

CARS
ค่ายรถอยู่ยาก Tesla อัพเกรดความแรงบ้าคลั่งระดับหัวแถว Hypercars 100 km/h ใน 2.5 วินาที
By: Chaipohn August 25, 2016 41154
สำหรับรถยนต์ทั่วไป ถ้าอยากเพิ่มพลังความแรงให้เท่าระดับรถ Hypercars อย่าง Ferrari LaFerrari หรือ Porsche 918 Syper คงต้องหาวิธีทำกันอย่างยากลำบาก และไม่รู้ว่าจะทำได้ถึงขั้นนั้นหรือไม่ ถ้าทำได้ก็ไม่รู้ว่าจะใช้งานในชีวิตประจำวันได้หรือเปล่าอีกต่างหาก แต่กับรถพลังงานไฟฟ้าอย่าง Tesla วิธีอัพเกรดความแรงให้แตะ 0-100 km/h ใน 2.5 วินาทีนั้นง่ายมาก ก็แค่อัพเกรดแบดเตอรี่ลูกใหม่ แค่นี้ก็เรียบร้อย พร้อมไล่บี้บั้นท้าย Hypercars ราคาหลายสิบล้านได้สบายๆ
ล่าสุด Tesla ได้ประกาศการอัพเกรดแบตเตอรี่ 100kWh ลูกใหม่อย่างเป็นทางการหลังจากมีข่าวลืมมาสักระยะ ซึ่งแบตเตอรี่ลูกใหม่นี้จะเป็น option เสริมสำหรับรถ 2 รุ่นคือ Tesla Model S และ Tesla Model X จากเดิมที่มีแบตเตอรี่ให้เลือกตั้งแต่ 60kWh, 75 kWh และ 90 kWh เท่านั้น แต่มีข้อแม้ว่าแบตเตอรี่ 100 kWh จะเป็น option สำหรับรุ่นท็อป Performance, All-Wheel Drive ที่มีฟังก์ชั่น Ludicrous Mode เท่านั้น
ผลจากการอัพเกรดแบตเตอรี่เป็น 100 kWh บวกกับการ set up พิเศษอีกนิดหน่อย ทำให้ Tesla Model S สามารถทำความเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 2.5 วินาทีเท่านั้น และวิ่งได้ระยะทางทั้งหมด 500 กิโลเมตรจากการชาร์จ 1 ครั้ง (จากเดิม 470 กิโลเมตร) และอัพเกรด Tesla Model X ให้ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 2.9 วินาที วิ่งได้ระยะทางทั้งหมด 460 กิโลเมตรจากการชาร์จ 1 ครั้ง (จากเดิม 400 กิโลเมตร)
แต่แน่นอนว่าจากสมรรถนะที่เทียบเคียงกับ Hypercars ราคาหลายสิบล้านได้ ราคาค่าตัวของ Tesla Model S และ Model X ในแบตเตอรี่ขนาด 100 kWh จึงไม่ใช่ราคาถูกๆ แน่นอน ด้วยราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มประมาณเกือบสี่แสนบาท ทำให้ราคาของ Model S 100kWh ไปแตะอยู่ที่เกือบ 5 ล้านบาท (ราคาในอเมริกา) ซึ่งส่วนตัวเรามองว่า ถ้าจ่ายราคานี้ ไปซื้อ Ferrari หรือ Porsche ขับดีกว่า ยังไงก็ยังได้ feeling กว่ากันเยอะ ยกเว้นจะเป็นคนชอบความทันสมัย และคิดว่าแบตเตอรี่รุ่นกลางๆ ก็พอแล้ว อันนี้ต้องไปทาง Tesla แน่นอน เพราะราคาเริ่มต้นอยู่ที่สองล้านบาทเท่านั้นเอง แถมแบตเตอรี่รุ่น 60 kWh กับ 70 kWh คือแบตลูกเดียวกัน เราสามารถจ่ายเงินเพื่อเพิ่มพลังได้ ในขณะที่แบต 100 kWh เป็นแบตคนละลูกกันอย่างชัดเจน
เบื้องต้น Tesla คาดว่าจะมีกำลังการผลิตรถรุ่นบ้าพลัง Model S P100D และ Model X P100D ได้สัปดาห์ละ 200 คันเท่านั้น ซึ่งราคาที่แพงนี้จะเป็นแหล่งเงินทุนชั้นดีในการพัฒนารถรุ่นใหม่อย่าง Model 3 ของ Tesla ในอนาคต งานนี้ไม่รู้ว่าค่ายรถยนต์อื่นๆ จะทำหน้ายังไง จะเดินหน้าพัฒนาแค่ Hybrid Plug-in ต่อไป หรือถึงเวลาแล้วที่ต้องโฟกัสไปทางพลังงานไฟฟ้า 100%