การเปิดลิสต์รายชื่อภาพยนตร์ รายการทีวีและหนังสือที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ดูเหมือนกันจะกลายเป็นอีกหนึ่งธรรมเนียมประจำช่วงสิ้นที่ปีของอดีตประธานบารัค โอบามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแต่ในสื่อแต่ละประเภทที่ชายคนนี้แนะนำก็มีความน่าสนใจของเนื้อหาและประเด็นที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามสำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นคอภาพยนตร์และสารคดี ที่สนใจรายชื่อจากลิสต์ประจำปี 2020 วันนี้ WATCHLIST ถือโอกาสหยิบภาพยนตร์ภายในลิสต์มาแนะนำ มาทำความรู้จักไปพร้อมกันว่าความบันเทิงในสาขาภาพยนตร์ที่อดีตประธานาธิบดีผิวดำคนแรกคนนี้เลือกมา จะประกอบไปด้วยเรื่องอะไรบ้าง Boy State (2020) Boy State คือภาพยนตร์สารคดีที่ออกฉายครั้งแรกในเดือนสิงหาคมที่ผ่าน โดยพูดถึงเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นกว่า 1,100 ในรัฐเท็กซัส ที่เดินทางมาเข้าร่วมโครงการที่เรียกว่า Boys / Girls State ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กในระดับไฮสคูล ได้มีโอกาสทดลองและจำลองกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการจัดตั้งรัฐบาล หรือการนำเสนอนโยบายด้านต่าง ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปเพลินกับเรื่องราว Coming of Age ของคนรุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกา ที่เด็กรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจในเรื่องสังคมและการเมืองเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม Boy State จะพาทุกคนไปเรียนรู้แนวคิดที่เกิดจากความแตกต่างของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเชื้อชาติ สิ่งแวดล้อมและบุคลิกภาพ รวมถึงจะแสดงให้เราเห็นความคาดหวังที่คนรุ่นใหม่ทุกคนกำลังบ่มเพาะและตั้งความหวังเอาไว้อีกด้วย Bacurau (2019) ภาพยนตร์สัญชาติบราซิลที่บารัค โอบามาเลือกเข้ามาในลิสต์ส่วนตัวปีนี้ Bacurau เล่าถึงเรื่องราวของคนในหมู่บ้านที่ชื่อ Bacurau
หลายคนอาจมีเป้าหมายประจำปีใหม่ (New Year’s Resolutions) ที่อยากทำให้สำเร็จในแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเล็ก หรือ เรื่องใหญ่ ก็มีหลายคนเหมือนกันที่ต้องล้มเลิกการทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จไประหว่างทาง เพราะเจอกับอุปสรรค์ต่าง ๆ เช่น เวลาไม่พอ เหนื่อยเกินไปที่จะทำต่อ ฯลฯ จนกำลังใจห่อเหี่ยว และต้องมาเศร้าตอนช่วงท้ายปี และบ่นว่า ปีนี้ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ใครที่ปีนี้ทำเป้าหมายของตัวเองไม่สำเร็จ เราอยากบอกว่า ไม่เป็นไร ปีหน้าเอาใหม่ และได้รวบรวมภาพยนตร์ 5 เรื่องที่จะช่วยให้ทุกคนมีกำลังใจในการทำตามเป้าหมายของตัวเองด้วย ซึ่งแต่ละเรื่องทเราคัดมาแต่ที่มีคุณภาพ มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ แถมเกิดจากทีมสร้างหนังคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น ผู้กำกับมากรางวัล และนักแสดงก็มากฝีมือด้วย จะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันได้เลย Groundhog Day (1993) ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องของ ฟิล คอนเนอร์ส์ นักพยากรณ์อากาศ เมื่อวันหนึ่งเขาและทีมงานต้องเดินทางไปยังเมืองพันซิทอว์นีย์ เพื่อทำข่าวประจำปีเรื่องเทศกาลวันกราวน์ฮ็อก และได้เจอกับปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ เขาพบว่าตัวเองติดอยู่ในวังวนของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เขาต้องตื่นมาเจอกับเหตุการณ์เดิมซ้ำ ๆ ทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสิ่งที่เขาได้ทำในแต่ละวัน จะไม่มีผลถึงวันถัดไปด้วย พูดง่าย ๆ
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นคอภาพยนตร์ โดยเฉพาะแฟนของผู้กำกับรุ่นเก๋าอย่างสตีเวน สปีลเบิร์กคงทราบกันดีว่าวันนี้คือวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของพ่อมดแห่งวงการภาพยนตร์ ซึ่งในปีนี้ตัวเขามีอายุครบ 74 ปีเป็นที่เรียบร้อย ขณะเดียวกัน อย่างที่ทราบกันดีว่าสตีเวน สปีลเบิร์กเลือกใช้เวลากว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตไปกับการสร้างสรรค์ภาพยนตร์หลากหลายเรื่องบางเรื่องได้กลายเป็นความทรงจำรวมถึงแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน และสำหรับคนที่อยากย้อนชมผลงานของชายคนนี้อีกครั้ง WATCHLIST วันนี้มีภาพยนตร์ 7 เรื่องของสตีเวน สปีลเบิร์กมาแนะนำ แต่จะมีเรื่องอะไรบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลยครับ Saving Private Ryan (1998) เริ่มต้นกับภาพยนตร์สงครามผลงานขึ้นหิ้งอย่าง Saving Private Ryan เรื่องราวของหน่วยรบที่นำโดยร้อยเอกจอห์น เฮช มิลเลอร์ (Tom Hank) ที่ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจพิเศษในการช่วยชีวิตลูกชายคนสุดท้ายของครอบครัว Ryan จากสมรภูมิหลังเหตุการณ์ D-Day ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Saving Private Ryan จะพาคุณเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์สำคัญมากมาย ทั้งฉากการยกพลขึ้นบกที่ตราตรึง การแทรกตัวของไปในเขตของศัตรูซึ่งเชื่อว่าเรื่องราวที่ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมา จะช่วยทำให้คุณเข้าใจความโหดร้ายของสงครามและมนุษย์ได้เป็นอย่างดี แต่ในเวลาเดียวก็ยังมีกลุ่มคนพร้อมจะเสียสละเพื่อคนอื่นอยู่เช่นกัน Catch Me if You Can (2002) Catch Me if
ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก เชื่อว่าผู้ชายทุกคนต้องเคยผ่านความสัมพันธ์เหล่านี้มาก่อน ไม่ว่าจะในฐานะของลูกที่ต้องเรียนรู้และเติบโต หรือในฐานะพ่อที่ต้องเฝ้ามองการเติบโตของชีวิตหนึ่งชีวิตที่เราทำให้เขาเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ อย่างไรก็ตาม สัมพันธ์ในระดับความครัวถือเป็นสิ่งที่มีค่าและควรให้ความสำคัญมากที่สุด เราจึงมักมีโอกาสได้เห็นภาพยนตร์ในหลากหลายเนื้อหาเลือกจะสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกให้ได้ชมกัน และสำหรับช่วงเวลาของวันพ่อของปีนี้ เรามีพ่อ 5 คนผ่านภาพยนตร์ 5 เรื่องที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน ซึ่งจะเป็นใครจากภาพยนตร์เรื่องไหนบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันเลย The Pursuit of Happyness (2006) เริ่มต้นกับหนึ่งในผลงานคลาสสิคของหนังชีวิตและครอบครัวอย่าง