CARS

THE REAL: AUTOBAHN สำนักแต่งรถยนต์ที่ไม่เคยลิมิตความคลั่งไคล้ที่มีต่อโลกแห่งความเร็ว

By: HYENA December 14, 2020

ผู้ชายกับรถยนต์ เรียกว่าเป็นของคู่กันมานานมาก ๆ แล้ว หลายคนยอมเสียเงินเสียทองมากมายเพื่อซื้อของแต่งรถที่รัก ซึ่งถ้าหากเราให้นิยามความหลงใหลและคลั่งไคล้ในพาหนะ 4 ล้อนี้ ทุกคนจะนิยามออกมาว่าอะไรกันบ้าง ? แล้วถ้าเราบอกว่ามีคน 2 คน ที่คลั่งรถยนต์มาก ขนาดที่สัมผัสถึง “ลมหายใจของรถ” ได้ คุณพอจะนึกภาพออกไหม ? จะมีสักกี่คนที่จินตนาการถึงส่วนต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในตอนขับรถได้ขนาดนั้น ถ้าใจมันไม่ได้หลงใหล และรักในรถยนต์จริง ๆ ใช่ไหม ?

คอลัมน์ The Real สัปดาห์นี้ เราลองไปพูดคุยกับคุณเชฎฐ์-วิเชฎฐ์ จิรบวรวิสุทธิ์ และ คุณชิต-วิชิตพล จิรบวรวิสุทธิ์ 2 พี่น้องเจ้าของสำนักแต่ง Autobahn ถึงที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็น Autobahn และความคลั่งไคล้ต่อรถยนต์ที่ยากจะหาคำมาอธิบายได้กันครับ

จุดเริ่มต้นความคลั่งไคล้รถยนต์ นำไปสู่การสานฝันที่อยากจะเป็นสำนักแต่งรถระดับเวิลด์คลาส

“จุดเริ่มต้นมันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ครับ ที่คุณพ่อขับ BMW รุ่นแรก ๆ เลย พวก M3 หรือ E30 ตอนนั้นเรายังเล็ก เราก็นั่งอยู่เบาะหลัง ด้วยความที่คุณพ่อเป็นคนรักรถมาก เราก็เลยซึมซับมาด้วย พอโตขึ้นคุณพ่อก็ให้รถมาขับอีก เราเลยรู้สึกผูกพันกับรถมาตลอดและรู้ตัวเร็วว่าเราชอบอะไร ก็เลยได้มาทำตรงนี้ครับ”

คุณชิตเล่าถึงจุดเริ่มต้นความรักรถว่ามาจากคุณพ่อ ที่คลั่งไคล้รถยนต์เอามาก ๆ ถึงขนาดเรียกว่า ‘รักรถมากกว่าเมีย’ ก็ได้ เลยซึมซับจากตรงนั้นมาเรื่อย ๆ ทำให้ความผูกพันที่มีต่อพาหนะ 4 ล้อค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น จนเกิดเป็นความฝันที่จะสร้างสำนักแต่งรถของตัวเองขึ้นมา

แล้วทำไมถึงต้องชื่อ Autobahn มันเกี่ยวกับอะไรชื่อถนนเส้นหนึ่งในเยอรมันหรือเปล่า?

“จริง ๆ มันเกี่ยวกับสโลแกนของเราคือ Don’t let anyone limit your dreams ผมคิดว่าคนเรามีความฝัน อย่าให้ใครมาหยุดยั้งความฝันของเราได้ ซึ่งมันสอดคล้องกับถนนเส้นหนึ่งในเยอรมันที่ชื่อ Autobahn พอดี ที่คนไทยรู้จักกันว่ามันเป็นถนนที่ไม่มี Speed limit”

