Guide

THE WORLD’S GREATEST PLACES: 10 จุดหมายแห่งปี 2019 ที่ควรไปสักครั้งก่อนตาย!

By: unlockmen September 10, 2019

คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘การเดินทางท่องเที่ยว’ คืออีกหนึ่งความสุขของผู้ชายเรา ไม่ว่าจะดำลงทะเลแหวกว่ายดูปลา ก้มหน้าเดินขึ้นเขาเพื่อรอชมดาวและทะเลหมอก สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดด้วยการล่องแพสุดหวาดเสียว หรือนอนโง่ ๆ บนเตียงในโรงแรมสักแห่งของโลกที่ห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศไม่คุ้นตา

เราเชื่อว่าผู้ชายทุกคนมีเหตุผลของการไปเที่ยวที่ต่างกัน บางคนอยากพักผ่อนหลังจากเหนื่อยล้ากับการทำงาน บ้างกำลังวิ่งหนีและหาวิธีรักษาสภาพหัวใจที่ไม่สู้ดี แต่ไม่ว่าคุณจะออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่ออะไร โปรดรู้เอาไว้ว่ามันจะสร้างความทรงจำและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับคุณเสมอ แล้วถ้าโชคดีกว่านั้นการเดินทางอาจเรียกคืนความสุขที่คุณเผลอทำหล่นหายในระหว่างเส้นทางการใช้ชีวิตก็เป็นได้

ถ้าความคิดที่อยากไปเที่ยวดันแวบเข้ามาในหัวคุณ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเพราะไม่รู้จะไปที่ไหนดี นิตยสาร TIME เพิ่งจัดอันดับ 100 จุดหมายปลายทางแห่งปี 2019 ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปเยือน และ UNLOCKMEN ก็คัดเลือก 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่คิดว่าเจ๋งและเหมาะกับหนุ่มนักเดินทางอย่างคุณที่สุดมาไว้ให้แล้ว!

Camp Adventure (Ronnede, Denmark)

เดินทางจากเมือง Copenhagen เพียง 1 ชั่วโมง คุณก็จะได้พบกับ Camp Adventure สถาปัตยกรรมนาฬิกาทรายชื่อดังที่ตั้งอยู่ในป่า Gisselfeld Klosters Skove ของเดนมาร์ก ด้วยความสูงจากพื้นราว 45 เมตร ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าที่นี่จะน่าตื่นเต้นและหวาดเสียวมากขนาดไหน

ตัวทางเดินที่ดีไซน์มาเป็นวง ๆ จะเชื่อมต่อไปยังยอดสูงสุดของแคมป์ เพื่อให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงดงามของทัศนียภาพโดยรอบ มี Zip Line ให้หนุ่ม ๆ โหนสลิงไปตามเส้นทางธรรมชาติ มีพื้นที่ปีนเขาครอบคลุมมากถึง 18.5 เอเคอร์ และมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่เชื่อว่าต้องถูกใจหนุ่มนักผจญภัยเป็นอย่างดี

Ma Zheng Xinhua—Eyevine/Redux

Mori Building Digital Art Museum (Tokyo, Japan)

พิพิธภัณฑ์แห่งแรกของโลกที่อุทิศตนเพื่อศิลปะแบบดิจิทัลอย่างแท้จริง Mori Building Digital Art Museum ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกไปอย่างถล่มทลาย และมียอดผู้ชมมากถึง 1 ล้านคนหลังจากเปิดพิพิธภัณฑ์เพียง 5 เดือน

ภายในพื้นที่ 107,000 ตารางฟุต ศิลปะถูกนำมาผสมผสานกับเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต จนเกิดเป็นการฉายภาพงานศิลปะที่กำลังเคลื่อนไหวในอากัปกิริยาต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและมนุษย์กับโลกใบนี้ผ่านงานศิลปะที่เป็นตัวสื่อสาร

Courtesy Mata Ki Te Rangi

Mata Ki Te Rangi International Dark Sky Sanctuary (Pitcairn Islands)

