Entertainment

THE REAL : “RAP AKE” เป็นตัวเองให้สุด ไม่เคยหยุดแม้โดนซัดด้วยการถูกบูลลี่ อัยย๊ะ ใช่ ๆ

By: JEDDY May 13, 2022

คุณเคยลองถามตัวเองไหมว่าทุกวันนี้เคยทำอะไรที่เป็นตัวเองได้เต็ม 100% แล้วหรือยัง? หรือเคยมีโอกาสได้ลองทำมันบ้างซักครั้งหรือยัง? เคยได้ออกจากกรอบที่คอยสกัดกั้นความกล้าบ้าบิ่นของเราแล้วหรือไม่? แน่นอนว่าคำตอบของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป แต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ที่มีนามว่า “นราวุธ อำนวย” หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในชื่อ “แร็ปเอก”


แร็ปเอกเคยสร้างกระแสไวรัลในโลกโซเชียลมีเดียเมื่อประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้ว ด้วยการแร็ปพรีเซนต์ความเป็นตัวเองแบบได้แหวกแนวสุด ๆ สุดชนิดที่แบบไม่เหมือนใครและไม่มีใครกล้าเหมือน แถมยังมาพร้อมคำสร้อย “อัยย๊ะ ใช่ ๆ” ที่หลอนดูคนฟังมาจนทุกวันนี้ แต่กว่าที่เขาจะยืนหยัดมาได้ต้องสู้รบตบมือกับบรรดาคำวิจารณ์ด้านลบและการถูกบูลลี่ที่ทำให้เขาเคยท้อหนักมาแล้ว แต่เขารับมือกับมันอย่างไรให้ผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายเหล่านั้นมาได้ มาทำความรู้จักความเรียลอีกหนึ่งมุมของแร็ปเอกที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เคยเห็นไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ


แร็ปเอกอดีตพนักงานพิสูจน์อักษรที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นศิลปินมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น แม้เขาจะสร้างชื่อด้วยการแร็ป แต่แท้จริงแล้วเขากลับชื่นชอบวงร็อกมากกว่าซะอีก จึงไม่แปลกใจที่ไอดอลของเขาจะมีทั้งวงหิน เหล็ก ไฟ, ดอนผีบิน, Silly Fools, Kiss รวมไปถึง Guns N’ Roses ด้วยเช่นกัน

แต่ปัญหาของการทำวงนั่นคือการต้องหาสมาชิกให้ครบทุกตำแหน่ง ซึ่งมันกลายเป็นงานยากของแร็ปเอก ทำให้เขาตัดสินใจเบนเส้นทางจากร็อกเกอร์กลายมาเป็นแร็ปเปอร์แทน

“เมื่อก่อนมีความฝันอยากมีวงเป็นของตัวเอง แต่หาไม่ได้เลยคิดว่าออกเดี่ยวไปเลยดีกว่า เพราะมันจะใช้เครื่องดนตรีน้อยชิ้น ก็เลยตัดสินใจมาเป็นแร็ปเปอร์ครับ”

ดูเหมือนว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่ทำให้อดีตหนุ่มพนักงานประจำได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล


หลังจากตัดสินใจได้แล้วว่าชีวิตนี้ต้องเป็นแร็ปเปอร์ เขาจึงลงมือเขียนเพลงที่พรีเซนต์ตัวตนออกมาโดยใช้ชื่อว่าเพลง “แร็ปเอก” แต่ทำเพลงได้ทั้งทีจะเก็บไว้ฟังคนเดียวก็คงไม่ใช่เรื่อง เขาจึงได้ให้เพื่อนร่วมงานช่วยถ่ายวิดีโอให้ ถ่ายแบบบ้าน ๆ ด้วยโทรศัพท์มือถือ ไม่ได้มีโปรดัคชั่นสวยหรูดูมีความเฟลกซ์ ไม่ได้มีคอสตูมเท่ ๆ  และมันได้ถูกนำไปอัพลงในยูทูป ลงแบบไม่คิดอะไร แต่สุดท้ายมันได้กลายเป็นไวรัล เกิดการแชร์ผลงานเดบิวต์ของแร็ปเอกอย่างกว้างขวาง 