คุณชิตเปรียบความฝันของพวกเขาที่ไม่มีวันมอดกับถนนหลวงเส้นหนึ่งในเยอรมัน ที่แฝงไปด้วยนัยสุดลึกซึ้งอย่างการฝันที่ไม่มีสิ้นสุด เหมือนกับถนน Autobahn ที่ไม่จำกัด Speed limit นั่นเอง ทั้งนี้ ทางร้านยังติดป้ายสโลแกน “Don’t let anyone limit your dreams” ที่บันไดและทางออก เพื่อย้ำเตือนลูกค้าทุกคนว่าอย่าหยุดฝัน แม้จะยังไม่เจอทางที่ใช่ก็ตาม

อย่างที่รู้กันว่าชื่อ Autobahn มาจากเยอรมัน แล้วเราได้รับอิทธิพลอะไรมาจากที่นั่นบ้างหรือเปล่า ?

“ก็มีส่วนนะครับ เพราะเราซึมซับพวกรถ BMW หรือ Mercedes ที่เป็นเยอรมันอยู่แล้ว และเราก็ชอบเรื่องของ Quality กับเรื่อง Performance ของเขาที่มันค่อนข้างสูงด้วย”

คุณชิตกล่าวถึงการได้รับอิทธิพลเกี่ยวกับรถสัญชาติเยอรมันที่ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ๆ และตั้งใจตั้งชื่อว่า ‘Autobahn Thailand’ เพราะอยากทำสำนักแต่งรถดี ๆ ของไทยให้คนทั่วโลกรู้ว่ามาจากประเทศไทยอีกด้วย

เสริมทัพด้วยคำตอบจากคุณเชฎฐ์ที่อธิบายว่าทำไมถึงกล้าเปิดสำนักแต่งรถ ทั้งที่ในไทยก็มีสำนักแต่งรถเกิดขึ้นมากมาย นั่นก็เพราะตัวเขาเคยมีโอกาสได้ไปแต่งรถตามร้านต่าง ๆ และรู้ตัวไวว่าชอบสิ่งนี้แน่ ๆ เลยตัดสินใจบินไปต่างประเทศ เพื่อศึกษาดูงานในโรงงานต่าง ๆ โดยหวังว่าจะนำมาพัฒนาสำนักแต่งรถในไทยให้ดีขึ้นกว่านี้ได้

“ส่วนตัวเวลาผมจะหาข้อมูลหรือศึกษาอะไร ผมจะใส่ใจและลงรายละเอียดเยอะ เลยเริ่มจากการแต่งรถตัวเองก่อน ปรากฏว่าเริ่มเวิร์ค แล้วเราก็อยากทำจริงจังขึ้นมา แถมได้คุณพ่อสนับสนุนด้วย ก็เลยพัฒนาตัวเองมาเรื่อย ๆ จนมาถึงปัจจุบันครับ” คุณเชฎฐ์อธิบายถึงนิสัยส่วนตัวที่นำพาความสำเร็จมาหาเขาในวันนี้

ทำไม Autobahn ถึงเลือกทำรถยุโรปเป็นหลัก

“จริง ๆ ถ้าเราจะทำรถญี่ปุ่น เราก็สั่งของมาผลิตได้ แต่เราเริ่มมาจากกลุ่มที่เล่นรถ Benz , BMW เราชำนาญตรงนี้ไง เวลาถอดประกอบหรือการทำความเข้าใจรถก็จะง่ายหน่อย มันจะมีตัวน็อตและพวกการเดินสายไฟ มันจะคล้าย ๆ กัน แต่ถ้าเป็นพวกซูเปอร์คาร์ เราก็แค่ศึกษาเพิ่มจากคู่มือ ก็ทำให้ได้ประสบการณ์เพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ”

คุณเชฎฐ์เล่าถึงพื้นเพของตัวเองที่เติบโตมากับรถสัญชาติเยอรมัน จึงมีความชำนาญกว่ารถสัญชาติอื่น ๆ ทั้งยังอธิบายถึงปัญหาให้เราฟังอีกว่า เขาจะไม่ค่อยจำเรื่องที่ไม่ดี แต่จะเก็บมาเป็นประสบการณ์และมองหาความท้าทายใหม่ ๆ อยู่เสมอ