แม้จะไม่มีโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว แต่หมู่เกาะพิตแคร์น หนึ่งในอาณานิคมของสหราชอาณาจักรในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้ ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ด้วยเขตสงวนท้องฟ้ามืดแห่งนานาชาติ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางเพียง 10 แห่งทั่วโลกที่สามารถมองเห็นกาแล็กซี่ได้

ไม่แปลกถ้านักท่องเที่ยวต่างถิ่นจะจองโฮมสเตย์หรือบ้านพักส่วนตัว และมุ่งหน้าเดินทางไปยังหมู่เกาะพิตแคร์นอันห่างไกล เพื่อหวังจะได้มองเห็นท้องฟ้ามืดมิดและกลุ่มดาวฤกษ์นับล้านดวงที่ในชีวิตนี้คงมีไม่กี่คนที่ได้เห็น

sanluisobispo

Hearst Castle (San Simeon, California)

ไม่ว่าภาพจำของคุณที่มีต่อแคลิฟอร์เนียจะเป็นคลื่นลูกยักษ์ ชายหาด หรือแสงแดด แต่คงต้องบอกว่า Hearst Castle คืออีกหนึ่งอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของรัฐติดทะเลแห่งนี้ แล้วเชื่อว่าคงไม่มีสถานที่ใดจะสามารถเล่าถึงความมั่งคั่งของรัฐแคลิฟอร์เนียในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้ดีเท่าที่นี่

ทั้งอ่างหินอ่อนเวอร์มอนต์ เสามหึมาสไตล์ Art Deco สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ หรือแม้แต่งานประติมากรรมนูนจากอิตาลีที่ขนาบข้าง จากสินทรัพย์ส่วนตัวของ William Randolph Hearst กลายเป็นสถาปัตยกรรมยุคเก่าที่ทรงคุณค่าและยังมีเสน่ห์จวบจนปัจจุบัน

Emilio Salvatori-Cristina Zoli

Teatro Galli (Rimini, Italy)

ย้อนไปช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงละครแทบทุกแห่งในอิตาลีถูกทำลายโดยการทิ้งระเบิดจากฝ่ายสัมพันธมิตร ในช่วงหลังสงครามจึงมีการบูรณะโครงสร้างโรงละครครั้งใหญ่ แม้ไม่อาจฟื้นฟูความรุ่งเรืองที่เคยมีในอดีตได้ก็ตาม

หลังจากทำนุบำรุงตัวอาคารมาร่วม 8 ปี โรงละคร Teatro Galli ทางชายฝั่งตะวันออกของอิตาลีก็มีเสียงดังกึกก้องจากคณะนักร้องประสานเสียงและวงออเคสตร้าอีกครั้ง จนทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสถานที่แสดงโอเปร่าชื่อดังที่สุดของโลกไปแล้ว

Jared Soares—The New York Times/Redux

Newseum (Washington, D.C.)

พิพิธภัณฑสถานที่แสดงผลงานเกี่ยวกับการข่าวและหนังสือพิมพ์ ตัวอาคารมีความสูง 7 ชั้น ครอบคลุมพื้นที่ 250,000 ตารางฟุต ภายในอัดแน่นไปด้วยโรงภาพยนตร์ 15 แห่ง และแกลเลอรีมากถึง 15 ห้อง

มีการจัดแสดงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศกว่า 80 ฉบับ พร้อมนำเสนอวิวัฒนาการด้านการสื่อสาร ความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ และวิทยุ แถม Newseum แห่งนี้ยังดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 815,000 คนต่อปี

jeannouvel

The National Museum of Qatar (Doha, Qatar)

แทบไม่อยากเชื่อว่าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของบางประเทศ ก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ โดยเฉพาะประเทศแห่งทะเลทรายอย่างกาตาร์ ที่ดูจะเป็นประเทศน้องใหม่และไม่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์หลงเหลือ