Pursuit of Happyness กับเรื่องราวภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของคริส การ์ดเนอร์ นักธุรกิจและนักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาล ผู้เคยผ่านชีวิตปากกัดตีนถีบถึงขนาดไร้หัวนอนปลายเท้ามาแล้ว The Pursuit of Happyness จะพาเราย้อนกลับไปที่ซานฟรานซิสโกเมื่อปี 1981 ในสมัยที่คริส การ์ดเนอร์ ยังคงดิ้นรนกับอาชีพเซลล์แมนเพื่อสร้างความมั่นคงให้ชีวิตครอบครัว อย่างไรก็ตามเส้นทางสู่ความสำเร็จของเขากลับเต็มไปด้วยปัญหาอุปสรรคนับครั้งไม่ถ้วนถึงขนาดเหลือเงินติดตัวเพียง 21 ดอลลาร์และต้องขอพักในศูนย์พักพิงของคนไร้บ้านพร้อมกับลูกชายตัวน้อย ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะพาเราไปทำความรู้จักกับเรื่องราวความสำเร็จในชีวิตคริส การ์ดเนอร์ ที่เกิดจากความมุ่งมั่นและการคว้าโอกาสที่ชาญฉลาด ขณะเดียวกันภาพยนตร์ยังสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 พ่อ-ลูก ในวันที่ชีวิตแทบไม่มีทางให้เดินไปต่อ แต่ทั้งสองยังคงเป็นที่พึ่งและเป็นกำลังใจให้กันและกันอยู่เสมอ ถือเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่แสดงให้เห็นมิตรภาพระหว่างพ่อและลูกได้แบบอบอุ่นหัวใจแม้จะอยู่ท่ามกลางชีวิตที่ถาโถมด้วยปัญหาก็ตาม Australia (2008) ภาพยนตร์ที่จะพาเราไปทำความรู้จักกับประเทศออสเตรเลีย ในปี 1939 หรือช่วงเวลาที่สงครามโลกครั้งที่
ความกระหายใคร่รู้ว่าคนดัง ๆ เขาอ่านอะไร ดูอะไร กินอะไร หรือวัน ๆ ทำอะไรบ้าง ดูจะเป็นความกระหายปกติที่มนุษย์หลายคนมี โดยเฉพาะบรรดามนุษย์ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก ที่เรามักสนใจว่าวัน ๆ เขาทำอะไรบ้าง ถึงมีส่วนส่งเขาไปสู่ยอดเขาแห่งความสำเร็จที่ใคร ๆ ก็ฝันถึงนั้น Bill Gates เองก็ถือเป็นมนุษย์ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกที่ผู้คนอยากรู้เสมอว่าเขาอ่านหนังสืออะไร ใช้ชีวิตประจำวันแบบไหน แบ่งเวลาอย่างไร ทั้งเพื่อเป็นข้อมูลไว้ทำตาม และเพื่อเรียนรู้ปรับหาจุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้ตัวเอง ปกติเขาเองก็ไม่เคยปิดเป็นความลับว่าตัวเองอ่านหนังสืออะไร มีกิจวัตรแบบไหน โดยเฉพาะหนังสือที่เขาอ่าน เขาจะออกมาเปิดเผยลิสต์หนังสือที่อ่านและอยากให้คนอื่นได้อ่านด้วยผ่านเว็บไซต์ gatesnotes.com ของเขาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ปีละครั้งเท่านั้นแต่เป็นฤดูกาลเลยทีเดียว (เช่น 5 หนังสือที่ควรอ่านช่วงหน้าร้อนนี้) Bill Gates ระบุว่าช่วงนี้หัวข้อที่เขาได้พูดคุยส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับ COVID-19 แต่ที่ถูกถามบ่อยไม่แพ้กันคือ Bill Gates อ่านหรือดูอะไร อาจเป็นเพราะช่วงนี้ผู้คนอยากเข้าใจเรื่องโรคระบาดมากขึ้น หรือไม่ก็พวกเขาอยากหาอะไรบางอย่างเพื่อดึงความสนใจตัวเองออกไปจากสถานการณ์อันชวนเครียดนี้ เขากล่าวอีกว่า “ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดถึงหนังสือหรืออะไรที่ผมดู” ความพิเศษคือครั้งนี้ Bill Gates ออกมาเปิดเผยหนัง สารคดี และซีรีส์ที่เขาติดตามอยู่ช่วงนี้ออกมาด้วย ใครที่ไม่ใช่สายอ่านหนังสือก็ถือว่านี่คือโอกาสอันดีที่จะไปดูตามบ้างว่าคนแบบ Bill Gates เขาดูอะไร?
