Life

ขอบคุณที่ทำร้ายกัน! วิธีเอาคืนแบบคนจริง “ยิ่งนิ่ง ยิ่งมีความสุข ยิ่งแก้แค้นได้สาสม”

By: PSYCAT June 18, 2020

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อสวมวิญญาณของ John Wick หรือรับบทบาทจอมยุทธในหนังจีนกำลังภายในไปเสียทุกคน ดังนั้นเมื่อเราถูกทำร้าย ไม่ว่าจะมาในรูปของการโดนดูถูก โดนเหยียดหยาม หรือแม้แต่โดนแฟนเททิ้งแบบเจ็บแสบ หลายครั้งที่การโดนทำร้ายนั้นไม่ได้ทำให้แค่รู้สึกเศร้า ปวดเจ็บ แต่มันปนมากับความโกรธสุมทรวง อยากเอาคืนให้สาสม!

แต่จะให้ลุยดะแบบพระเอกหนังที่ดูก็ใช่ว่าจะจบสวยเสมอไป แถมราคาที่ต้องแลกกับการเอาคืนในรูปแบบระเบิด ภูเขา เผากระท่อมก็สูงลิบ แล้วเราพอจะเอาคืนในทางไหนได้บ้าง? เพื่อให้ความเจ็บบรรเทา ความเศร้าจางลง และความโกรธลดระดับลงได้?

แม้การบอกให้ลืม ๆ ไปเถอะดูจะง่ายที่สุด แต่การปล่อยวางมักเป็นเรื่องง่ายเสมอเมื่อเราไม่ได้เจอกับตัวเอง จริง ๆ แล้ว “การล้างแค้น” ไม่ใช่แค่เรื่องเอาคืนให้สะใจเท่านั้น ทว่างานวิจัย Combating the sting of rejection with the pleasure of revenge: A new look at how emotion shapes aggression ระบุว่าเมื่อเราถูกทำให้ขุ่นเคือง โกรธขึ้ง หรือเจ็บปวด กระบวนการล้างแค้นเอาคืนมีผลอย่างมากที่เยียวยาเราจากอารมณ์เหล่านั้นเพื่อให้กลับมาสู่สภาวะปกติ

ดังนั้นแทนที่เราจะเอาแต่บอกว่าให้ลืม ๆ มันไปเถอะ ปล่อยวางกันนะ เราอาจลองมองการเอาคืนในฐานะ สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น และวิธีแก้แค้นนั้นก็ไม่ได้มีแค่การระเบิดความรุนแรงเท่านั้น UNLOCKMEN อยากชวนคุณมาแก้แค้นแบบคนจริง ยิ่งแก้แค้น ยิ่งพัฒนา ยิ่งแก้แค้นเรากลับยิ่งดีขึ้นผิดหูผิดตาจนคนที่ทำร้ายเราอาจตามเราไม่ทันอีกต่อไป

สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความรัก ไม่ใช่ความเกลียด แต่อาจเป็นการเฉยชา

เมื่อโดนสาวทิ้งมันช่างเจ็บปวดหัวใจ รอยแผลเลือดซิบนี้อีกนานแสนนานก็คงไม่มีวันหาย แทนที่เราจะครุ่นคิดว่าเอาคืนแบบไหนให้เจ็บแสบที่สุด? ทำอย่างไรดีให้เธอเข้าใจว่าเราเกลียดเธอเข้าไส้?

เราอยากบอกคุณว่าบางทีวิธีเอาคืนที่ง่ายกว่านั้นคือการตระหนักให้ได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความรัก ไม่ใช่ความเกลียดเสมอไป แต่อาจเป็น “ความรู้สึกเฉยชา” ที่คุณไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมานกับไฟเกลียด ไฟโกรธที่สุมทรวง แถมยังมูฟออนกับชีวิตตัวเองต่อไปได้โดยไม่ต้องจมปลักกับเรื่องเก่า ๆ

