Business

THE ART OF BUSINESS: สูตรสำเร็จการบริหารจัดการของ รวิศ หาญอุตสาหะ แห่งศรีจันทร์สหโอสถ

By: Lady P. August 20, 2020

ถ้าพูดถึง CEO ไฟแรงที่น่าจับตามองในขณะนี้ สปอตไลท์คงต้องส่องไปที่ คุณรวิศ หาญอุตสาหะ หรือพี่แท๊ป ผู้บริหารไฟแรง แห่งบริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เจ้าของเพจ Mission to the moon ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 300,000 คน เจ้าของ Podcast ชื่อดังอย่าง Superproductive Podcast และหนังสือติดอันดับมากมายอย่าง Marketing ลิงกลับหัว, คิดจะไปดวงจันทร์ อย่าหยุดแค่ปากซอย, Superproductive และอีกหลายเล่มที่คุณต้องไปติดตาม

เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว เราคงไม่พลาดที่จะมาเจาะลึก สูตรสำเร็จในการบริหารจัดการสไตล์พี่แท๊ปกันว่า มีเคล็ดลับการบริหารจัดการอย่างไรให้ประสบความสำเร็จทั้งด้านการทำงาน รวมถึงการได้ทำสิ่งที่ตนเองรักอีกด้วย

 

วิธี Motivate ตัวเอง ให้เป็นคนที่ Superproductive ตลอดเวลา สม่ำเสมอโดยไม่ท้อไม่หมดแรง

พี่แท๊ป : จริง ๆ ต้องบอกว่าก็ไม่ได้ productive ตลอดเวลาขนาดนั้น ก็มีวันที่หนืด ๆ นอนเฉย ๆ เหมือนกัน หลายคนอาจจะคิดว่าพี่ทำงานตลอดแต่ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ ความจริงเราก็ต้องพักเหมือนกัน เผอิญช่วงนี้อาจจะต้องทำงานเยอะนิดนึงตั้งแต่มีโควิด มันก็มีอะไรเข้ามาหลายเรื่อง แต่ว่าเรื่องนึงที่พี่พยายามทำจริง ๆ คือ การดูแลสภาพจิตใจของเรา ซึ่งเกี่ยวข้องกับแรงผลักในการทำงานเยอะมาก

ถ้าถามว่าเคล็ดลับคืออะไร เคล็ดลับจริงๆ ไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าใครรู้สึกว่าเหนื่อย ๆ หรือท้อ ๆ เนี่ย อยากให้เริ่มต้นจากกลับมาดูร่างกายของตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก และต้องดูแลเรื่องการกิน เรื่องนอน เรื่องการออกกำลังกาย 3 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แบบ super basic แต่ว่าสำคัญมากจริงๆ เพราะว่าถ้าร่างกายเรามีพลังแล้วเนี่ย เดี๋ยวพลังใจมันจะตามมา คือต้องเริ่มจากการมีพลังในตัวเองก่อน

การจะทำงานให้ Productive ได้ อีกสิ่งที่ผลักดันคือ การรู้จักเวลาของตัวเอง พี่ก็ไม่มีเคล็ดลับอะไรมาก เพียงแต่ทุกคนจะมีเวลาของตัวเอง หมายความว่า บางคนเนี่ย ช่วงเวลาเช้าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด บางคนอาจจะเป็นช่วงเวลากลางคืน พี่ก็จะมีเพื่อนหลายคน ในวงการพวกครีเอทีฟ เค้าจะคิดไม่ออกจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน

จริง ๆ มันมีหนังสือเล่มนึงที่เขียนเลยว่า ทุกคนมีช่วงเวลาไม่เหมือนกัน สำคัญคือเราต้องหาเวลาขอตัวเองให้เจอก่อน เวลาของเราเป็นแบบไหน อย่างพี่เป็นคนทำงานได้ดีในช่วงเช้า ช่วงเช้าพี่ก็จะพยายามทำงานที่มันยาก ๆ ก่อน  พูดง่าย ๆ คือ งานใช้สมองน้อยกว่า ก็จะไปทำช่วงเวลาอื่นแทน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้สำคัญมาก ต้องรู้จักตัวเองว่าเราเป็นคนประเภทไหน ทำงานเวลาไหนดีที่สุด ค้นหาเวลาที่เหมาะสมกับตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก


