Business

The Real: ‘เพิท Ad Addict’ เปลี่ยนความคลั่งโฆษณามาทำธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

By: unlockmen April 25, 2023

“โฆษณา” เป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ทุกที่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเราจะมองไปที่ไหนก็ตาม ถึงแม้ว่า “โฆษณา” จะเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม หรือรำคาญจนจ้องจะกดข้ามมันไปภายในเสี้ยววินาที แต่สำหรับบางคน โฆษณาคือสิ่งมหัศจรรย์ที่เขาหลงใหลและมองเห็นคุณค่าของมัน จนวันนึงเขาสามารถที่จะเปลี่ยนโฆษณาให้กลายเป็น Content ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จอย่างสวยงามได้ ซึ่งคุณเองก็สามารถเปลี่ยนความคลั่งอะไรบางอย่างให้กลายเป็นธุรกิจได้เช่นกัน

วันนี้เราจะพาทุกคนเข้าไปในโลกของคนคลั่งโฆษณา “เพิท พงษ์ปิติ ผาสุขยืด” จาก Ad Addict สื่อออนไลน์ด้านโฆษณาและการตลาด ‘เพราะทุกสิ่งในโลก ล้วนเป็นโฆษณา’ และหาวิธีทำให้คนอื่น ๆ ได้เห็นมุมมองดี ๆ ของมัน ใช้ชีวิตอยู่กับมันได้อย่างมีความสุข มาดูกันว่าคนคลั่งโฆษณาอย่างคุณเพิท สร้างรายได้จากโฆษณาได้อย่างไร มีคำแนะนำอะไรสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจจากความคลั่งของตัวเองบ้าง

จากตัวแทนแข่งแผนการตลาดสมัยมหาวิทยาลัย กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณเพิทคลั่งไคล้โฆษณา สู่การเป็น Founder ของเพจ Ad Addict ที่กำลังไปได้ดีมาก น่าจะคล้ายกับความฝันของคนรุ่นใหม่หลายคน ที่อยากจะทำงานหาเงินบนสิ่งที่ตัวเองคลั่งไคล้บ้าง

“ทำไมมาอินกับโฆษณา? จุดเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปสมัยมหาวิทยาลัย เราเรียนอยู่คณะการตลาด มันจะมีกิจกรรมนึงที่อาจารย์ให้จับกลุ่มกับเพื่อนเพื่อไปแข่งประชันแผนการตลาด ช่วงนั้นเราชอบแข่งแผนพวกนี้ เราจึงได้รู้จักเอเจนซี่โฆษณา แล้วได้ไปฝึกงานที่หนึ่งจนเหมือนกับได้เปิดโลก”

“เรารู้สึกว่าโฆษณามันเป็นพลังอันหนึ่งที่สุดยอดมากนะ มันเปลี่ยนแปลงการกระทำของคน เปลี่ยนแปลงความคิด ความเชื่อ ความรู้สึก หลาย ๆ อย่างของคนได้ เราเลยรู้สึกว่าโฆษณาเป็นอะไรที่น่าทึ่ง มันทำให้เราได้เห็นโลกหลาย ๆ มิติมากขึ้น”

“อย่างวันนี้เราต้องวางกลยุทธ์ให้กับแบรนด์น้ำดื่ม อีกวันเราต้องมาทำความเข้าใจเพื่อวางกลยุทธ์ให้กับแบรนด์คอนโด อีกวันเราต้องทำความเข้าใจตลาดรถยนต์ เรารู้สึกว่ามันทำให้เราได้เรียนรู้ภาพที่มันหลากหลายมาก กว้างมาก ทำให้เราใช้ชีวิตโดยที่เราไม่เบื่อ เพราะเราจะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นให้ Explore เรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา”


การลาออกมาทำธุรกิจของตัวเองน่าจะเป็นความฝันของคนรุ่นใหม่ทุกคน แต่ระหว่างทางกว่าจะประสบความสำเร็จนั้นมันไม่ง่ายเลย ต้องล้มลุกคลุกคลาน เรียนรู้ ผิดหวัง สะสมประสบการณ์ ล้มลุกคลุกคลานกว่าจะมีทุกวันนี้ เคสของคุณเพิทก็เช่นกัน

“ช่วงที่ยังไม่ออกจากงานประจำตอนนั้นเราทำสามอย่างพร้อมกัน

ทำงานประจำอยู่เอเจนซี่โฆษณา ทำเพจ Ad Addict เป็นงานเสริม และเรียน ป.โท ควบคู่กันไปด้วย แปลว่าทุกวันเราไม่มีวันหยุดเลย ซึ่งตอนนั้นมันก็ทำให้ร่างพังพอสมควร แต่เราก็คิดว่าตอนนั้นยังเป็นวัยที่ใจสู้เต็มที่ หลาย ๆ คนมองว่าเอเจนซี่โฆษณามันดูเป็นงานหนัก แต่เราจะบอกเลยว่าสุดท้ายมันขึ้นอยู่กับ mindset ว่าจริง ๆ แล้วเราเห็นปลายทางอะไรจากมัน”

“อย่างตอนเราเริ่มทำงานเอเจนซี่โฆษณาใหม่ ๆ เราตั้งเป้าไว้เลยว่างานจะหนักจะเหนื่อยแค่ไหนเราไม่สน เพราะเรารู้ว่ามันจะทำให้เราเก่งขึ้นในทางที่เราตั้งเป้าเอาไว้ เราจะได้เรียนรู้เยอะมาก ๆ จากงานนี้ แต่ระหว่างทางถ้ามันจะเจออุปสรรคอะไร เราก็ต้องยอมแลกกับมัน เพื่อปลายทางที่เราจะได้เรียนรู้มากกว่าคนอื่น เราจะเก่งมากกว่าคนอื่น เราเลยรู้สึกว่าถึงตอนนั้นมันจะเครียดที่ต้องรับผิดชอบสามหน้าที่พร้อมกัน แต่พอเราเห็นปลายทางว่าถ้าฉันผ่านจุดนี้ไปได้ มันจะทำให้เราเติบโตอย่างมาก เราจะได้เรียนรู้ เราจะกลายเป็นเหมือนคนที่ถูกขัดเกลามาให้พร้อมทำอะไรหลายอย่างได้เลย เราก็เลยเต็มที่ไปกับมัน”

จุดเริ่มต้นของ Ad Addict คือจุดเร่ิมต้นของการลาออกจากงานประจำ

การได้อยู่ในวงการเอเจนซี่โฆษณา มันทำให้เราต้องหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ต้องไปศึกษา case study จากแคมเปญรางวัลต่าง ๆ แล้วเรามักจะกดแชร์ และตั้งค่าเป็น Only Me ไว้ในเฟซบุ๊ก ทำไปสักพักก็เลยสร้างเพจขึ้นมาเลย สร้างเป็นพื้นที่รวมความรู้ไว้ในเพจ เผื่อจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง

“พอเริ่มทำ content แบบนี้แล้วมีจำนวนผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ทำให้เราได้รับโอกาสจากแบรนด์สปอนเซอร์ ซึ่งตอนนั้นเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งมันจะกลายเป็นสิ่งที่เราหาเงินจากมันได้ อันนี้คือจุดเริ่มต้นเลย มันก็เลยทำให้มีโอกาสร่วมงานกับลูกค้ามาเรื่อย ๆ จนเราเริ่มเห็นแล้วว่ามันกลายเป็นธุรกิจได้

แต่เราก็ไม่ใช่ว่าได้เงินจาก Content มาปุ๊บปั๊บแล้วลาออกมาเลยนะ เราดูทรงมันเกือบปี ดูจนรายได้เริ่มคงที่แล้ว เริ่มมีลูกค้าเข้ามาเป็นประจำ เราก็คำนวณเลยนะว่าถ้าออกไปแล้วไม่มีงานเลยเราจะสามารถใช้ชีวิตรอดได้นานขนาดไหน คิดคำนวณจนมั่นใจว่ามันอยู่ในจุดที่โอเคแล้ว อยากลองดูสักตั้ง ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจออกมา”

ยุคที่คุณเพิทตัดสินใจลาออกมาทำเพจเป็นยุคท้าย ๆ สุดท้าทายที่น้อยคนจะทำเพจใหม่แล้วจะรอด! มีทั้งสื่อเจ้าใหญ่ที่ทำคอนเทนต์ออนไลน์เรื่องโฆษณาอยู่เยอะแล้ว อีกทั้งยังต้องออกมาต่อสู้กับ Algorithm ของ FB ที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา

