Entertainment

THE OUTPOST เรื่องราวของสมรภูมิคัมเดช สู่การถ่ายทอดมุมมองสงครามผ่านภาพยนตร์ !

By: SPLESS November 19, 2020

เชื่อว่าภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงคราม คือเป็นหนึ่งในประเภทของภาพยนตร์ที่หนุ่ม ๆ หลายชื่นชอบ ขณะเดียวกัน ช่วงเวลาที่ผ่านมายังมีภาพยนตร์ที่อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงในสงครามหลายเรื่อง ที่สามารถสร้างความประทับใจรวมถึงมีส่วนสำคัญในการบอกเล่าประสบการณ์จากสมรภูมิต่าง ๆ ให้ผู้คนมีโอกาสรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันภาพยนตร์สงครามยุคใหม่ก็ผลักดันตัวเองและถูกพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่าเรื่องและเทคนิคการถ่ายทำ เพื่อให้เรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมามีความสมจริงมากที่สุด และในเวลานี้คงไม่มีภาพยนตร์สงครามเรื่องไหนที่น่าติดตามไปกว่า The Outpost ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมกัน

latimes

The Outpost คือภาพยนตร์ที่กำกับโดยล็อด รูลี่ ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากความประทับใจในหนังสือ The Outpost: Untold Story of American Lavor ที่นักข่าว CNN ท่านหนึ่งเขียน ขณะเดียวกัน The Outpost  ยังได้นักแสดงคุณภาพหลายคนมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นสก๊อต อีสวู้ด, เชเลป แลนดี้ รวมถึงการกลับมารับบทในภาพยนตร์สงครามอีกครั้งในรอบ 19 ปีของออร์แลนโด้ บลูม นับตั้งแต่ร่วมแสดงใน Black Hawk Down โดยตัวหนังกล่าวถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในสนามรบที่ถูกเรียกว่า สมรภูมิคัมเดช (Battle of Kamdes)

Battle of Kamdes

สมรภูมิคัมเดช (Battle of Kamdes) คือหนึ่งในการสู้รบที่เกิดขึ้นในสงครามอัฟกานิสถาน เมื่อปี 2009 กับเรื่องราวกองกำลังทหารสหรัฐอเมริกาจากหน่วย Bravo 3-61 จำนวน 54 นาย ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากการถูกล้อมโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้ายตาลิบันมากกว่า 300 คน

จุดของป้อมที่หน่วย Bravo 3-61 ประจำการอยู่ ถูกเรียกว่า Combat Outpost Keating หรือด่านนอกคีทติ่ง ซึ่งมีหน้าที่เป็นจุดสกัดหน่วยก่อการร้ายที่เดินทางข้ามมาจากชายแดนประเทศปากีสถาน อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยภูเขาสูงถึง 3 ลูก ส่งผลให้การถูกล้อมโจมตีในครั้งนั้น เป็นเหมือนกับดักท่ามกลางพลซุ่มยิงและเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี ซึ่งทุกคนในหน่วยจะต้องเอาชีวิตรอดไปจนกว่าการช่วยเหลือจะเดินทางมาถึง

ผู้รอดชีวิต ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์จริง  

NOLA

นอกจากเรื่องราวจริงที่ชวนติดตามแล้ว The Outpost ยังเป็นภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสมจริงซึ่ง The Outpost ได้รับความช่วยเหลือจากอดีตเจ้าหน้าที่จากหน่วย Bravo 3-61 ที่รอดชีวิต ซึ่งอาสามาทำหน้าที่ในการช่วยฝึกสอนเทคนิคการใช้ปืนและยุทธวิธีการจู่โจมของทหาร เพื่อช่วยให้การถ่ายทำสมจริงมากขึ้น ขณะเดียวหลายคนก็ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

ต่อในเวลาต่อมา พวกเขาเปิดเผยความรู้สึกว่า “ระหว่างการถ่ายทำ ฉากภาพยนตร์ที่สมจริงและเอฟเฟกต์ระเบิกต่าง ๆ ทำให้พวกเขาห้วนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด” อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องการมีส่วนร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ เพื่อให้เกียรติกับเพื่อนร่วมรบทั้ง 8 คน ที่ต้องสละชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น

TheOutpost

มุมมองการเล่าเรื่องที่แตกต่าง

อีกเหตุผลที่ทำให้ The Outpost เป็นหนังสงครามไม่ควรพลาดคือ เทคนิคการเล่าเรื่องที่ได้ยอดฝีมือด้านกำกับภาพอย่างลอเรนโซ่ ซาเนตาเล่ ที่เคยผ่านการคุมงานภาพให้กับภาพยนตร์อย่าง Wonder Woman และ Hellboy โดยรอบนี้เขาเลือกใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่คล้ายกับการถ่ายทำสารคดีซึ่งเต็มไปด้วยฉาก Long Take เพื่อหวังให้ผู้ชมรู้สึกว่า ตัวเองกำลังอยู่ในสมรภูมิรบเคียงข้างตัวละครไปตลอดทั้งเรื่อง พร้อมกับได้ทีมสตั๊นท์จากซีรีส์สงครามในตำนานอย่าง Band of Brother มาช่วยในเรื่องคิวการแสดงของฉากสงครามให้สมจริงมากขึ้นอีกแรง

The Outpost trailer

อย่างไรก็ตาม The Outpost ยังต้องการถ่ายทอดความโหดร้ายของสงครามที่เกิดขึ้น เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าความรุนแรงเหล่านี้ไม่เคยเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน รวมถึงอาจส่งต่อสงครามที่โหดร้ายไปสู่ผู้คนรุ่นต่อไปได้ด้วย

ทั้งหมดคือเหตุผลที่เราอยากให้หนุ่ม ๆ สายหนังสงครามที่ยังไม่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ The Outpost ได้ลองหาโอกาสพิสูจน์คุณภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตาตัวเองสักครั้ง เพื่อสัมผัสกับเรื่องราวการเอาชีวิตรอดที่ถูกสร้างขึ้นแบบใส่ใจในทุกรายละเอียด ส่วนคนที่รับชมไปแล้วสามารถมาแชร์ความรู้สึกหลังดูจบ แบบไม่สปอยเนื้อหากันได้ว่ามีความคิดเห็นยังไงกันบ้าง ?

Source: 1/2/3/4

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line