“รถรุ่นใหม่ ๆ จะมีเรื่องสายไฟเยอะ บางทีเราทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ มันมีความเสี่ยงตรงนั้นอยู่ เพราะบางทีมันอาจทำให้เกิดปัญหา เราก็แจ้งลูกค้าว่าถ้ามีปัญหาเราจะรับผิดชอบให้หมด ซึ่งมันก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่เราอยากจะทำให้ได้”

Autobahn สำนักแต่งรถที่ให้มากกว่าแต่งรถ

“เวลาลูกค้าเขาเข้ามาที่ร้าน ส่วนใหญ่เขาต้องการอะไร แล้วทางร้านมีอะไรแนะนำให้ลูกค้า ?”

“มีทุกอย่าง” คุณเชฎฐ์ตอบทันที

“จริง ๆ เรามีทุกอย่าง ซึ่งเราก็มีไอดอลของเราจากอเมริกา เยอรมัน ญี่ปุ่น ที่จะมีสไตล์ต่างกัน เราบินไปดูงานกันทุกปี แล้วเก็บไอเดียมาพัฒนาต่อ แต่ถามว่าลูกค้าที่เข้ามาเขาต้องการอะไรบ้าง มันหลากหลายครับ บางคนมีความต้องการชัดเจน เราก็แค่จัดหามาติดตั้งให้ แต่อีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าต้องการอะไร เราก็จะค่อย ๆ มองคาแร็กเตอร์กับรถที่เขาขับก่อน พอคุยไปสักพัก เราก็จะเป็นเหมือนดีไซเนอร์ ลองนำเสนอทางเลือกให้เขา จากบางคนที่จะมาซื้อแค่ชิ้นเดียว ไป ๆ มา ๆ ซื้อเป็นสิบยี่สิบชิ้นก็มีครับ (หัวเราะ)”

คุณเชฎฐ์อธิบายอย่างละเอียดถึงความใส่ใจของ Autobahn ที่เป็นมากกว่าสำนักแต่งรถทั่วไป เพราะมีบริการให้คำปรึกษาและแนะนำบางส่วนจากผู้รู้จริง ๆ ทำให้ลูกค้าบางท่านที่ยังไม่มีความรู้เรื่องแต่งรถมากนักหรือยังตัดสินใจจะซื้อไม่ได้ ค่อย ๆ เปิดใจและได้สินค้าที่เหมาะสมกับรถไปในราคาที่คุ้มค่า คุ้มราคาที่สุดนั่นเอง

มีหลายคนมองว่าการแต่งรถมันสิ้นเปลือง จะแต่งไปทำไม ในฐานะที่เป็นเจ้าของสำนักแต่งรถ เรามีมุมมองกับตรงนี้ยังไงบ้าง ?

“แล้วถ้าผมถามว่าทุกวันนี้ พวกคุณแต่งตัวกันทำไมล่ะ ตอบยากใช่ไหม มันเป็นเรื่องที่อธิบายยาก บางคนอยู่กับรถทั้งวัน มันเหมือนกับเราต้องดูแลและใส่ใจกับมันนั่นแหละ ซึ่งบางทีมันบ่งบอกตัวตนของเราผ่านสิ่งที่ใกล้ชิดได้นะ ไม่จำเป็นต้องขับยี่ห้ออะไรหรอก แค่ใส่ใจและพัฒนารถอยู่เสมอก็พอ”

รถยนต์กับแฟชั่น คือสิ่งเดียวกัน ?

