Entertainment

จากเรื่องจริงในหน้าประวัติศาสตร์ของทีมกู้ภัย สู่ภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่ “THE FINEST HOURS”

By: unlockmen January 27, 2016

ย้อนกลับไป 60 ปีก่อน ในคริสตศักราช 1952 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ บริเวณนอกชายฝั่ง New England เกิดพายุขนาดใหญ่ “Nor Easter” ซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ความรุนแรงของมันนั้นส่งผลทำให้เรือ SS Fort Mercer และ SS Pendleton เรือบรรทุกน้ำมันสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หักเป็นสองท่อนและอับปางลง ความโชคร้ายเกิดขึ้นซ้ำสองเมื่อลูกเรือไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากชายฝั่งได้ มีเพียง Raymond Sybert, Chief Engineer ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตลูกเรือทั้งหมด และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เรือจมช้าที่สุดระหว่างรอความช่วยเหลือ แต่แล้วท่ามกลางความมืดมิด เรด้าของหน่วยยามชายฝั่งเมือง Catham Massachusetts ก็พบเจอกับ SS Pendleton ในขณะที่กาลังพยายามค้นหา SSFort Mercer เหตุการณ์น้ีจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวีรกรรมสุดกล้าหาญจากเหตุการณ์จริงสุดระทึก “Pendleton Rescue”

160127-finesthour-1

160127-finesthour-2

หัวหน้าหน่วยยามชายฝั่ง Bernard C. Webber (รับบทโดย Chris Pine จาก Star Trek) พร้อมทีมที่ประกอบด้วย Andrew Fitzgerald (รับบทโดย Kyle Gallner จาก American Sniper), Richard Livesey (รับบทโดย Ben Foster จาก Lone Survivor) และ Ervin Maske (รับบทโดย John Magaro จาก Unbroken) ตัดสินใจด้วยความกล้าหาญอย่างไม่กลัวตาย ฝ่าพายุที่รุนแรงออกไปช่วยชีวิตลูกเรือ SS Pendleton ด้วยเรือกู้ชีพลำเล็ก ซึ่ง Webber และทีมต้องพบเจอกับความยากลำบาก ไหนจะพายุที่รุนแรงถาโถมใส่พวกเขา สภาพอากาศเลวร้ายคลื่นซัดสูง 60 ฟุต เรือทีกำลังจะจมลง  เข็มทิศใช้การไม่ได้ รวมไปถึงความตื่นกลัว และการทำงานแข่งกับเวลาในการช่วยเหลือชีวิตลูกเรือ SS Pendleton เขาอาศัยความเชี่ยวชาญด้าน ยุทธิวิธีจากสงครามมาวางแผนในการเจาะเข้าส่วนท้ายเรือ ด้วยไหวพริบ และความกล้าหาญของทีมกู้ภ้ยที่มีเพียง 4 คน แต่พวกเขาสามารถช่วยชีวิตลูกเรือได้ถึง 33 คน ลงบนเรือกู้ชีพ 12 ที่นั่ง ถือเป็นภารกิจกู้ภัยที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ ความกล้าหาญเหล่านี้ส่งผลให้ Webber และทีมได้รับรางวัล Gold Lifesaving Medal เพื่อยกย่องในความเสียสละของพวกเขา

160127-finesthour-3

Walt Disney Pictures ได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของวีรบุรุษสุดกล้าหาญ กับวีรกรรมที่น่ายกย่องของหน่วยกู้ภัยนี้มาเผยแพร่ลงบนจอเงิน โดยได้ Craig Gillespie ผู้กำกับชื่อดังจาก Million Dollar Arm มานั่งแท่นกำกับพร้อมนำเรื่องราวประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่นี้มาตีความ และถ่ายทอดผ่านการเล่าเรื่องด้วยภาพยนตร์ที่มี Visual สุดตระการตาและสมจริง การถ่ายทำหลักของ “The Finest Hours” เกิดขึ้นทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Massachusetts ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2014 พวกเขาใช้โลเคชั่นที่เกิดเหตุจริง ซึ่งรวมถึงสถานีหน่วยป้องกันชายฝั่งจริงๆ ใน Catham ด้วย นอกจากนี้ฝ่ายศิลป์ยังได้จำลองส่วนต่างๆ ภายในเรือให้สมจริงมากที่สุด รวมไปถึงการใช้ชิ้นส่วนของเรือจริงมาประกอบเข้าในฉาก

160127-finesthour-4

160127-finesthour-7

ข้อมูลและรายละเอียดทั้งหมดในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับการยืนยันความถูกต้องจาก 2 อดีตเจ้าหน้าที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์  “Pendleton Rescue” ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันได้แก่ Retired Lieutenant Commander “Mel Gousthro” และ “Andy Fitzgerald” โดยทีมงานถ่ายทำได้ติดต่อเข้าไปเนื่องจาก Gillespie ผู้กำกับต้องการรู้ และเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ความสมจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้

160127-finesthour-5

160127-finesthour-6

Dorothy Aufiero โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เผยว่า “การจำลองความพยายาม และความกล้าหาญของทีมกู้ภัยลงบนจอเงินเป็นวิธีการที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่น่าจดจำของพวกเขาให้คนทั้งโลกได้รับรู้”

“บางคนมองว่าภารกิจกู้ภัยช่วยเหลือ SS Pendleton นั้นเป็นภารกิจฆ่าตัวตายมากกว่าเสี่ยงตาย แต่ผม ไม่เคยมองมันอย่างนั้น หน้าที่ของเราคือการช่วยเหลือคนและนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ” Fitzgerald วัย 84  ปีกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น

Chris Pine ผู้รับบท Bernard C. Webber ได้เล่าว่า “สิ่งที่ทีมกู้ภัย Catham ทำนั้นคือการออกไปเสี่ยงตาย มันไม่ใช่การกระทำเพื่อเกียรติยศ มันเป็นเพียงการทำงานของตัวเองให้เต็มความสามารถเท่านั้น”

และนี้คือบางส่วนของเรื่องราวสุดระทึกใจของ “The Finest Hours” หากคุณอยากรู้ว่าทีมกู้ภัยแห่ง Catham Massachusetts ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และต้องใช้ความกล้าหาญมากแค่ไหน สามารถเข้าไปรับชมความรู้สึกของการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ได้ในโรงภาพยนตร์แบบระบบ 4DX เพื่อความสมจริงที่สุด แล้วคุณจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ของทีมกู้ภัยนี้พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 28 มกราคม 2016 ทุกโรงภาพยนตร์

Trailer  

Behind the scene 

160127-finesthour-8

160127-finesthour-9

160127-finesthour-10

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line