เวลาถกกันเรื่องประเด็นทางสังคม เรามักจะได้ยินเสมอว่า ไม่มีใครดีหรือแย่ไปทั้งหมด และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อคนเราส่วนใหญ่ต่างก็เป็นสีเทาในเฉดที่แตกต่างกันไปทั้งนั้น แม้แต่ในภาพยนตร์ หลายเรื่องมักจะวางบทให้พระนางแสนดี ตัวร้ายก็ชั่วจนเกินจะรับได้ มันอาจให้ความบันเทิง แต่กลับทำให้เรารู้สึกห่างไกลจากความเป็นจริงไปกันใหญ่ UNLOCKMEN ชวนมาดูภาพยนตร์ในแบบที่ตัวละครเป็นสีเทา ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของพวกเรากันมากขึ้น เหมือนทุกครั้งที่เราอยากบอกเสมอว่า นี่ไม่ใช่การจัดอันดับหนังดี เราไม่ได้แนะนำด้วยคะแนนวิจารณ์ หรือตัดสินด้วยอะไรทั้งนั้น นี่เป็นเพียงลิสต์หนังที่เราอยากบอกต่อเหมือนเพื่อนแชร์หนังหรือชวนกันดู อย่าได้หัวเสียถ้าหากไม่มีหนังที่ตรงใจคุณในลิสต์นี้ Se7en (1995) Director: David Fincher สำหรับหนังสืบสวน Thriller แล้ว ผู้กำกับเบอร์แรก ๆ ในใจของใครหลายคน คงไม่พ้น David Fincher โดยเฉพาะเรื่องนี้ ที่เป็นเรื่องราวการตามหาฆาตกรที่โคตรตื่นเต้น ให้เราได้ลุ้นกันจนวินาทีสุดท้าย ยิ่งเวลาเดินไปนานเท่าไหร่ หนังยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น เนื้อเรื่องคร่าว ๆ คือ ตำรวจวัยเก๋าอย่าง วิลเลี่ยม รับบทโดย Morgan Freeman ที่จับพลัดจับผลูมาเป็นคู่หูกับนักสืบหนุ่มอย่าง David รับบทโดย Brad Pitt ที่ต้องมารับคดีชวนฉงนอย่างฆาตกรต่อเนื่อง 7 ศพ ที่เขาเลือกคนที่มีบาปทั้งเจ็ดของศาสนาคริสต์
ความทรงจำที่หลั่งไหลอยู่ในหัวของเรา สำหรับเรื่องที่ไม่สลักสำคัญอะไร อาจจะกระจัดกระจายไม่ปะติดปะต่อ แต่เรื่องที่มันชัดเจนอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประทับใจหรือสะเทือนใจ มันจะถูกเรียงไว้เหมือนแฟ้มคนไข้ในโรงพยาบาลที่ถูกเรียงลำดับไว้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเราก็ยังคงจำมันได้เสมอแม้เวลาจะผ่านมานาน UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาดูหนัง 5 เรื่องที่เล่นเกี่ยวกับความทรงจำอันแสนพิศวงนี้กัน ก่อนจะไปดูทั้ง 5 เรื่อง ทำความเข้าใจกันก่อนว่า WATCHLIST เป็นคอนเทนต์แบ่งหนังกันดู เหมือนเพื่อนแชร์กัน ไม่ใช่เป็นการจัดอันดับหนังดีในดวงใจ ไม่จำเป็นต้องน้อยใจหากหนังโปรดในใจของคุณไม่อยู่ในลิสต์นี้ Memento (2002) Director : Christopher Nolan เมื่อคุณตื่นมาพร้อมกับ Clue มากมาย แต่คุณไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งไหนคือเรื่องจริง