เยี่ยมชมบูธ MINI ในบรรยากาศ LONDON STREET มาครบทั้งโปรแรงและรุ่นพิเศษที่งาน MOTOR SHOW 2018

เวียนมาอีกครั้งสำหรับงาน Bangkok International Motor Show โดยในปีนี้เป็นการจัดครั้งที่ 39 เข้าไปแล้ว แน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะมาสัมผัสความหลากหลายของสุดยอดยนตรกรรมในงานนี้ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพคเมืองทองธานี แต่ละคนอาจจะมีบูธในดวงใจชนิดที่ต้องเดินเข้าไปหาเป็นบูธแรกต่างกันออกไป และสำหรับบูธที่เราต้องแวะไปก่อนใครเสมอ ก็คือ MINI ที่สุดของ Iconic Car จากประเทศอังกฤษ ที่ยังคงเอกลักษณ์ความโดดเด่นดั้งเดิมไว้ครบถ้วน ผสมผสานกับนวัตกรรมใหม่ตามแนวคิด “From the original to the Original” ได้อย่างเต็มที่ทั้งตัวรถและการออกแบบบูธที่ใครเดินมาต้องหลงคิดว่าอยู่ London กันเลยทีเดียว

บูธของ MINI ในปีนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายเมืองผู้ดี ที่ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบสไตล์ London Street โดยการจำลองบรรยากาศจากท้องถนนในกรุง London เมืองหลวงประเทศอังกฤษ ผู้ผลิตยนตรกรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 1959 ค่ายนี้ จะมาโชว์ของร้อนแรงในงาน Motor Show ทั้งที ย่อมต้องมีทีเด็ดเอาใจสาวก MINI ผู้ชื่นชอบรถขนาดกะทัดรัด ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจุดเด่นด้านความสนุกสนานในการขับขี่แบบ Go-Kart Feeling และเสน่ห์ในแบบผู้ดีแดนอังกฤษ เรียกว่า ถ้าอยากใส่สูทให้เท่กว่าใคร ต้องสูท Kingsman จากอังกฤษ ถ้าอยากขับรถที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์และสร้างความโดดเด่น ต้องขับ MINI Cooper

ทันทีที่มาถึงโซนของ MINI ก็รู้ทันทีว่ามีทีเด็ดซ่อนอยู่ ใครผ่านไปผ่านมาน่าจะสังเกตเห็น MINI คันหนึ่ง ถูกซ่อนด้วยผ้าคลุมรถจอดอยู่ตรงกลางถนน London จำลอง ทำให้รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นทีเด็ดของ MINI แน่นอน จากนั้นไม่นานการแสดงก็เริ่มขึ้น บรรดาแดนเซอร์ออกมาโชว์ลวดลายเต้นอย่างคล่องแคล่วมีสไตล์ ตามด้วยพริตตี้สาวสวยที่เป็นรองก็แค่รถ MINI ก่อนที่ไฮไลท์สำคัญจะมาถึง นั่นก็คือการเปิดผ้าคลุมให้เห็นตัวรถที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเราตั้งใจไปเฝ้าเพื่อนำเรื่องราวมาฝากกันในครั้งนี้โดยเฉพาะ

พอผ้าคลุมเปิดออก ต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายมาก สิ่งที่เราเห็นเป็นรถ MINI คันสีแดงที่ถูก wrap รอบคัน พร้อมข้อความ DIGITALLY YOURS #SEEYOUSOON รถคันนี้คือตัวแทนของ “MINI Clubman Special Edition” รุ่นพิเศษของ MINI Thailand ผลิตจำนวนจำกัดเพื่อฉลองครบรอบ 16 ปี มินิ ประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่ทุกคนจะได้จับจองเป็นเจ้าของรถ MINI รุ่นพิเศษผ่านทางระบบออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นโมเดล MINI Cooper S Clubman คันนี้ ส่วนจะเปิดจองเมื่อไหร่ ต้องติดตามข่าวสารจาก มินิ ประเทศไทย อย่างใกล้ชิด

สำหรับเรื่องราวของ MINI Clubman คร่าว ๆ นั้นต้องย้อนไปถึงปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่ MINI Clubman เปิดตัวเป็นครั้งแรก โดยโมเดลนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Mini Clubman Estate หนึ่งในรุ่นคลาสสิคที่ถือกำเนิดเมื่อปี 1969 ซึ่งพัฒนามาจาก Morris Mini Traveller อีกที

จุดเด่นก็คือ เป็นรถ MINI ที่คงเอกลักษณ์ดั้งเดิมทั้งการขับขี่และคาแรคเตอร์ที่มีช่วง overhang สั้น จากการวางตำแหน่งล้อทั้ง 4 ของตัวรถ มีความเอนกประสงค์มากกว่าโมเดลปกติ มิติของรถที่ยาวขึ้นทำให้เก็บสัมภาระได้มากขึ้น ฝากระโปรงท้ายเปิดได้แบบประตูตู้กับข้าวที่หลายคนชอบเรียกกัน น่าลุ้นว่าตัวพิเศษในไทยจะออกมาเท่ล้ำแค่ไหน