“ตอนนั้นก็ตกใจมากครับ เพราะโซเชียลมีเดียเริ่มมาใหม่ ๆ ก็ไม่ค่อยรู้จักว่ามันเป็นอย่างไร จะแชร์ จะโปรโมตอย่างไร ก็ตกใจมาก พอคลิปมันดังก็เริ่มเจอคนมาขอถ่ายรูป ตอนนั้นเราก็งง ๆ ว่าทำไมต้องมาถ่ายรูป แค่ถ่ายคลิปลงเล่น ๆ ตอนนั้นก็ยังเป็นพนักงานประจำอยู่เลยครับ

ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะเมื่อก่อนเคยเอาม้วนเทปคาสเซ็ทอัดใส่ซาวด์อะเบาท์ ส่งไปตามค่ายเพลงต่าง ๆ ไม่ได้รับการตอบรับกลับมาเลย มันก็ยากลำบาก แต่เมื่อมีโซเชียลมีเดียก็ช่วยเหลือเราได้อย่างมาก ได้แจ้งเกิดเลยครับ”

อาจจะเพราะด้วยสไตล์แปลกบวกกับเมโลดี้สุดแหวก ทำให้ชื่อของแร็ปเอกแหกทุกกระแสทะลุขึ้นมาเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว เขากลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ และก้าวมาสู่การเป็น Influencer ในที่สุด ทำให้เราได้มีโอกาสเห็นแร็ปเอกโผล่ไปเป็นแขกรับเชิญตามรายการต่าง ๆ มากมาย แถมไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีคนคอยจับจ้องพร้อมหยิบมาแชร์ให้เป็นประเด็นอยู่เสมอ 


แร็ปเอกได้เผยให้ทราบว่าการแร็ปของเขามีความฟรีสไตล์ มีการผสมผสานของการร้องแร็ปและความเป็นป๊อปร็อก รวมไปถึงมีการใช้หลักการแต่งเพลงตามที่เขาได้เคยเรียนมาจากค่าย grammy กับสุรักษ์ สุขเสวี และหนังสือคิดคำทำเพลง ของเขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ ผู้เคยเขียนเพลงให้กับศิลปินระดับประเทศมากมาย เช่น เบิร์ด ธงไชย, แมว จิระศักดิ์ ปานพุ่ม, นูโว และอำพล ลำพูน เป็นต้น รวมไปถึงแร็ปเอกยังชื่นชอบการเขียนเพลงของโป่ง หิน เหล็ก ไฟ, ติ๊ก ชีโร่, ดาจิม และโจอี้บอย อีกด้วย

“การวางคำร้องก็ระบบสัมผัสนอก สัมผัสใน เราก็เชี่ยวชาญภาษาไทยมาก่อน ก็รู้ว่าอะไรสัมผัสอะไร 

เริ่มแต่งเพลงครั้งแรกคือเพลง ‘แร็ปเอก’ ใช้นิยามตัวตนของเราจำกัดบทเพลงของตัวเอง มันก็ไล่เป็นไกด์โครงสร้างเพลงขึ้นมาแล้วก็ไหลต่อไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาแต่งเพลงอยู่หลายเดือนด้วยผสมผสานแต่ละท่อนเข้าด้วยกัน ก็ใช้เวลาว่างจากงานประจำสมัยก่อน ก็เป็นจุดเริ่มต้นการเขียนเพลงจนมาถึงปัจจุบันนี้ครับ

