World

ผลวิจัยจาก UK ล่าสุดพบ AstraZeneca และ Pfizer ป้องกันเชื้อและอาการป่วยได้ถึง 90%

By: Chaipohn April 25, 2021

มีงานวิจัยแบบ Real-life Finding เกี่ยวกับประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 จากประเทศอังกฤษที่น่าจะทำให้พวกเรามีความหวังมากขึ้น เพราะจากการติดตามผลจากผู้ฉีดวัคซีนสองตัวคือ Pfizer-BioNTech และ AstraZeneca พบว่าสามารถป้องกันการติดไวรัสและลดความเสี่ยงจากการป่วยหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

แม้ตอนนี้หลายคนจะกำลังสงสัยในประสิทธิภาพของวัคซีน AstraZeneca ที่ไทยเลือกใช้เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาล้วนเป็นตัวเลขเคลมที่ยังไม่เคยมีการติดตามผลจริง แต่ University of Oxford, the Office of National Statistics and the Department for Health and Social Care ได้ทำวิจัยผลใช้จริงใน UK ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์เดียวกับที่กำลังระบาดในบ้านเราตอนนี้ พบว่าหลังฉีดวัคซีน Pfizer และ AstraZeneca ได้ 1 โดส สามารถลดโอกาสการติดไวรัสได้ไม่น้อยกว่า 65%

และหลังจากฉีดครบ 2 โดส พบว่ารายงานการติดไวรัสหรือเจ็บป่วยลดลงถึง 90% ซึ่งวัคซีนมีประสิทธิภาพเท่ากันระหว่างกลุ่มอายุเกิน 75 ปี เทียบกับกลุ่มวัยรุ่น

ผลการวิจัยนี้มาจากการติดตามข้อมูล nose and throat swabs กว่า 1.6 ล้านครั้ง จากกลุ่ม sample size จำนวนมากถึง 373,000 ราย (1 รายทำ swab มากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป) สอดคล้องกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอังกฤษที่กำลังลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐในอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยนี้ยังไม่ผ่านการ peer-reviewed ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาตรวจสอบ และตัดสินว่า key finding ดังกล่าว เป็นที่ยอมรับ (accepted) หรือปฎิเสธ (rejected) หรือให้กลับไปปรับปรุงแก้ไข (revised) ก่อนรับรองอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

นอกจากนี้ทีมหมอยังพูดถึงการใส่หน้ากากหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดสว่า คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้งและมีระยะห่างจากผู้คนเพียงพอ แต่ในสถานที่ปิดที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือสถานที่ outdoor ที่คนหนาแน่น ก็ยังควรใส่หน้ากากเหมือนเดิม

เห็นได้ชัดว่าทางออกเดียวของโควิด-19 คือ ‘วัคซีน’ แต่สิ่งที่พวกเรากำลังเผชิญกันอยู่คือการซื้อเวลาหลังจากปัญหาลุกลาม ถ้าผู้บริหารมีความสามารถมากพอ ควรจะรู้และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้วัคซีนมามากที่สุดตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะต้องเข้าร่วมโปรแกรมใด ต้องเจรจากับ supplier เจ้าไหนก็ตาม เพราะสุดท้ายการตัดสินใจที่ผิดพลาด ก็ทำให้ประเทศไทยต้องพบกับวิกฤตที่เลวร้ายอีกครั้ง

และมูลค่าความเสียหายที่ทุกคนต้องจ่ายนั้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเวลาด้วยการแจกเงิน หรือบริษัท SME ที่ต้องได้รับผลจากการเปิด ๆ ปิด ๆ เราต้องจ่ายสูงยิ่งกว่าเงินที่รัฐบาลต้องการจะประหยัดในการเข้าร่วม COVAC ตั้งแต่แรกเสียอีก

 

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line