Entertainment

MOVIE GUIDE : 9 หนังไล่เชือดวัยรุ่นที่ควรดู ถ้าคุณตกหลุมรักเกม The Quarry

By: GEESUCH June 28, 2022

อาจจะดูช้าไปสักนิด แต่เกมที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยในตอนนี้คือ The Quarry สำหรับแฟนคลับหนังระทึกขวัญแนว ‘ฆาตกร 1 คน vs. กลุ่มวัยรุ่น’ นี่คือเกมของคุณครับ เพราะเกมนี้เขาสร้างองค์ประกอบต่างๆ แบบบูชาหนังไล่เชือด 80s เลย ทั้งรูปแบบตัวละครเด็กเนิร์ด, สาวพรหมจรรย์, นักกีฬาซื่อบื้อ มาพร้อมกับพื้นหลังที่ถูกจัดขึ้นในค่ายกลางป่า ติดริมทะเลสาป / The Quarry เล่าเรื่องของกลุ่มวัยรุ่น 9 คน ที่ใช้เวลาปิดเทอมฤดูร้อนก่อนจะเข้าสู่ชีวิตมหาวิทยาลัย เป็นอาสาสมัครพี่เลี้ยงเด็กของค่ายที่ชื่อว่า Hackett’s Quarry แต่ในคืนก่อนกลับบ้านพวกเขากลับต้องเจอกับเรื่องราวที่ไม่มีวันลืม …

The Quarry เป็นเกมที่มีฉากจบมากถึง 186 แบบ! ด้วยระบบเกมส์แบบเลือกเส้นทาง (Interactive) คำถาม-คำตอบที่ผู้เล่นเลือกจะมีผลต่อเส้นเรื่องและตัวละครเสมอ ซึ่งนับว่าผู้สร้างฉลาดมากที่เลือกระบบนี้กับเกมส์ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังแนวเล่นกับจริยธรรมของคนดูตั้งแต่เปิดเรื่อง เพราะวัฒนธรรมการดูหนังไล่เชือดจะบังคับให้เราเป็นนักสืบ และเดา+คิดว่าใครจะอยู่ใครจะไปเสมอ แต่ใน The Quarry จิรยธรรมนี้คุณต้องเป็นคนกำหนดเอาเองล่ะ ว่าจะรักษาขนบ Final Girl แบบคลาสสิกเอาไว้มั้ย?

สำหรับคนที่เล่นหรือดูแคสเกม The Quarry จบแล้วยังอารมณ์ค้าง UNLOCKMEN ชวนดูหนัง 9 เรื่องที่จะทำให้คุณอินกับเกมนี้มากกว่าเดิม


Friday The 13th (1980)

เรื่องย่อ: หลังจากที่เกิดเรื่องราวเลวร้ายในอดีตจนต้องปิดตัวลง ค่ายริมทะเลสาป Crystal Lake กำลังจะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง ด้วยกลุ่มวัยรุ่นอาสาสมัครพี่เลี้ยงค่ายกลุ่มใหม่ แต่พวกเขาและเธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเจอกับการนองเลือดครั้งใหญ่

หนังไล่เชือดคลาสสิกตลอดกาลของโลก (หมายถึงภาคแรกนะ) ที่น่าจะเรียกว่าเป็นภาพร่างของ The Quarry ได้เลย ทั้งฉาก เนื้อเรื่อง ถ้าดูเรื่องนี้ในปี 2022 ความน่ากลัวก็คงไม่ได้มากอะไร แต่สิ่งที่มันไม่ล้าสมัยเลยต้องยอมรับว่าเขาสร้างบรรยากาศความขนลุกได้ยอดเยี่ยม และฉากการตายของหลายตัวละครก็สวยเอามากๆ


Halloween (1978)

เรื่องย่อ: ในคืนวันฮาโลวีนปี 1978 ไมเคิล เมเยอร์หลบหนีออกจากโรงพยาบาลจิตเวช ที่ซึ่งเขาโดนจับเข้าไปเพราะลงมือฆ่าพี่สาวตัวเองเมื่อครั้งอดีต และจุดมุ่งหมายในครั้งนี้ของไมเคิลคือกลับไปบ้านเกิดอีกครั้ง พร้อมลงมือฆ่าอีกที

