World

UNLOCK ฟุตบอลทีมชาติไทย: บทพิสูจน์ MILOVAN RAJEVAC บนเส้นทาง 2 ทัวร์นาเมนต์สำคัญ

By: PERLE November 19, 2018

ถือว่าเปิดหัวได้สวยพอสมควรสำหรับฟุตบอลชายทีมชาติไทยในทัวร์นาเมนต์ AFF Suzuki Cup 2018 หรือ ASEAN Cup หลังจากถล่มสมันน้อยประจำกลุ่มอย่างทีมชาติติมอร์-เลสเต ไปถึง 7-0 ต่อด้วยยัดเยียดความปราชัยให้กับมหามิตรอินโดนีเซียในนัดต่อมา 4-2 เรียกได้ว่าคลายความกดดันไปได้พอสมควร

AFF Suzuki Cup 2018 ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ของจริงบทแรกสำหรับกุนซือ Milovan Rajevac หลังจากที่เขาเข้ามารับตำแหน่งนี้เมื่อต้นปี 2017 ถึงแม้ที่การคุมทีมของกุนซือวัย 64 กะรัตที่ผ่านมา ทีมชาติไทยจะทำผลงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจ แต่ส่วนใหญ่คือนัดกระชับมิตรแทบทั้งสิ้น รายการนี้จึงเปรียบเสมือน ‘การลองของจริง’ ครั้งแรก

AFF Suzuki Cup 2018

สำหรับรายการนี้ทีมชาติไทยและ Rajevac ไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากต้องได้แชมป์สถานเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเก้าอี้ของกุนซือชาวเซอร์เบียคนนี้จะร้อนทันทีเนื่องจากแฟนบอลส่วนใหญ่พร้อมจะนำเขาไปเปรียบเทียบกับ ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติไทยกุนซือคนก่อนหน้า ในยุคของซิโก้นั้นเขาสามารถพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์รายการนี้ได้ถึง 2 สมัยซ้อน ด้วยสไตล์การเล่นที่สวยงามและสามารถปลุกกระแสความนิยมฟุตบอลไทยขึ้นมาได้อีกครั้ง ดังนั้นถ้า Rajevac ไม่สามารถพาทีมชาติไทยคว้าถ้วยรายการนี้มาฝากแฟนบอลได้ เชื่อขนมกินได้เลยว่าเขาจะต้องโดนกระแสกดดันอย่างหนักแน่นอน

แต่โจทย์ของ Rajevac นั้นดูจะยากกว่าของซิโก้อยู่นิดหน่อย เนื่องจากเขาเลือกที่จะไม่เรียกผู้เล่นคนสำคัญที่ค้าแข้งอยู่ต่างประเทศมาร่วมทีมสู้ศึก AFF ครั้งนี้

การขาด กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, และ ธีราทร บุญมาทัน นั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความแข็งแกร่งของทีมชาติไทยลดลงไปพอสมควรเลยทีเดียว เพราะทุกรายชื่อที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติมาโดยตลอด และเชื่อเหลือเกินว่าประสบการณ์จากการค้าแข้งในต่างแดนนั้นจะช่วยพัฒนาฝีเท้าพวกเขาไปอีกขั้น

การคว้าแชมป์ AFF นั้นจะว่าง่ายก็ไม่ง่ายขนาดนั้น จะว่ายากก็ไม่ยากเกินเอื้อม เนื่องจากถ้าวัดกันตามเนื้อผ้าทีมชาติไทยมีคุณภาพผู้เล่นเฉลี่ยดีที่สุด แต่นี่เปรียบเหมือนดาบสองคม เพราะทำให้ทุกชาติที่เหลือกระหายที่จะล้มทีมไทยให้ได้ และพวกเขาพร้อมทุ่มสุดตัวแน่นอนเมื่อเจอกับทัพช้างศึก

ตอนนี้หลังจากผ่านมา 2 นัด หนทางการเข้าสู่รอบต่อไปค่อนข้างสดใส ซึ่งบทพิสูจน์ที่แท้จริงจะรอพวกเขาอยู่ที่ตรงนั้น เพราะในกลุ่ม A (ทีมชาติไทยอยู่กลุ่ม B) ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติเวียดนาม, เมียนมา, หรือ มาเลย์เซีย ต่างก็โชว์ฟอร์มกันได้อย่างยอดเยี่ยม