ส่วนเพลงที่ใช้เวลาแต่งนาน ๆ ก็มีหลายเพลงเลยครับ เช่น ‘ยาบ้า’ กับ ‘ฮีโร่’ รวมถึงเพลง ‘แกล้งรัก’ ใช้เวลาตั้ง 4-5 เดือนเลยกว่าจะได้ เพราะว่ามันแต่งเป็นแนวป๊อปร็อก จะยากกว่าเพลงแร็ปเพราะโครงสร้างซับซ้อนกว่า แต่ ณ ปัจจุบันไม่ค่อยนานมากเท่าไหร่ เช่น ‘Girls Don’t Cry’ และ ‘หิวแสง’ ส่วนคำว่า ‘โจ้ว โจ้ว’ ดัดแปลงมาจากคำว่า ‘โย่ว โย่ว’ นะครับ”

นอกจากพาร์ตของการเขียนเนื้อเพลง ในบางครั้งพาร์ตของดนตรีก็จะมีศิลปินคนอื่น ๆ มาช่วยทำงาน เช่น ศราวุธ แสงบุตร หรือ “วุธ Growning Pain”, วิน The Ginkz  และอีกมากมาย


เป็นที่ทราบกันดีกว่านอกจากคำชื่นชมต่อผลงานแร็ปเอก แต่ก็ความคิดเห็นอีกไม่น้อยที่มาในเชิงลบพร้อมกับคำวิจารณ์ต่าง ๆ นานา ถ้ามองในเรื่องของการติชมผลงานก็ดูจะเป็นเรื่องปกติ แต่บางครั้งมันรุนแรงกว่านั้น เพราะมันได้ลามไปถึงการด่าทอบุพการีหรือแม้กระทั่งท้าตีท้าต่อยแร็ปเอกก็เคยโดยมาแล้ว

“มีพวกมาด่าบุพพาการีเรา ทั้งพ่อมึง… แม่มึง… เราก็ไม่ชอบ ผมก็รับไม่ได้หรอกครับ บางคนก็มาท้าตี ท้าต่อยเลยแบบ ‘เฮ้ย มึงต่อยกับกูป่ะ ที่ไหนก็ได้’ ถ้าเขามีความเห็นสวนทาง มาคอมเมนต์พวกเมโลดี้ ทำนองเพลง ก็ชี้แจงได้ครับ แต่ถ้าพวกบูลลี่รุนแรง ใช้ความรุนแรง โหดเหี้ยม ทำร้ายร่างกาย เราก็ไม่เอาด้วย คนเราก็ไม่น่าจะใช้ความรุนแรงกัน เพราะมีการศึกษา มีการอบรมสั่งสอนทั้งทางพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ 

บางครั้งก็โดนคอมเมนต์ว่าไร้สาระ เป็นใครมาจากไหนถึงจะมาทำผลงานเพลง โดนดูถูกเหยียดหยามสารพัด ตั้งแต่สมัยก่อน ปัจจุบันก็ยังมี แต่ก็ลดน้อยถอยลงมาแล้วครับ”

แร็ปเอกก็ยอมรับว่าช่วงแรกเคยรู้สึกท้อไปเลย เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต ต้องใช้เวลาทำใจอยู่พักใหญ่ ๆ แต่ก็ได้รับกำลังใจทั้งจากแฟน ๆ และคุณบี้ เดอะ สกา ที่คอยบอกว่าให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ และไม่ต้องไม่ตอบโต้หรือให้ค่ากับบรรดา Negative Comment


นอกจากจะถูก Negative Comment โจมตีแล้ว แร็ปเอกก็ยังหนีไม่พ้นการถูกบูลลี่ด้วยเช่นกัน เขาเคยโดนดูถูกเหยียดหยามภาพลักษณ์ วิธีการร้องเพลง รูปร่างหน้าตา เรื่องของอายุ แต่เขาก็เลือกที่จะยืนหยัดในแนวทางของตัวเองเพราะเขาเชื่อว่ามันไม่ได้ทำให้สังคมเดือดร้อน และใช้หลักธรรมะ ใช้คำสอนของคุณพ่อคุณแม่ และใช้ทัศนคติส่วนตัวเพื่อรับมือกับการถูกบูลลี่

“เมื่อก่อนเราก็ทำงานประจำ เราก็ถูกหัวหน้างานวิจารณ์ เราก็คิดว่าเราก็ทนได้ นี่มันเป็นอาชีพเรา มันเป็นงานของเราเอง เราบริหารธุรกิจของเราเอง เราก็น่าจะรับมือกับมันได้ครับ”

สิ่งที่อยากจะบอกคนชอบบูลลี่?