หนังสร้างชื่อของผู้กำกับ John Carpenter ที่สร้างไปด้วยทุนแสนต่ำทว่ากลายเป็นหนังระดับตำนาน พร้อมกับการเป็นไอคอนิคของไมเคิล เมเยอร์ คือนอกจากความดีงามที่คนดูจะได้เห็นการแสดงของ Jamie Lee Curtis ในสมัยวัยรุ่นแล้ว หนังเรื่องนี้มีบรรยากาศที่น่าขนลุกแบบที่ไม่เกี่ยงเลยว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน เขาทำให้โทนของความน่ากลัวปกคลุมได้ตลอดทั้งเรื่องจริงๆ


A Nightmare on Elm Street (1984)

เรื่องย่อ: ในคืนหนึ่ง แนนซี่ ธอมป์สัน ฝันประหลาดถึงผู้ชายชื่อ ‘เฟรดดี้ ครูเกอร์’ ผู้มีใบหน้าเนาะเฟะจากการถูกเผาใหม้ ซึ่งมาพร้อมกับถุงมือที่เป็นลักษณะกรงเล็บโลหะแหลมยาว แล้วจู่ๆ เพื่อนของเธอที่ฝันถึงเฟรดดี้เหมือนกันก็ทยอยตายอย่างประหลาด และแนนซี่คือเป้าหมายต่อไปของมัน

หนังแจ้งเกิดของ Johnny Depp กู้ชีวิตให้กับค่าย New Line Cinema และเป็นเรื่องดังของ Wes Craven ก่อนแฟรนไชส์ Scream ที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการ และแฟนตาซีกว่าหนังในยุคเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะสร้างความหวาดกลัวให้เหล่าวัยรุ่นในถนน Elm แล้ว ในชีวิตจริงวัยรุ่นในยุคนั้นก็กลัวที่จะต้องนอนหลับฝันกันเลยทีเดียว


I Know What You Did Last Summer (1997)

เรื่องย่อ: กลุ่มเพื่อน 4 คนมีเหตุจำเป็นให้ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งที่เมืองบ้านเกิดของตัวเอง เพราะว่าพวกเขากำลังถูกตามล่าจากฆาตกร ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นคนที่ถูกตัวเองขับรถชนในหน้าร้อนที่แล้ว พร้อมทิ้งศพปกปิดเป็นความลับไม่มีใครรู้ เพราะฆาตกรคนนี้ส่งข้อความมาถึงพวกเขาว่า “I Know What You Did Last Summer”

หนังที่สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันเรื่องนี้ อุดมไปด้วยนักแสดงวัยรุ่นสวย-หล่อคนดังแห่งยุค เช่น Jennifer Love Hewitt, Sarah Michelle Gellar, Freddie Prinze Jr. เป็นต้น ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือการเกินเรื่องอยู่บนฉากหลังที่น่าสนใจ อย่างการรียูเนี่ยนของเพื่อนเก่าอีกครั้งในบ้านเกิด เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครจากต้นเรื่องเข้ากลางเรื่องอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจในแต่ละเหตุการณ์มากๆ ที่ดีอีกอย่างคือเป็นหนังไล่เชือดซึ่งหนักไปทางสืบสวน


The Evil Dead (1981)

เรื่องย่อ: เมื่อกลุ่มเพื่อน 5 คน ตัดสินใจจะไปพักที่กระท่อมกลางป่า เพื่อบรรยากาศแห่งความสนุก แล้วบังเอิญมีคนหนึ่งเผลอปลดปล่อยผีวิญญาณร้ายออกมา คืนนั้นของพวกเขาจึงไม่ใช่การพักผ่อนหย่อนใจอีกต่อไป

หนึ่งในหนังที่เป็นแรงบันดาลใจให้โทนของซีรีส์ Stranger Thing ความสนุกของเรื่องนี้อยู่ตรงที่เรื่องราวนั้นเกิดขึ้นในคืนเดียว โลเคชั่นเดียว และตัวละครวัยรุ่นก็โดนตามล่าจากสิ่งที่ตัวเองไม่เชื่อตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งใครจะอยู่ใครจะรอดนั้น เดาได้ยากจริงๆ


Scream (1996)