“จริง ๆ การแต่งรถมันก็เหมือนแฟชั่นนะ แค่เปลี่ยนจากเสื้อผ้ามาเป็นรถยนต์ ซึ่งบางทีลูกค้าต้องการอะไร เราก็ต้องดีไซน์ให้เขาด้วย ทำให้ภาพในหัวของเขาออกมาเป็นจริงให้ได้ แล้วเขาก็สามารถนำไปใช้งานได้จริง พอเราเห็นลูกค้าแฮปปี้ มันก็รู้สึกดีกับเราด้วย”

คุณเชฎฐ์บอกกับเราว่าแฟชั่นกับการแต่งรถมันคือสิ่งเดียวกันนั่นแหละ แถมพ่วงด้วยประเด็นโลกแตกที่ผู้หญิงมักจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องแต่งรถ ด้วยมุมมองที่ว่า การซื้อกระเป๋าใบแพง ๆ ของผู้หญิงก็ไม่ต่างกับการซื้อของแต่งรถนั่นแหละ หากวันไหนเบื่อ ๆ ของพวกนี้มันก็ขายเป็นมือสองได้โดยที่ราคาไม่ตกและไม่สิ้นเปลืองด้วย

ซึ่งก็มีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงมากในช่วงนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเรา และนั่นทำให้ สองพี่น้อง Autobahn ก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน

“มันกลายเป็นเราที่ต้องปรับตัวให้ทัน ถามว่าต้องปรับตัวอะไรมากไหม ก็ต้องมีบ้าง บางอย่างหาย ก็ต้องหาอีกอย่างมาทดแทน ซึ่งในเมื่อเราบอกว่า วงการแต่งรถมันคล้ายกับวงการแฟชั่น เราก็ต้องอัปเดตและหาข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งผมกับน้องก็จะไปต่างประเทศบ่อย ๆ เพื่อเอากลับมาใช้กับเรา และหวังว่าวันหนึ่ง งานของเราจะได้ไปโชว์ที่ต่างประเทศเช่นกัน”

ก่อนจะมาเป็น Autobahn มีอุปสรรคอะไรบ้างไหม กว่าจะเปิดร้านของตัวเองได้อย่างทุกวันนี้

“เริ่มตั้งแต่เช่าพื้นที่เลยครับ ผมกับน้องเดินตามหาทั้งเส้นเลียบด่วน รามอินทรา สิบกว่าโล กว่าจะได้ที่ตรงนี้ พอมาเริ่มก่อสร้างก็มีปัญหากับผู้รับเหมาที่ทิ้งงานไปหลายงานอีก จ่ายค่าเช่าไปแล้วด้วย พอสร้างเสร็จก็ไม่มีลูกค้าอีก เพราะไม่มีคนรู้จัก”

คุณเชฎฐ์เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นที่จะทำ Autobahn ตั้งแต่เดินหาทำเลไปจนถึงวันที่เปิดร้านสำเร็จ แต่ตลอด 3 เดือนแทบไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย เพราะร้านยังไม่มีใครรู้จัก แต่ด้วยแรงกระตุ้นจากความฝันของพวกเขา ทำให้ความท้อทำอะไร Autobahn ไม่ได้เลย ในที่สุดก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อย ๆ จนเกิดเสียงบอกต่อเป็นวงกว้างขึ้น ทำให้กลายมาเป็นสำนักแต่งรถสุดเทพได้อย่างทุกวันนี้

Autobahn จุดรวมพลของเหล่าคนคลั่งไคล้รถยนต์และมิตรภาพของเหล่าพลพรรครถ 4 ล้อ

“ความต้องการของเราคือ อยากให้คนที่ชอบและคลั่งไคล้รถยนต์มาอยู่ที่เดียวกัน บางคนมีที่นี่ จากที่ไม่รู้จักกันกลายมาเป็นพี่เป็นน้อง ไปกินเหล้า ไปเที่ยวกัน เราเห็นเราก็รู้สึกแฮปปี้ที่เหมือนเป็นจุดนัดพบให้พวกเขามาเจอกันได้”

“เราอาจจะไม่ใช่สำนักแต่งรถที่ดีที่สุด เราแค่คนที่มีความฝันที่อยากจะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ เท่านั้น ยังไงอยากให้ลองมาทำความรู้จักกันก่อนครับ คิดว่าเข้ามาน่าจะไม่ผิดหวัง ช่อง Youtube  Autobahn Thailand ของเราก็ตั้งใจทำมาก ออกไปตี 3 ตี 4 รอรถน้อย ๆ ถึงค่อยไปถ่ายรถกันและก็มีรถสวย ๆ ให้ดูตลอดด้วยครับ”