ทีมชาติไทยชุดนี้จะดีพอสำหรับตำแหน่งแชมป์หรือไม่ เรามารอลุ้นและส่งแรงเชียร์ไปพร้อม ๆ กัน

Asian Cup 2019

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ก้าวต่อไปที่สำคัญและยิ่งใหญ่กว่าเดิมของทีมชาติไทยคือศึก Asian Cup 2019 ทัวร์นาเมนต์ชิงความเป็นจ้าวเอเชียซึ่งจัดทุก 4 ปี ซึ่งในครั้งนี้ทีมชาติไทยสามารถคว้าตั๋วเข้าร่วมการแข่งขันได้สำเร็จหลังจากผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2018 ได้สำเร็จ

และหลังจากที่ผลการจับฉลากแบ่งกลุ่มออกมา ความหวังของทีมชาติไทยก็แจ่มชัดขึ้นไปอีก เนื่องจากทีมชาติไทยได้อยู่ในกลุ่ม A ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่โหดหินจนเกินไปนัก โดยทีมชาติไทยอยู่ร่วมกับ

ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – เจ้าภาพพร้อมควบตำแหน่งเต็ง 1 ประจำกลุ่ม นี่คือกระดูกชิ้นโตสำหรับทีมชาติไทยอย่างแท้จริง เพราะในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ผ่านมา ทีมชาติไทยพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 1-3 ในเกมเยือน และเมื่อมาเล่นในบ้านช้างศึกของเราก็ทำได้แค่ยันเสมอเท่านั้น อย่างไรก็ตามการที่ Omar Abdulrahman จอมทัพคนสำคัญของ UAE บาดเจ็บหนักและมีสิทธิ์สูงที่จะพลาดลงช่วยทีมในทัวร์นาเมนต์นี้คงทำให้ความแข็งแกร่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลดน้อยลงพอสมควร

ทีมชาติอินเดีย – ถึงแม้จะมีอันดับ FIFA Ranking ที่ดีกว่า แต่เชื่อว่าในเรื่องของขุมกำลังนั้นทีมชาติไทยไม่เป็นรองแน่นอน อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ทัพช้างศึกสามารถหวังถึง 3 แต้มได้เลยในนัดที่เจอกัน

ทีมชาติบาห์เรน – เช่นเดียวกับอินเดีย ทีมชาติบาห์เรนมีอันดับ FIFA Ranking ที่ดีกว่าทีมชาติไทย แต่ในเรื่องคุณภาพนักเตะนั้นเชื่อว่าไทยสู้ได้ ถึงแม้ว่าครั้งล่าสุดที่ทีมชาติไทยชนะทีมชาติบาห์เรนต้องย้อนไปเมื่อปี 1980 เลยทีเดียว แต่ตอนนี้วงการฟุตบอลไทยพัฒนาขึ้นมามาก และเชื่อว่านี่คงเป็นนัดสำคัญชิงอันดับ 2 ของกลุ่มเพื่อเข้าสู่รอบต่อไปโดยอัตโนมัติ

การผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึก Asian Cup 2019 ได้นั้นถือว่าประสบความสำเร็จแล้วสำหรับทีมชาติไทยชุดนี้ หลังจากนั้นคือกำไร ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเก็บเกี่ยวได้มากแค่ไหน

สิ่งที่ต้องพัฒนา

ในความเห็นเราตอนนี้ทีมชาติไทยกำลังมาถูกทางแล้วกับแนวทางการเล่นรัดกุมเน้นโต้กลับเป็นหลัก เนื่องจากถ้าเทียบกับทีมระดับท็อปของเอเชีย คุณภาพนักเตะทัพช้างศึกยังเป็นรองพอสมควร ดังนั้นการจะเปิดหน้าเข้าแลกเล่นเกมบุกสู้ ส่วนใหญ่จะพบตอนจบที่ไม่สวยนัก

แต่สิ่งที่ยังต้องพัฒนาคือเกมรับที่ถึงแม้จะเหนียวแน่นขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังมีการเสียสมาธิ เสียประตูแบบไม่น่าเสีย ดูได้จากเกมชนะอินโดนีเซีย 4-2 เป็นตัวอย่าง อีกหนึ่งสิ่งคือการจบสกอร์ที่ยังขาดความเฉียบคม ใช้โอกาสเปลืองไปบ้างในบางครั้ง ซึ่งถ้า Rajevac ปรับปรุง 2 จุดนี้ได้เชื่อว่าทีมชาติไทยจะไปได้ไกลกว่าเดิมแน่นอน

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line