ส่วนโมเดลที่น่าสนใจอื่น ๆ เริ่มจาก MINI Countryman รถ SAV (Sports Activities Vehicle) 5 ที่นั่งยอดฮิตมิตรรักของเหล่าคนมีสไตล์สายลุยทั้งหลาย มาพร้อมเครื่องยนต์ 1,499cc TwinPower Turbo ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตรที่ 1,400-4,300 รอบต่อนาที เสริมบารมีด้วยล้อขนาด 17 นิ้ว ถือว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และการขับไปพักผ่อนต่างจังหวัดได้แบบครบถ้วนประโยชน์ใช้สอยในหนึ่งคัน

เรื่องราวของ MINI Countryman นั้น เริ่มต้นจากงาน Paris Motor Show 2008 ตอนนั้นทาง MINI ได้เปิดตัวรถคอนเซปต์ที่ใช้ชื่อว่า MINI Crossover Concept ซึ่งคล้ายกับ Countryman ในตอนนี้มาก ท่ามกลางคำถามจากหลายคนว่า ถ้า MINI จะมาทำรถขนาดใหญ่ แล้วมันจะยังถูกเรียกว่า MINI อีกหรือไม่ จากนั้นปี 2010 MINI Countryman ก็ถูกเปิดตัวจนได้ และมันก็กลายเป็นรถ MINI คันแรกที่มีความยาวมากกว่า 4 เมตร ถือเป็นการบุกเบิก Segment ใหม่ของ MINI ที่ประสบความสำเร็จแบบเต็มตัว

ส่วนอีกคันที่เร้าใจเราไม่แพ้กัน ก็คือ MINI Clubman Cooper S รถ SAV 6 ประตู 5 ที่นั่ง แฝงความแรงด้วยสมรรถนะขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ 1,998 cc TwinPower Turbo พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ ขับมันส์ด้วยแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่รอบต่ำ 1,250 รอบต่อนาที พร้อมด้วยฟังก์ชั่นเสริมแรง Overboost ให้แรงสะใจได้มากขึ้นไปอีกขั้น โดย MINI Clubman S คันนี้ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 228 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายนอกเพิ่มความดุด้วยท่อไอเสียคู่ และเท่ด้วยล้อแม็กซ์ขนาด 18 นิ้ว บ่งบอกว่าตัว S ที่ติดอยู่ตรงกระจังหน้ารถ เรียกว่าหล่อพร้อมรบ ครบทุกฟังก์ชั่นตั้งแต่เกิด

ดูไปดูมาก็เริ่มอยากได้แล้ว โปรโมชั่นก็แรงกระชากใจให้กำเงินไปวางจอง ในงานนี้พิเศษสุดเพราะมีทั้งการอัพเกรด MSI (Mini Service Inclusive) ขับสบายใจไร้กังวล เพิ่มระยะประกันจาก 3 ปี เป็น 5 ปี ถ้าอยากถอยออกมาขับทันที ก็ยังมีโปรแกรมใหม่ MINI Freedom Choice ให้เป็นเจ้าของ MINI Clubman Cooper S ได้อย่างสบายใจ ด้วยการรับประกันมูลค่ารถ MINI ของเรา คืนรถได้เมื่อสิ้นสุดสัญญา ส่วนอีกโปรโมชั่นที่น่าสนใจมาก เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่ใฝ่ฝันอยากครอบครองรถ MINI แบบไม่ต้องมีเงินก้อน ก็คือ MINI no down payment for all MINI (ผ่อนดาวน์ 0%) ให้เป็นเจ้าของรถ MINI โดยไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์ สามารถเลือกผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 48 – 60 เดือน

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบูธที่ทำให้งาน Motor Show ครั้งนี้มีสีสัน บอกตามตรงว่าแค่อ่านที่เราเล่าให้ฟังมันยังไม่เท่าไปสัมผัสเอง ลองแวะไปดูด้วยตัวเองที่บูธ MINI ชาแลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพคเมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 เมษายนนี้ รับรองเลยว่าสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ทาง มินิ ประเทศไทย เตรียมให้ รวมถึงอารมณ์ที่ได้เข้าไปนั่งในรถ MINI ทุกคัน มันจะทำให้การเดินกลับบ้านตัวเปล่าเป็นเรื่องยาก เพราะการตัดสินใจซื้อรถ MINI วันนี้ ทำได้ง่ายยิ่งกว่า

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของ MINI ได้ที่ https://www.facebook.com/MINI.Thailand และ https://www.mini.co.th