จาก OMEGA ได้เริ่มต้นด้วยเรือนเวลาที่มาพร้อมเข็มบอกทิศทางแบบ Broad Arrow รูปทรงหัวลูกศรสุดโดดเด่น และยังเป็นนาฬิกาข้อมือ Chronograph แบบแรกที่นำสเกล Tachymeter หรือมาตรวัดความเร็วมาไว้บนขอบตัวเรือน เพื่อจุดประสงค์สำหรับใช้งานในวงการ Motorsport เรียกได้ว่าก่อนจะไปโลดแล่นบนดวงจันทร์ เหล่านักแข่งรถ ช่างเทคนิค รวมถึงทีมงานในสนามประลองความเร็ว ต่างก็เคยประทับใจในความทนทาน, ประสิทธิภาพ รวมถึงงานดีไซน์ของ Speedmaster มาแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ชื่อของ Speedmaster
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ณ ตอนนี้ ชื่อของ ALBA แบรนด์นาฬิกาดีไซน์สวยที่มีจุดเด่นเรื่องราคาจับต้องได้ภายใต้คุณภาพการผลิตที่การันตีโดยแบรนด์เรือนเวลาชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง SEIKO กำลังเป็นที่จับตามองด้วยคอลเลกชั่นเท่ ๆ มากมายที่ทยอยเปิดตัวออกมาภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “The Reflection Of Japan” ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละคอลเลกชั่นนั้นล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นโดนใจ ด้วยงานดีไซน์ที่สะท้อนถึงคุณภาพความเป็น Japan Product กับนาฬิกาแนว Sport Style ที่หนุ่ม ๆ อย่างเราสามารถหยิบมาสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ล่าสุดทาง ALBA ก็ได้เผยโฉมอีกหนึ่งคอลเลกชั่นใหม่ซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์ความเท่ที่สะท้อนจิตวิญญาณญี่ปุ่นออกมาได้เป็นอย่างดี กับ ALBA Monster Thailand Creation ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือนเวลารุ่นยอดนิยมของรุ่นพี่อย่าง SEIKO ที่ได้รับการขนานนามจากเหล่านักสะสมว่า Monster ด้วยความแข็งแรงบึกบึนของตัวเรือน และดีไซน์ที่ดูแปลกตาแต่มีเสน่ห์ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2000 และ Monster ที่ถูกตีความภายใต้ชื่อ ALBA Monster Collection นั้น เป็นการนำเอาเอกลักษณ์ระดับไอคอนิก มาร้อยเรียงเรื่องราวและดีไซน์ใหม่ ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาผ่านนาฬิการะบบอัตโนมัติ 3 รุ่น 3 สไตล์ ที่ยังคงความโดดเด่นเอาไว้แบบครบ ๆ ทั้งในเรื่องขนาดตัวเรือนกำลังเข้าข้อที่ 42.4
นับตั้งแต่การเปิดตัวของนาฬิกา Seiko 5 Sports ในปี 1968 โลกก็ได้รู้จักกับ เรือนเวลาจักรลที่เป็นตัวแทนของความทนทาน และคุณค่าด้านประสิทธิภาพที่ไว้ใจได้ มาอย่างยาวนานกว่า 54 ปี จวบจนปัจจุบัน โดยเลข “5” ในชื่อรุ่นเป็นสิ่งแสดงถึงคำมั่นสัญญาว่านาฬิกา Seiko 5 ทุกเรือนจะมาพร้อมคุณสมบัติหลัก 5 ประการ ดังนี้ เครื่องระบบอัตโนมัติ, ฟังก์ชั่นวันและวันที่บริเวณ 3 นาฬิกา, ระบบกันน้ำ, เม็ดมะยมบริเวณ 4 นาฬิกา และ ตัวเรือนรวมถึงสายที่มีความแข็งแรงทนทาน จากคุณสมบัติเหล่านี้ ส่งผลให้ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ชื่อของ Seiko 5 Sports นาฬิกาสปอร์ตสัญชาติญี่ปุ่น ได้สร้างประวัติศาสตร์รับความนิยมในระดับนานาชาติในฐานะนาฬิกาที่สามารถ “ไปได้ทุกที่” โดดเด่นทั้งประสิทธิภาพครบครันและดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในราคาที่คุ้มค่า อีกทั้งจุดเด่นเหล่านี้ยังได้ถ่ายทอด DNA ความแข็งแกร่งสู่คอลเลคชั่นใหม่ของ Seiko 5 Sports ที่กลับมาในปี 2019 ซึ่งได้มีการเพิ่มความกระตือรือร้นและพลังแห่งการขับเคลื่อนอันทันสมัยลงไป พร้อมเปิดตัวรุ่นพิเศษออกมามากมาย ทั้ง Thailand Limited Edition / Street Fighter
นอกเหนือจากอาการลุ้นเรื่องราวที่ยังค้างคา รอให้ติดตามบทสรุปใน Stranger Things SS4 Vol.2 ซึ่งกำลังจะลงสตรีมมิ่งในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ เราเชื่อว่าสาวก Stranger Things หลายท่าน คงกำลังอินกับแฟชั่นยุค 80s จากพร็อพและคอสตูมต่าง ๆ ของเหล่าตัวละครในซีรีส์ ที่ทีมงานทำการบ้านมาอย่างดี หาไอเทมมากมายมาให้แต่ละคาแรกเตอร์สวมใส่กันแบบตรงยุค และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในไอเทมที่โดดเด้งสะดุดตาออกมาคือนาฬิกาสวย ๆ หลากรุ่นหลายแบรนด์ ที่บอกไปเป็นต้องรู้อายุ เพราะเพียงแค่เห็นโผล่มาในจอแค่ไม่กี่วิ เป็นต้องอุทานด้วยภาษากึ่งไม่ทางการว่า “เชี่ยย นี่มันรุ่นที่เคยอยากได้” หรือ “เฮ้ย เรือนนี้เราเคยมีใส่ไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนนี่นา” งานนี้ใครที่รู้สึกว่านาฬิกาของเหล่าตัวละครใน Stranger Things นั้นมันทัชใจ แต่จำได้แค่คลับคล้ายคลับคลา ไม่ได้รู้ลึกถึงขนาดว่ามันชื่อรุ่นอะไร บอกเลยว่าไม่ต้องไปเหนื่อยค้นหาให้ตาแตก เพราะเราได้รวบรวมลายแทงชื่อรุ่นเด่นจากตัวละครดังเกือบทุกคาแรคเตอร์เท่าที่เราสามารถหาได้ มาให้ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายนำชื่อรุ่นลากเข้า Google เพื่อสะกดรอยไปตามสอยกลับมาครอบครองให้หายคิดถึง ข่าวดีคือมีหลายเรือนที่วางขายมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยได้กลายเป็นงานวินเทจเข้าขั้น Rare Item ที่อาจต้องใช้กำลังกาย บวกกำลังใจ เสริมด้วยกำลังภายในกระเป๋าตังค์ในการตามล่าของดีมาประดับข้อมือ เอาเป็นว่าก่อนจะเวิ่นเว้อไปมากกว่านี้ เชิญไปดูกันเลยดีกว่าว่าตัวละครไหนใส่นาฬิกาอะไรเข้าฉากกันบ้าง เอ้า…
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดีกับชื่อเสียงของ ALBA เรือนเวลาดีไซน์สวย ที่การันตีคุณภาพโดย SEIKO แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น กับจุดเด่นเรื่องคุณภาพการผลิตที่ดีในราคาจับต้องได้ จนถือเป็นแบรนด์ในดวงใจของผู้คนซึ่งสนุกกับการแต่งตัวหลากสไตล์ ที่สามารถหามาสวมใส่อัพลุคเท่ได้ไม่รู้จบ ยิ่งในคอลเลกชั่นหลัง ๆ ของ ALBA ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “The Reflection Of Japan” ซึ่งชูจุดแข็งงานดีไซน์ที่สะท้อนถึงคุณภาพความเป็น Japan Product