 

การบริหารจัดการองค์กรให้ประสบความสำเร็จในสไตล์ของพี่แท็บ

พี่แท๊ป : พี่ว่าตอนนี้หลักวิธีการบริหารของพี่ก็ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่พี่เชื่อ อีก 5 ปี 10 ปีต่อจากนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ การดูแลสภาวะจิตใจ Motivation และ Passion ของทีมงานและของเราเองด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือทำงานด้านที่เป็น Human Side มากขึ้น

เปรียบเทียบให้เข้าใจแบบนี้ ถ้างานในอดีตมันจะมีความเป็น Transactional ก็คือคุณมาตอกบัตร 8 โมง คุณเอางานมาส่งเราแลกค่าจ้างกัน แต่ยุคปัจจุบันมันไม่ใช่ การทำงานยุคนี้ มัน blend in ไปหมด เรามีสังคมที่ทำงาน งานเป็นส่วนนึง บางทีงานก็อยู่ที่บ้าน ยิ่งช่วงนี้เรา work from home จุดเส้นมันเบลอมาก แรงผลักดันของคนที่มาทำงานมันก็ไม่ใช่แบบเดิมที่เป็น Transactional base แบบเอ้ยชั้นมาทำงานแค่นี้ก็จบ มันจะเป็นอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องคนมากกว่านั้น

ดังนั้น เวลาของพี่เองวัน ๆ นึงเลยผ่านไปกับการพยายามพัฒนาและดูแลบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ  อย่างแรกคือ ต้องให้เค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นส่วนหนึ่งและมีคุณค่าต่อบริษัท  สองคือ มีเป้าหมายเดียวกัน และสามคือ อะไรที่คุณทำไป มันส่งผลกับภาพอะไรที่ใหญ่กว่าตัวเรา ซึ่งของพวกนี้มันเป็น Soft Skills หมดเลยเนอะ มันเป็นเรื่องของการพูดคุย สังเกต สื่อสาร ที่ต้องเรียนรู้ในทุกวัน แล้วชีวิตพี่ก็จะวน ๆ อยู่กับสามเรื่องนี้เป็นหลัก เพราะพี่เชื่อว่าบุคลากรคือส่วนที่สำคัญมากในการขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จ


ช่วง Covid-19 คนทำงานอยู่บ้านเยอะขึ้น บางคนเริ่มมีความรู้สึกว่าเคว้ง ทำงานบริษัทต่อไปดีมั้ย หรือควรจะออกมาทำงานของตัวเองเลย มีคำแนะนำอย่างไร

พี่แท๊ป : ต้องสำรวจตัวเองก่อนคือ ถ้าเรารู้จักตัวเอง เราจะรู้เลยว่าเราเหมาะกับงานไหน เพราะว่างานแต่ละอย่างมันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ทีนี้คำถามคือ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากกว่ากันในโลกอันวุ่นวายยุ่งเหยิงตอนนี้ แล้วงานอะไรเหมาะกับเรามากที่สุด