หลังจากนี้ Autobahn มีแพลนจะ Unlock ตัวเองเพิ่มเติมบ้างไหม

“โอ้ย มีเยอะแยะเลยครับ ผมมีทัศนคติที่ว่า ผมยังไม่ได้ดีที่สุด ยอมรับว่าเราอาจจะมองไปที่คู่แข่งบ้าง แต่สุดท้ายเราก็แข่งกับตัวเองนั่นแหละ เรากำลังมีแพลนที่จะพัฒนาหลายอย่าง ซึ่งจะเซอร์ไพรส์วงการแต่งรถของไทยแน่นอนและยังจะช่วยต่อยอดให้พัฒนาขึ้นไปสู่สากลด้วย” คุณเชฎฐ์อธิบายถึงเป้าหมายข้างหน้าของ Autobahn ที่อยากจะพัฒนาวงการแต่งรถของไทยให้ทัดเทียมกับต่างชาติให้ได้

สุดท้ายแล้วครับ เราอยากให้อธิบายความคลั่งไคล้ในรถยนต์ให้เราฟังหน่อยครับ ว่ามันอยู่ในขั้นไหน

“ถามว่าชอบแค่ไหนคงตอบยาก เพราะมันมากกว่าคำว่าชอบไปแล้วอะ ถ้าจะสื่อว่าชอบยังไงผมขออธิบายแบบนี้ดีกว่าครับ”

“ทุกครั้งที่ผมสตาร์ทรถ ผมจะมองมิเตอร์รถก่อนว่ามันเหมาะสมไหมถึงค่อยขับ ผมก็จะวอร์มมันหน่อยสักนาทีนึงค่อยขับออกไป ภาพในหัวผมคือ เห็นลูกสูบที่มันดูดน้ำมันออกไปผ่านกรองอากาศออกไปทางท่อ มีเสียงเป็นยังไง เวลาปล่อยจะมีเสียงท่อ เวลาเหยียบก็จะอีกฟีลนึง ช่วงเข้าโค้ง โช้คเราดีขนาดไหน เรื่องยาง เรื่องเบรกก็มองภาพตอนติดตั้งเบรกใหม่ ๆ ผมไม่ค่อยกล้าเบรก เพราะกลัวจานเบรกกับผ้าเบรกจะสึกไว รวมถึงภายในรถเรื่องเบาะ เรื่องวิธีการจับพวงมาลัยอีก ทั้งหมดนี้แหละมันคือฟีลลิ่งต่อความคลั่งรถยนต์ของผม”

“คือพอมันขึ้นชื่อว่าความฝัน ยังไงเราก็ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ มันคือ Passion ของเราที่เกิดมามีแค่ครั้งเดียว เราก็ต้องเต็มที่กับมัน ทุกครั้งเวลาเจอปัญหาเราอาจหยุดนิ่งสักพัก เพราะยังไงเราก็รู้ว่าเราต้องเดินต่ออยู่ดี ชีวิตมีครั้งเดียว เราต้องทำให้มันดีที่สุดในแบบฉบับของเรา”

ทั้งหมดคือเรื่องราวของสำนักแต่ง Autobahn Thailand ที่ 2 พี่น้องอย่างเชฎฐ์และชิต ได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความคลั่งไคล้ต่อรถยนต์ที่มีมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบันพวกเขาจะถูกรู้จักดีในฐานะสำนักแต่งที่คนรักรถหลายคนเลือกไว้ใจ แต่พวกเขาก็ยังไม่หยุดความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมและนำเสนอการปรับแต่งรถยนต์ที่ดีที่สุดให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้


 

Photographer: Krittapas Suttikittibut

ถอดเทปและเรียบเรียงโดย: Sorrapat Prasutjaritwong (สรภัศ พระสุจริตวงศ์)

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line