“เราแค่คิดว่า ถ้าการเลือกจะไปทางนี้แล้ว สุดท้ายถ้ามันไม่รอดแล้วชีวิตมันจะหมดหนทางทำมาหากินอะไรขนาดนั้น เรามองว่ามันเป็นโอกาสอันหนึ่งแล้วกัน ถ้าตอนนั้นเราไม่ออกไปคว้าโอกาสนี้ แล้วมันจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ซึ่งมันก็ท้าทายเรามาก ๆ ว่าเราจะปรับตัวอย่างไร เราจะทำอะไรให้แตกต่างจากพี่ ๆ ที่เขาเปิดเพจมาก่อนดีนะ มันหยุดคิดไม่ได้เลย มันจะต้องปรับตัวหาอะไรใหม่ ๆ ทำอยู่เสมอ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าถึงมันจะเป็นอุปสรรคแต่ก็เป็นสิ่งที่ท้าทาย ถ้าไม่มีอุปสรรคเหล่านั้นก็คงไม่มี Ad Addict ทุกวันนี้เหมือนกัน”


กว่าคุณเพิทจะมาถึงทุกวันนี้ จากการพูดคุยกันร่วม 3 ชั่วโมงทำให้เรารู้เลยว่า ความสำเร็จของเขาไม่ใช่โชค ไม่ใช่ดวง แต่มันคือความทุ่มเท และความสามารถล้วน ๆ

“เรามีแนวคิดว่าต้องเอาสิ่งที่คลั่งมาทำเป็นงานให้ได้”

“พอเราทำโฆษณามาพอสมควร มันเห็นโอกาสต่อยอดไปขาอื่น ๆ ถ้าเราหยิบจับเรื่องนี้มาโฟกัส มันอาจจะหากลุ่มเป้าหมายที่มันขยายใหญ่ได้มากยิ่งขึ้น เราก็เลยเริ่มแตกจากสิ่งที่อยู่รอบตัวของโฆษณาก่อน อีกอย่างหนึ่งคือการสร้างอะไรใหม่ ๆ มันทำให้เราเปิดโลก ได้ไปเรียนรู้กับโลกนั้น ๆ ไม่งั้นสุดท้ายเราจะอยู่แต่ในโลกโฆษณา เหมือนต้องบังคับตัวเองเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่งสิ่งที่เราเรียนรู้มันอาจกลับมา Support ในสิ่งที่เราทำอยู่ก็ได้”

ก่อนหน้านี้มันคือคอลัมน์หนึ่งใน Ad Addict ที่เราวิเคราะห์เกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดของวงการ K-POP แต่ปรากฏว่าน้อง ๆ ในทีมเป็นติ่งหมดเลย เราก็เลยสร้างพื้นที่หนึ่งให้น้องได้ทำในสิ่งที่เขาอิน แยกออกมาเป็นอีกเพจหนึ่งไปเลย ให้ตรงนี้เป็นพื้นที่ของพวกเขาเต็มที่เลย ซึ่งเสียงตอบรับก็ดีมาก ๆ อันนี้ก็เป็น Learning อันหนึ่งเหมือนกันว่า ถ้ามีโอกาสให้เขาได้ทำในสิ่งที่รักควบคู่กับงานด้วย มันจะช่วยให้งานออกมามีประสิทธิภาพ

นอกจากโฆษณา เขายังมีความคลั่งในการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากการออกเดินทางใช้ชีวิตแบบสุดขีด เขาถอดรหัสทุกสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ แม้กระทั่งไปเที่ยว ก็ไปเพื่อเรียนรู้

“เราชอบการเดินทาง ชอบหาโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศหรือไป Explore สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ แม้จะไปที่เดิมแต่ไปคนละปี คนละช่วงเวลา มันก็มีอะไรใหม่ ๆ ให้ได้เรียนรู้ ไปสัมผัสบรรยากาศ และความรู้สึกใหม่ ๆ

ความฝันสูงสุดของบางคนอาจจะอยากมีบ้านใหญ่ ๆ อลังการ แต่สำหรับเราไม่ใช่ เพราะเราอยากเดินทางไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่เที่ยวอย่างเดียวแต่เราสามารถใช้ชีวิตไปด้วย ทำงานไปด้วยก็ได้ โดยที่เงินอาจไม่ต้องมีเยอะมากมาย ขอแค่เราใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการได้ก็พอแล้ว