พี่แนะนำให้ลองเขียนไดอารี่ดูครับ ลองเขียนเป็นระยะเวลาสักช่วงนึง อาจจะสักสามเดือน แล้วลองดูว่าในสามเดือนนั้น อะไรทำให้เราดีใจ เสียใจ อะไรทำให้รู้สึกหงุดหงิด รำคาญ หรือสงบ มนุษย์คิดว่าเราจำเรื่องของตัวเองได้ดี แต่ความจริงแล้วเราจำไม่ค่อยได้ นอกจากจะต้องถูกบันทึกไว้ในฟอร์ม พอเรามาเริ่มอ่านเราจะเห็นทันทีว่าเราเป็นคนประเภทไหน เราเป็นคนที่มีความสุขเมื่อเราอยู่แบบสงบ หรือเราอาจจะมีความสุขเมื่อใช้ชีวิตอย่างสุดทางออกไปปาร์ตี้ชอบท่องเที่ยว คือมันจะบอกได้ว่าสิ่งที่เราอยากได้ กับแนวทางการดำเนินชีวิต การค้นพบว่าอาชีพของเราจะเป็นยังไงด้วย พอเราเข้าใจตัวเองปุ๊บ คำถามว่าเราจะทำงานออฟฟิศดีมั้ยหรือออกไปทำของตัวเองดีมั้ยเนี่ย มันก็จะตอบได้ง่ายขึ้น คือต้องรู้จริง ๆ ว่าเราอยากได้อะไร


 

ในช่วง COVID-19 ถือเป็นช่วงวิกฤตที่หนัก Leadership Skill ที่ทำให้เราผ่านวิกฤตได้คืออะไร

พี่แท๊ป : อันแรกเลยนะครับ สำคัญที่สุดคือ “ปรับตัวให้เร็ว” เราต้องปรับโหมดไปสู่สถานการณ์วิกฤต ซึ่งในครั้งนี้พี่ขอเรียกว่า War Time Situation สภาวะฉุกเฉิน สภาวะสงครามเนี่ย มันไม่เหมือนกันนะโหมดของผู้บริหารจะต้องเปลี่ยน ความสำคัญมันจะเปลี่ยนทันที อย่างเช่นสิ่งสำคัญสมัยก่อน เราจะให้ความสำคัญกับเรื่องของกำไรขาดทุนเยอะที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ใช่แน่นอน ความอยู่รอดสำคัญกว่า คือจะขาดทุนก็ได้ไม่เป็นไร แต่ต้องอยู่รอดก่อนอันนี้คืออันที่หนึ่งที่เราคิดว่าเราจะต้องทำ

พอเราปรับโหมดเป็นแบบนี้ จะเห็นทันทีว่าเราลงทุนกับเรื่องอะไร พอเราจัดลำดับความสำคัญใหม่เราจะรู้และโฟกัสเรื่องอะไร ยกตัวอย่างเช่น ในช่วง Covid- 19 ตอนนั้น สิ่งแรกที่เราต้องโฟกัส คือจะทำอย่างไรให้มี Cashflow ให้ได้ ให้มีกระแสเงินสด จะขาดทุนช่วงนี้ไม่เป็นไรแต่กระแสเงินสดต้องดีก่อน เพราะเรารู้ว่าถ้ากระแสเงินสดขาดปุ๊บ มีปัญหาทันที ดังนั้นแผนเราก็เปลี่ยนไปในทางนั้น

อันที่สอง พี่คิดว่าเราต้องถามตัวเองว่าเราอยากเป็นหัวหน้าแบบไหนในตอนที่เกิดวิกฤตแบบนี้ เพราะว่าเวลาปกติคนจำเราได้ประมานนึง แต่ว่าเราจะจำหัวหน้าในยามวิกฤตได้มากๆ เลย ผู้นำในยามวิกฤติจะถูกจดจำว่าสิ่งที่ทำ ทำอะไร พี่ก็ถามตัวเองว่าเอ๊ะเราอยากทำอะไรในช่วงวิกฤตแบบนี้ อย่างพี่อันดับแรก พี่นึกถึงพนักงานบริษัทเป็นสำคัญ พี่เลยคุยกับผู้ถือหุ้นว่าปีนี้วิกฤติมันหนักมาก เพราะฉะนั้นเราไม่ควรนึกถึงกำไรขาดทุน สิ่งที่เราควรจะตั้งเป้าหมาย คือทำอย่างไรให้ไม่ต้องลดคน ไม่ต้องลดเงินเดือนใคร นอกจากผู้บริหารระดับสูงคือพี่กับพวก C level อีกสองสามคนที่สมัครใจลดเงินเดือนตัวเอง เพื่อเป็นเชิงสัญลักษณ์ในการจะพาทีมฝ่าวิกฤตนี้