เรื่องย่อ: หลังจากการตายของแม่ ซิดนีย์ก็เศร้าเสียใจอย่างหนัก แต่เธอไม่มีเวลามากนัก เมื่อมีฆาตกรต่อเนื่องคนใหม่มาที่เมือง และเป็นฆาตกรที่เหมือนจะรู้จักซิดนีย์เป็นอย่างดี แถมเป็นฆาตกรที่ชอบเล่นกับชีวิตเป็นเหมือนเกมส์ด้วย

หนึ่งในหนังแฟรนไชส์ไล่เชือดวัยรุ่นที่ดังที่สุดในโลก พร้อมกับหน้ากากหวีดปากกว้างที่ดังไปทั่วโลก ความสนุกของหนังเรื่องนี้คือการที่รวมกลุ่มวัยรุ่นเอาไว้เยอะๆ และสร้างความแตกต่างอันสุดโต่งให้แต่ละตัวละคร ที่ดีมากคือการการวางเรื่องให้ฆาตกรเป็นคนในที่ตัวละครรู้จักกันดี ก็สร้างความตื่นเต้นและอยากรู้ตลอดเวลา


The Final Girls (2015)

เรื่องย่อ: แมกซ์ เด็กสาวที่กำลังเสียใจให้กับการตายของแม่ ซึ่งเป็นดาราในหนังไล่เชือดยุค 80s พบว่าตัวเองถูกดูดเข้าไปในโลกของภาพยนตร์เรื่องดังที่แม่เธอเคยเล่นไว้ และแมกซ์จะต้องเจอกับการไล่ล่าของฆาตกรที่แม่ของเธอเคยถูกฆ่ามาแล้วในหนัง

น่าจะพูดได้ว่า The Final Girls ค่อนข้างแตกต่างกับหนังไล่เชือดวัยรุ่นเรื่องอื่นค่อนข้างมาก ด้วยความที่ตั้งใจให้แฟนตาซีจ๋าไปเลย แต่สิ่งที่ดีคือการที่หนังตั้งใจยกประเด็นวัฒนธรรม Final Girl ขึ้นมาเล่า ตั้งคำถาม พร้อมๆ กับล้อประเด็นวัฒนธรรมส่วนอื่นไปพร้อมกัน


American Horror Story: 1984 (2019)

เรื่องย่อ: ฤดูร้อนปี 1984 เพื่อนสนิททั้ง 5 คน หนีเมืองใหญ่ใน Los Angeles มุ่งหน้าสู่แคมป์ Redwood เพื่อเป็นพี่เลี้ยงของแคมป์ แต่อดีตแสนน่ากลัวก็ติดตามพวกเขามาด้วย

กลับมาอีกครั้งกับฤดูร้อน และค่ายริมทะเลสาป เรียกว่าเป็นซีซั่นของ AHS ที่แฟนๆ ว้าวกันมาก เพราะไม่คิดว่าจะออกมาแนวฆาตกรไล่เชือดวัยรุ่นแบบนี้ แถมยังทำย้อนยุค 1984 อีก ความสนุกและสยองรับประกันได้เลยสำหรับซีรีส์เรื่องนี้


House of Wax (2005)

เรื่องย่อ: เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินทางเพื่อจะไปดูแข่งฟุตบอล เกิดหลงทางไปยังเมืองประหลาดที่มีหุ่นขึ้ผึ้งเต็มไปหมด แต่เรื่องสยองเริ่มขึ้นตรงนี้ หุ่นขี้ผึ้งเหล่านั้นคือคนจริงๆ ซึ่งถูกฝาแฝดโรคจิตจับมาทำในตอนที่ยังเป็นๆ อยู่

เรื่องนี้อาจจะมีความเละเทะและโหดกว่าเรื่องอื่นสักหน่อย เพราะปูเนื้อเรื่องมาว่าจับทำหุ่นขี้ผึ้งก็เรียกว่าน่ากลัวมากแล้ว แต่สิ่งมีสิ่งหนึ่งที่ตลกอยู่อย่างคือการจับนักแสดง Chad Michael Murray กับ Jared Padalecki ที่เคยแสดงซีรีส์ Gilmore Girls มาอยู่ในเรื่องเดียวกัน ใครที่เคยดูก็จะพบว่าลบภาพจำได้ยากอยู่เหมือนกันนะ 555

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line