เราคิดว่ามันหยุดนิ่งไม่ได้หรอก ความรู้ก็เหมือนธุรกิจ มันต้องต่อยอดไปเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้สิ่งที่เราลองคือการต่อยอดสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ แต่มันยังอยู่ใน Business Model เดิม คือการทำสื่อออนไลน์ ตอนนี้คิดว่าเป็นช่วงที่เราจะต้องคิดต่อยอดเพื่อ Business Model อื่น ๆ มากยิ่งขึ้น อย่างสิ่งที่เริ่มทำเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้คือ เราเริ่มต่อยอดมาขาที่เป็น Academic ทำคอร์สสอนต่าง ๆ ในชื่อว่า ADcademy by AD ADDICT สถาบันสร้างสรรค์ความรู้ด้านโฆษณาเลย เป็นสิ่งที่คิดว่าจะโฟกัสในปีนี้

เราเชื่อว่าเวลาเราแบ่งปันความรู้ต่าง ๆ ผ่านคอนเทนต์ออนไลน์มันให้ประโยชน์ได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าเรามีโอกาสได้เรียนเชิญพี่ ๆ ตัวจริงในเรื่องนั้น ๆ มาสอนเต็ม ๆ มีเวลามาถ่ายทอด เรารู้สึกว่ามันจะยิ่งพัฒนาให้คนในวงการนี้เก่งมากยิ่งขึ้น วงการการตลาด วงการโฆษณาก็เติบโตได้ดียิ่งขึ้นด้วย”

ในฐานะที่คุณเพิทประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นความฝันของคนรุ่นใหม่ อยากแนะนำอะไรให้คนที่อยากลาออกมาทำธุรกิจของตัวเองนำไปปรับใช้ ?

แนะนำว่าอย่าเพิ่งลาออกมา ให้เริ่มลงมือทำไปก่อนเลย ยุคนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าทำงานประจำแล้วจะทำอย่างอื่นไปด้วยไม่ได้ ถ้าเรามีไอเดียอยากทำอะไร ลองทำก่อน เหมือนเป็นการ Testing ทำ Prototype ก่อน เราอาจจะเห็นว่ามันเวิร์ค หรือไม่เวิร์คตั้งแต่ตอนนั้น แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อก็ยังได้

หรืออีกมุมหนึ่ง ถ้าเรารักมัน อินกับมันมากจริง ๆ เรารู้สึกว่าออกมาก็ได้นะ สุดท้ายเราเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าเราอินกับอะไร มีความสุขกับอะไร ถึงแม้ว่ามันอาจไม่ได้มีรายได้สูงมาก แต่เราอาจจะ Happy กับชีวิตมากกว่าก็ได้

ถ้าให้แนะนำตามสิ่งที่เราเชื่อเลยคือ ในชีวิตเราจะมีโอกาสเข้ามาเรื่อย ๆ พยายามน้อมรับทุกโอกาสเอาไว้ และเต็มที่กับมันให้มากที่สุด

เพราะสุดท้าย สิ่งที่เราเรียนรู้ สิ่งที่เราลองทำในแต่ละช่วงชีวิต แม้ ณ ตอนนั้นเราอาจจะคิดว่าทำไปเพื่ออะไรวะ แต่วันหนึ่งสิ่งนั้นอาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่เมื่อนำมาประกอบกันแล้ว มันอาจจะทำให้เกิด impact อะไรขึ้นมาใหม่ก็ได้ มันอาจจะเป็นก้าวแรกที่เราจะหยิบเอาความคลั่งมาทำเป็นธุรกิจ แบบที่ Ad Addict กำลังทำอยู่ก็ได้”

เหมือนอย่างที่ Mark Twain เคยกล่าวไว้ว่า “Find a job you love, and you will never have to work a day in your life.” เป็นประโยคที่คุณเพิท Ad Addict ได้พิสูจน์แล้วว่าจริง และทุกคนก็สามารถที่จะเปลี่ยนความคลั่งเป็นงานที่รักได้เหมือนกัน ขอแค่ลงมือทำ และพัฒนาเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้ง สักวันนึงความคลั่งนั้นจะต้องตอบแทนคุณอย่างสวยงามแน่นอน


Photographer : Krittapas Suttikittibut

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line