 

พูดถึงการสร้างแบรนด์ของตัวเอง 3 คำแนะนำให้กับคนที่อยากสร้างแบรนด์ใหม่ในยุคหลัง COVID-19

พี่แท๊ป : จากประสบการณ์ส่วนตัวในการสร้างแบรนด์  ข้อแรก ต้องคุยกับลูกค้าเยอะ ๆ คือยุคนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจหรอกว่าเราอยากทำอะไร คือสำคัญว่าเราทำเสร็จแล้วเค้าอยากซื้อหรือเปล่า เพราะฉะนั้นคำตอบที่คิดแทนลูกค้าได้ว่าเราชอบแบบนี้ ลูกค้าต้องชอบแน่ ๆ เลย มันไม่ได้ ดังนั้นต้องทำการบ้านดี ๆ

สอง คือ อาจจะทดลองแบบเล็ก ๆ ก่อน การทดลอง มันไม่ใช่แค่ประหยัดเงินอย่างเดียวนะ เพราะว่ายังไง มันก็ต้องมี Failure ระหว่างทางอยู่ละ มันยังเป็นการเรียนรู้ที่ดีด้วย คือถ้าเกิดเราทำใหญ่ทีนึงเลยเนี่ย โอกาสการเรียนรู้มันก็คือ 1 ครั้ง แต่ถ้าเราเอาเงินก้อนนั้นมาแบ่งเล็กๆ เป็น 3-4 ก้อน มันจะทำให้ได้โอกาสเรียนรู้เพิ่มขึ้น

การเรียนรู้เหล่านี้มันทำให้เราเข้าใจสินค้าและแบรนด์ได้อย่างถูกต้อง ถูกใจลูกค้า อย่าลืมว่าเราไม่ทำมาขายตัวเอง การติดตามรับ feedback จากลูกค้ากลับมา ไปติดตามดูคู่แข่งว่าเค้าทำอะไรกัน เรื่องนี้สำคัญมาก ต้องมีกระบวนการในการติดตามที่ชัดเจน

บางคนทำแล้วขายดี ก็ต้องรู้นะขายดีเพราะอะไร ขายไม่ดี ก็ต้องรู้นะว่าขายไม่ดีเพราะอะไร นี่คือกระบวนการ เพราะถ้าเกิดไม่รู้ วันที่เราขายดีแล้วไม่สนใจว่าเราขายดีเพราะอะไร วันนึงจะหายไปเลยนะ เพราะเราไม่รู้ไง เราไม่สามารถที่จะ repeat หรือทำซ้ำได้อีก เพราะเราไม่รู้มันเกิดจากอะไร

ซึ่งมันคือสิ่งที่สามคือ ต้องรู้จักติดตาม Follow up ฟิตแบคจากลูกค้า


 

ในยุคที่ทุกอย่าง Go Online หลายคนอยากทำเพจให้ประสบความสำเร็จแบบ Mission to the moon มีคำแนะนำอย่างไร

พี่แท๊ป : จริง ๆ ก็ไม่ได้มีสูตรลับอะไร คือ ถ้าจะเริ่มทำใหม่ ๆ ต้องเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่รู้สึกทรมาน อันนี้สำคัญมากเลยนะ ไม่ทรมานเช่น ไม่ทรมานด้านความถี่ ไม่ทรมานด้านการทำคอนเทนท์ เราจะต้องทำอยู่ในสเกลที่รู้สึกว่าฉัน happy เพราะว่าอะไรรู้มั้ย เพราะว่าแรก ๆ ยังไงมันก็จะได้รับผลตอบรับที่ไม่ดี ด้วย Facebook Algorithm ที่ถูกปรับ Reach ให้คนเห็นน้อยเหลือเกิน สิ่งเดียวที่จะทำให้เราทำต่อไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งจะเป็นข้อสองที่พี่พูดถึงนี่ ก็คือความสุขที่เราได้ทำ ถ้าเราทำแล้วเรารู้สึกว่ามันฝืนหว่ะ ทำไมฉันเบื่อมากเนี่ย อันนี้ไม่ดีละแสดงว่าเรามาผิดทาง