“อยากฝากบอกคนที่ชอบบูลลี่คนอื่นว่าคุณไม่ควรทำ ควรให้กำลังใจหรือคำแนะนำกับเขาว่าเขาจะก้าวเดินไปอย่างไรดีกว่า ลองเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของเขา ถ้าเขาไม่ได้ทำให้สังคมเดือดร้อน คุณก็อย่าไปบูลลี่ อย่าไปทำร้ายเขาเลย บาปกรรมเปล่า ๆ ปล่อยให้เขาได้ดำเนินชีวิตต่อไปในทางที่ถูกที่ควรดีกว่าครับ”


ปัญหาใหญ่ในสังคมไทย หรือจริง ๆ มันคือสังคมทั่วโลกนั่นคือการถูกบูลลี่ มันเป็นการลดทอนคุณค่าบุคคลที่สามารถทำร้ายจิตใจใครซักคนหนึ่งให้สามารถจบชีวิตของตัวเองได้เลย ทางแร็ปเอกเลยอยากฝากข้อคิดกับคนที่ต้องเจอสถานการณ์เดียวกับเขาดังนี้

“ผมก็คิดว่าการบูลลี่ก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมเหมือนกันครับ บางคนก็ทนคำบูลลี่ไม่ได้ถึงขั้นไปฆ่าตัวตายก็มีข่าวให้เห็นเหมือนกัน ซึ่งข้อนี้ก็อยากฝากเตือนคนที่โดนบูลลี่ว่าอย่าถึงขั้นทำร้ายร่างกายตัวเองเลยมันไม่ดี เราก็มีทางเลือกของชีวิตแล้ว เราก็มีพ่อมีแม่ด้วย ควรนึกถึงครอบครัวของเรา ให้ก้าวเดินอย่างไรไม่ให้พ่อแม่เราเสียใจเดือดร้อนจากการโดนบูลลลี่น่ะครับ”

แร็ปเอกยังทิ้งท้ายว่าวิธีที่ดีที่สุดในการก้าวข้ามเรื่องการถูกบูลลี่คือ “อย่าไปให้ค่าคำดูถูก” 

แม้แร็ปเอกจะเป็นศิลปินที่แหวกแนวขนาดไหน แต่เขาเองก็ยังเป็นคนที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน เขามักจะเจอคอมเมนต์หรือคนเขามาทักและบอกกับเขาว่า “มีพี่แร็ปเอกเป็นไอดอล” ทำให้เขารู้สึกดีใจตามไปด้วยที่มีคนชื่นชอบผลงาน

ไม่ใช่แค่แฟนเพลง แต่มีแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยเอ่ยปากขอบคุณแร็ปเอกที่แต่งเพลง “ยาบ้า” ขึ้นมา

“ตำรวจเขาก็ขอบคุณที่แต่งเพลงออกมาช่วยเหลือสังคม ทำให้เขาปราบปรามยาบ้าได้เยอะเลยครับ ที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย ยาบ้านี่ก็เป็นปัญหาที่สร้างภัยให้สังคมไทยมาตลอดครับ

แล้วผมอยากบอกให้คนที่ไม่กล้าที่จะทำตามสไตล์ของคุณ ไม่กล้าที่จะคิด ให้เลิกท้อ ให้เริ่มทำสไตล์ของตัวเอง เริ่มจากจุดเล็ก ๆ มาก่อนก็ได้ แล้วค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ คุณชอบสิ่งไหนก็ทำสิ่งนั้น แต่สิ่งที่คุณทำต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและครอบครัวคุณครับ”

 

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line