แถมยังตอกย้ำสไตล์ความเป็นเมืองแฟชั่นของญี่ปุ่นออกมาได้อย่างชัดเจน ด้วยการเน้นไปที่รูปลักษณ์ของเรือนเวลา Sport Style ทำให้แต่ละคอลเลกชั่นของ ALBA ที่เปิดตัวออกมาล้วนแล้วแต่เป็นไอเทมที่หนุ่ม ๆ อย่างเราสามารถหยิบมาสวมใส่ Mix & Match สไตล์สนุก ได้ในทุกโอกาส และต้องบอกว่าล่าสุดจิตวิญญาณสปอร์ตในนาฬิกา ALBA ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในแบบฉบับ Active เต็มขั้น กับ ALBA “SPORTIVE” Design Collection ที่มาพร้อมกับเรือนเวลา 4 สี 4 สไตล์ ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว โดยแต่ละรุ่นนอกจากจะมาพร้อมตัวเรือนและสายแบบสเตนเลสสตีลแล้ว ยังมีสายซิลิโคนแบบ Accordion
เมื่อเอ่ยถึงแบรนด์เรือนเวลาเจ้าของโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกอย่าง Longines เชื่อว่าสิ่งแรกที่ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องบอกเวลานึกถึง คงหนีไม่พ้นเรื่องราวเล่าขานถึงการเป็นอุปกรณ์บอกเวลาสุดแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกในตำนานระดับโลกต่างเลือกสวมใส่ระหว่างทำภารกิจ และหนึ่งในทริปสุดระห่ำของนักบุกเบิกที่ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ไฟแห่งความกล้าในการท้าทายอะไรใหม่ ๆ นั้นลุกโชนขึ้นในใจใครหลายคน ต้องย้อนไปในวันที่ 5 ตุลาคม 1931 กับภารกิจของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. สองนักบินชาวอเมริกันผู้กล้าหาญ ซึ่งได้พิชิตภารกิจการบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยระยะทาง 5,500 ไมล์ โดยไม่หยุดพักได้เป็นครั้งแรกของโลก โดยเบื้องหลังความสำเร็จของการผจญภัยครั้งนั้น นอกจากความบ้า และความมุ่งมั่นของ Clyde Pangborn และ Hugh Herndon, Jr. ยังมีอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญอย่างนาฬิกา Longines ที่ช่วยบอกเวลาให้กับสองนักบินในไฟลท์ประวัติศาสต์ได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ ทำให้เมื่อจบภารกิจนี้ทาง Hugh Herndon, Jr. ถึงกับเขียนจดหมายแสดงความขอบคุณไปยัง Wittnauer ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา Longines ในขณะนั้น ว่านาฬิกาของ Longines นั้นทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมระหว่างที่พวกเขากำลังบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก แม้ในช่วงสุดท้ายของการบินที่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวจัดจนน้ำดื่มในกระติกของพวกเขากลายเป็นน้ำแข็ง แต่ถึงกระนั้นนาฬิกา Longines ก็ยังคงทำหน้าที่บอกเวลาอย่างแม่นยำได้ไร้ที่ติ พร้อมทิ้งท้ายใจความในจดหมายว่า “คุณคงรู้ดีว่าเวลาที่ถูกต้องแม่นยำคือหัวใจสำคัญของการบินที่ดี” ตอกย้ำให้เห็นบทพิสูจน์ถึงความปลอดภัยและแม่นยำที่เหล่านักบุกเบิกยุคก่อนต่างให้ความไว้วางใจ จวบจนถึงปัจจุบันเรื่องราวของวีรกรรมจากเหล่าคนกล้ามากมาย ได้กลายเป็นมรดกตกทอดอันยาวนานและแสนล้ำค่าของแบรนด์