ลองจินตนาการว่าถ้าคุณตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานล้ำค่าขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้วส่งให้คนทั้งองค์กรดู การมีคนวิจารณ์งานคุณ หรือบอกให้คุณแก้ตรงไหน ปรับตรงไหน หรือแม้กระทั่งบอกว่ามันห่วยอย่างไร นั่นแปลว่าพวกเขาสนใจงานคุณ และให้เวลากับมันมากพอที่จะรู้ว่ามันแย่อย่างไร ในทางกลับกันถ้าคุณตั้งใจมาก แต่คนทั้งองค์กรเพิกเฉย ไม่พูดถึง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และปล่อยงานนั้นเงียบหายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่ คุณว่าแบบไหนที่คุณจะเจ็บปวดมากกว่ากัน?

การเฉยชา ไม่พูดถึง ไม่สนใจ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราจะประกาศกับตัวเองและใครคนนั้นที่ทำให้เราเจ็บว่า “จริง ๆ คุณไม่ได้มีความหมายอะไรในชีวิตผมด้วยซ้ำ”

ส่วนอีกฝั่งจะเจ็บปวด (หรือไม่เจ็บปวด) เท่าที่เราเคยรู้สึกหรือไม่นั้น มันไม่สำคัญเท่าการที่เรารู้ว่าจริง ๆ แล้ว คนที่ทำร้ายเราก็ไม่ได้มีค่ามากพอที่เราจะเสียเวลาดี ๆ ในชีวิตเราไปเลย แรก ๆ มันอาจไม่ง่าย แต่ถ้าลองตั้งหลักให้ได้ การเฉยชานี่เองที่สาสมยิ่งกว่าการโต้ตอบเสียอีก

ขอบคุณที่ทำร้ายกัน: เมื่อเขาหวังให้เราแย่ แต่เรากลับ “ดีกว่าเดิม”

ถ้ามีความเจ็บปวดใดที่ทำให้เราผูกใจเจ็บจนอยากแก้แค้น โกรธจนอยากเอาคืน ก็พอจะอนุมานได้ว่าอีกฝั่งตั้งใจทำให้เราล้ม ทำให้เราเสียหลัก ซึ่งอาจมาในรูปแบบของการพูดจาดูถูก สบประมาท ขัดแข้งขัดขา ดังนั้นถ้าเป้าหมายของเขาคือการทำให้เราสะดุดล้มลง จนไปต่อไม่ได้ หรือแย่ลง การแก้แค้นที่ดีที่สุดจึงเป็นการดีขึ้นทุกวัน มีความสุขทุกวันนั่นเอง

เมื่อถูกทำร้ายแล้วเราจะโกรธแสนโกรธ เกลียดแสนเกลียด แต่ถ้ามัวแต่เอาเวลาไปโต้ตอบนั่นหมายความว่าเราเองก็มีส่วนทำให้สิ่งที่เขาต้องการนั้นสำเร็จลุล่วง เพราะฉะนั้นการพัฒนาตัวเองในสิ่งที่เขาจงใจทำร้ายหรือดูถูก การมีความสุขเมื่อเขาหวังให้เราทุกข์ ทำตัวเองให้ดีขึ้นในทุกด้าน คือการเอาคืนที่สาสม และเป็นผลดีกับตัวเราในทุกทาง เมื่อนั้นเราอาจเจอเขาแล้วบอกเขาว่าขอบคุณที่ทำร้ายเราด้วยซ้ำ

“โทษทีนะครับ ผมเป็นมืออาชีพพอ”

หลายครั้งคนที่มุ่งร้ายกับเรา ไม่ยอมรามือไปง่าย ๆ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม แถมต่อหน้าเรา เขาก็ทำตัวปกติกับเราทุกอย่าง แต่กลับไปตั้งสเตตัสลอย ๆ คอมเมนต์แซะ ๆ หรือบางครั้งก็พูดลับหลังเราเสีย ๆ หาย ๆ และไม่ว่าเราจะพยายามพูดคุยถามไถ่ตรง ๆ ต่อหน้าแค่ไหน เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรตลอด

การทำร้ายที่มาในรูปแบบการบั่นทอนให้เสียสุขภาพจิตแบบนี้เป็นเรื่องเหนื่อยเปล่าที่จะเอาคืน (หรือแม้แต่จะหาสาระกับคนที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาตรง ๆ ) ดังนั้นเพื่อรักษาสุขภาพจิตของเรา วิธีการโต้ตอบที่ดีที่สุดคือลดระดับการมองเห็น ถ้าเป็นในโซเชียลมีเดียแนะนำให้อันฟอลโลว์ เพราะการที่เขายังต้องทำดีต่อหน้าเราแปลว่าในชีวิตจริงเขาเองก็มีสิ่งที่ต้องพึ่งพาหรือปฏิสัมพันธ์กับเราอยู่

ดังนั้นการเอาคืนที่ดีที่สุดคือการเป็นมืออาชีพที่สุด ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานก็ร่วมงานกันเพื่อแสดงความเป็นผู้ใหญ่ให้เขาเห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นช่างไร้สาระเพียงใด ในขณะที่อะไรที่เขาทำเพื่อพยายามยั่วโมโห และทำให้เราหลุด เรายิ่งต้องรู้เท่าทันด้วยการไม่ต้องใส่ใจ ใช้ความเป็นมืออาชีพเข้าตอบโต้ดีที่สุด

เมื่อล้ำเส้น “ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย”

มีเส้นแบ่งบางอย่างที่เราเองรู้ดีว่าอีกฝั่งทำร้ายเราโดยเจตนาหรือไม่เจตนา และความร้ายแรงอยู่ในระดับไหน ดังนั้นเมื่อใดที่เราตระหนักว่าเขาล้ำเส้นไปสู่การละเมิดเรา ไม่ว่าจะทางคำพูดหรือการกระทำ แปลว่าคนเหล่านี้ไม่คู่ควรที่เราจะเอาอะไรไปแลกด้วยทั้งสิ้น

การโต้ตอบที่เหมาะสมที่สุดจึงเป็นการดำเนินคดีตามกฎหมาย การละเมิดนั้นมีหลายมิติ ต่อให้เขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายเราแม้แต่น้อย คำพูดก็เป็นการละเมิดด้วยเช่นกัน เช่น ความผิดฐาน “หมิ่นประมาท”

ความผิดฐานหมิ่นประมาทมีทั้งโทษอาญา และการหมิ่นประมาททางแพ่ง หากไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนลองศึกษาด้วยตัวเอง หรือจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายสักคน เพราะไม่ว่าจะโกรธหรือเกลียดกันเพียงใดก็ไม่มีสิทธิลำเส้นมาละเมิดเราด้วยประการทั้งปวง และหากสื่อสารกันไม่เข้าใจ การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็เป็นอีกทางออกหนึ่ง

การแก้แค้นเอาคืนไม่ใช่ทางออกเสมอไป แต่ในบางแง่การแก้แค้นก็เป็นอีกมิติหนึ่งที่เราเยียวยาความเจ็บปวดบางอย่างให้ตัวเอง ดังนั้นการแก้แค้นไม่จำเป็นต้องลงเอยด้วยการทำให้อีกฝั่งเจ็บปวดเสมอไป (ตราบใดที่ไม่ล้ำเส้น) เพราะการแก้แค้นที่ดีที่สุดคือการที่เราตระหนักได้ว่าคนพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรกับชีวิตเรา คือการที่เราใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้าได้อย่างมีความสุข และพัฒนาตัวเองไปได้ไกลแสนไกลกว่าคนที่ทำให้เราเจ็บปวด

ถ้าการแก้แค้นคือกระบวนการปลดปล่อยทางความรู้สึกอย่างหนึ่ง สิ่งแรกที่เราควรปลดปล่อยก็คือตัวเราเอง เอาเวลาที่จะต้องสูญไปกับคนเหล่านั้น มารักและใจดีกับตัวเองให้มากเข้าไว้ เราเชื่อว่านี่คือวิธีเอาคืนที่เราจะต้องขอบคุณตัวเองในวันข้างหน้า

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line