เช่นเดียวกับ Leonard (Guy Pearce) ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมคำใบ้ปริศนามากมายรอบตัวของเขา ทั้ง Note รอยสัก เบอร์โทรศัพท์ ที่เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันปะติดปะต่อกันอย่างไร เขาพยายามอย่างมากในการลำดับเรื่องราวทั้งหมดด้วยข้อมูลที่มี แต่โชคร้ายตรงที่เขามีความทรงจำแค่สั้น ๆ เท่านั้น ทำให้ทุกอย่างยิ่งยากเข้าไปใหญ่ การเล่าเรื่องราวจะเป็นไทม์ไลน์ของภาพสีและขาวดำ อันนี้แนะนำให้ไปดูเอาเองสนุกกว่า ถ้าบอกตอนนี้เลยเข้าข่ายสปอยล์แน่นอน ถือเป็นผลงานยอดนิยมอีกเรื่องของ Nolan บทดั้งเดิมที่ได้ฝีมือการเขียนของน้องชายของเขาเอง เรื่องนี้ขึ้นชื่อเรื่องความมึนงง แนะนำให้ตั้งใจดูและเก็บรายละเอียดเรื่องนี้แบบถี่ถ้วน แล้วจะอึ้งไปกับความจีเนียสของเขา
กระแส Cyberpunk ที่กลับมาแรงแซงโค้งในวงการหนังอีกครั้งช่วงนี้ ชัดเจนสุด ๆ ก็ต้อง Blade Runner 2049 ที่แฟน ๆ แนว Sci-Fi ต่างประทับใจและยกให้เป็นหนังขึ้นหิ้งในดวงใจกันเป็นแถบ (แม้หนังจะไม่ทำเงินก็ตาม) ทำให้เราได้กลับมาเห็นความ Sci-Fi ในแวดวงบันเทิงอีกครั้ง เมือง Dystopia ยานพาหนะหน้าตาสุดล้ำ โฮโลแกรม และไฟนีออนสีสันแสบตา แต่คุณภาพชีวิตสุดแสนจะห่วยแตก สวนทางกับเทคโนโลยีที่ไปไกลเกินกว่าเราจะคาดถึง เรื่องราวเหล่านี้จะกลับมาให้หนุ่ม ๆ อย่างเราได้เติมเต็มความบันเทิงแบบอิงวิทยาศาสตร์กันอีกครั้ง UNLOCKMEN ชวนมาดูหนัง Sci-Fi มันส์ ๆ กับ 5 หนังยุคดิสโทเปีย เมื่อมนุษย์ในโลกอนาคตต้องมาใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีอันไฮเทคแต่คุณภาพชีวิตต่ำเตี้ยเรี่ยดิน Children of Men (2006) Director : Alfonso Cuarón โรคระบาดในปี 2027 ที่คร่าชีวิตทารกทั่วโลกและทำให้ผู้หญิงกลายเป็นหมันกันหมด นั่นหมายความว่าโลกใบนี้จะไม่มีทารกอีกต่อไป ท่ามกลางความวุ่นวายของการเมือง สภาพสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจนไม่อาจกู้คืนได้ ประเทศอังกฤษเป็นประเทศเดียวที่ยังคงยืนหยัดกับปัญหาเหล่านี้ได้ จนทำให้เหล่าผู้ลี้ภัยแห่แหนกันมาที่นี่ แต่พวกเขากลับไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนัก ชีวิตของพวกเขาเป็นเพียงผักปลา จนเกิดกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลที่นำทีมโดย Julian (Julianne Moore) ต้องการพาหญิงสาวต่างด้าวหลบหนีออกจากอังกฤษ จึงจำต้องขอความช่วยเหลือจาก Theo Faron