อีกสิ่งที่สำคัญคือ ต้องสม่ำเสมอ คำว่าสม่ำเสมอไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกวัน แต่ว่าต้องทำอย่างสม่ำเสมอคือพูดง่าย ๆ คือ คนติดตามเราเค้าต้องรู้ว่า เห้ยมึงจะมาเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าแบบโอ้โหช่วงนึงที่แบบคึก ทำขึ้นมา 4-5 อันแล้วหายไปเดือนนึงอะไรอย่างนี้ แบบนี้คงไม่ดีแน่

ต้องเป็นสิ่งที่ทำแล้วไม่รู้สึกทรมาน ทำแล้วมีความสุข สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ


คำถามสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่ หรือคนทำงาน ส่วนใหญ่ “อยากเป็นนายตัวเอง” การที่จะเป็นนายตัวเองได้ในมุมมองของพี่ ต้องมี mindset ยังไงบ้าง

พี่แท๊ป : อันแรกเลยเนี่ย โลกยุคใหม่อ่ะนะคือต้องบอกว่า มันไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่า อะไรจะเป็นสิ่งที่สำคัญ อะไรจะเป็นธุรกิจที่ดี ไม่สามารถตอบได้จริง ๆ สมัยก่อนจะตอบง่ายกว่านี้นะครับ สมัยนี้ตอบยากมากเพราะว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนเร็วมาก เพราะฉะนั้น ข้อที่หนึ่งเลยสำคัญมากก็คือ ต้องรักการเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ถ้ามีคนถามพี่ว่าตอนนี้สกิลอะไรสำคัญที่สุด พี่ตอบเลยว่าสกิลในการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ นี่แหละสำคัญสุด เพราะว่าสิ่งที่คุณรู้วันนี้ ปีหน้ามันอาจจะหมดอายุแล้ว มันอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นความสามารถในการเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ตลอดเวลาเนี่ย เป็นเรื่องที่เราจะต้องฟัง มันต้องฝึกนะครับเพราะว่าโดยพื้นฐานแล้วเนี่ย เราจะเหนื่อย ฉันขี้เกียจเรียนแล้ว แต่มันต้องเรียน มันต้องเรียนรู้เป็นประเด็นสำคัญ

อันที่สองก็คือว่าต้องเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง เพราะตอนนี้โลกอยู่ใน stage แบบนั้นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เราเคยเชื่อว่ามันเป็นจริง พรุ่งนี้เมื่อมันไม่จริงแล้วเนี่ย เราต้องยอมรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงได้ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ

ข้อที่สามพี่คิดว่าการพยายามสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งแวดล้อมในที่นี้หมายถึงคนที่เราคุยด้วย เพื่อนที่เราคบด้วย หนังสือที่เราอ่าน หรือแม้แต่แอปพลิเคชั่นในมือถือ เพราะว่าเราเจอกันทุกวัน ของพวกนี้มันคอย shape ความเป็นตัวเรามากขึ้น มันต้องระวัง ซึ่งระวังในที่นี้หมายถึงว่า ถ้าสิ่งแวดล้อมมันไม่ดี มันก็จะ shape เราไปในทางที่ไม่ดีเหมือนกัน เพราะว่าของทุกอย่างที่เราเห็น คนประสบความสำเร็จที่เราเห็น อะไรที่มันเป็นอัศจรรย์มาก ๆ ดูแล้วแบบโหเค้าทำได้ยังไง มันเริ่มจากกิจกรรมเล็ก ๆ ของเค้าที่ทำทุกวันประกอบกัน ซึ่งเราเองก็ต้องคอยดูแลเรื่องพวกนี้ให้ดี

Lady P.
WRITER: Lady P.
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line