แต่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของประเทศนี้กลับนำเทคโนโลยีล้ำสมัย พานักท่องเที่ยวเดินทางกลับไปในประวัติศาสตร์ผ่านหน้าจอวิดีโอและระบบไดโอรามา เริ่มต้นด้วยวิถีชีวิตของชาวเบดูอิน การศึกษาทางธรณีวิทยา ตลอดจนเรื่องราวการค้นพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ประเทศนี้เดินทางไปสู่ความสำเร็จและร่ำรวย

Amazing Escapes

Kachi Lodge (Uyuni Salt Flats, Bolivia)

Kachi Lodge บน Uyuni Salt Flats ของโบลิเวียอาจเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่หนุ่ม ๆ หลายคนหลงรัก เพราะที่นี่มอบประสบการณ์การพักผ่อนท่ามกลางที่ราบนาเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ตัวโดมซึ่งเป็นห้องพักถูกออกแบบให้คล้ายกับสถานีอวกาศขนาดย่อม และด้วยความสูง 11,800 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ทำให้ในตอนกลางคืนคุณสามารถดูดาวผ่านกำแพงโปร่งใสของโดมได้เต็มสองตา Kachi Lodg เพิ่งเปิดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยราคาที่พักสองคืนเริ่มต้นที่ $1,980 หรือประมาณ 60,600 บาทต่อคน

IHG Hotels and Resorts

InterContinental Shanghai Wonderland (Shanghai, China)

ในเมืองที่โด่งดังเรื่องตึกระฟ้าสูงตระหง่านอย่างเซี่ยงไฮ้ ก็ซุกซ่อนสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกอยากไปไว้เหมือนกัน InterContinental Shanghai Wonderland คือโรงแรมใต้ดินที่เปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา

สร้างจากการเจาะด้านข้างของเหมืองร้างในเขตชานเมืองเซี่ยงไฮ้ลึกลงไปถึง 290 ฟุต ที่นี่มีอาคาร 18 ชั้นสองแห่งตั้งอยู่ใต้น้ำ มีทางเดินกระจกสุดหวาดเสียว และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำลึก 33 ฟุตบริเวณด้านล่างของเหมือง แค่นี้คงเพียงพอแล้วที่จะทำให้เราอยากเดินทางไปท่องเที่ยวที่นี่

Courtesy Guntu

Guntu (Seto Inland Sea, Japan)

โรงแรมลอยน้ำแห่งนี้บรรจุกระท่อมหรูหรา 19 หลัง เริ่มออกเดินทางจากเมืองโอโนมิจิในจังหวัดฮิโรชิมา ก่อนล่องเรือไปรอบ ๆ ทะเลเซโตะในญี่ปุ่น และสามารถเชื่อมต่อไปยังเกาะอื่น ๆ ได้มากกว่า 700 เกาะ

ภายในห้องพักตกแต่งด้วยไม้และโทนสีอบอุ่นตามสไตล์มินิมัลของแดนปลาดิบ Guntu ยังมีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ ตั้งแต่ทัศนศึกษากับชาวประมงท้องถิ่น กิจกรรมบนบกในนาโอชิมา และมีเส้นทางเดินเรือมากกว่า 10 เส้นทางให้ผู้เข้าพักเลือกไป ที่นี่รองรับการพักค้างแรมตั้งแต่ 1-3 คืน และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $3,300 หรือราว 100,000 บาทต่อคืน

 

เมื่อสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ มีมากมายรอบโลกขนาดนี้ เราขอชวนหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทั้งหลายออกเดินทางไปยังดินแดนห่างไกลไร้ซึ่งคนรู้จัก เพื่อสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ค้นหาความสุขในชีวิต แรงบันดาลใจ หรือปลุกไฟในการทำงานให้กลับมาลุกโชนอีกครั้ง

บอกลาชีวิตน่าเบื่อจำเจ หนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ และสัมผัสสิ่งแปลกใหม่ของโลกอีกด้าน ออกไปเที่ยวกันครับ!

 

COVER SOURCES: 123SOURCE

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line