Entertainment

UNLOCKMEN MUSIC UPDATE : เตรียมหูไว้รอฟัง ศิลปินร็อคที่จะออกอัลบั้มปี 2021

By: unlockmen January 15, 2021

ปี 2020 เพิ่งจะผ่านไป แม้จะเป็นปีแห่งความทุกข์ระทมของคนฟังเพลง โดยเฉพาะคนฟังเพลงสากลที่ไม่มีโอกาสได้ชมการแสดงสดจากวงดนตรีและศิลปินที่ตนรักเนื่องจากการล็อกดาวน์ ทำให้ไม่สามารถบินข้ามประเทศมาแสดงที่บ้านเราได้ (บ้านเขาเองก็แทบไม่ได้ดูเช่นกัน) แต่ในความชอกช้ำก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดี เมื่อการถูกล็อคดาวน์ทำให้เหล่าศิลปินได้มีเวลาเหลือพอที่จะเข็นอัลบั้มใหม่กันมากมาย และมั่นใจว่ามากเป็นประวัติการณ์ UNLOCKMEN จึงขอเชิญทุกท่าน เตรียมหูให้พร้อม แล้วมารอฟังกันให้หูแฉะกับอัลบั้มที่ UNLOCKMEN คัดเลือกแนวร็อคที่พร้อมให้คุณฟังในปี 2021 ถ้าพร้อมแล้วก็มาเช็คกันได้เลย

15th January: Shame – Drunk Tank Pink

เริ่มที่เดือนมกราคมที่ปกติมักจะเป็นเดือนที่เงียบเหงา เพราะเหล่าศิลปินดังมักจะเลือกไม่ออกงานเดือนนี้เพราะอากาศยังหนาว แถมเพิ่งเสร็จสิ้นเทศกาลปีใหม่คงไม่มีใครจะจับจ่ายใช้สอยในช่วงเวลานี้ แต่ปีนี้หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ อย่างน้อยๆวง Post-Punk รุ่นใหม่จากลอนดอนตอนใต้ที่เคยมาแสดงคอนเสิร์ตที่บ้านเราอย่าง Shame ไม่รอช้าประกาศปล่อยอัลบั้มชุดที่ 2 ที่ชื่อ Drunk Tank Pink โดยฟรอนต์แมนหัวทอง Charlie Steen ได้กล่าวถึงคนเซ็ปท์ของอัลบั้มชุดนี้ว่า “เมื่อดนตรีหยุดชะงักลง คุณจะเหลือเพียงความเงียบ และความเงียบนั้นเองมีพลังที่ซ่อนอยู่ มันคือ่ส่วนสำคัญของอัลบั้มชุดนี้” แน่นอนว่าวงเองก็ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดไม่ต่างกัน “มันเป็นครั้งแรกที่เราไม่สามารถทำห่าอะไรได้เลย ซึ่งตระหนักได้ว่าชีวิตเราจริงๆต้องการแค่ตื่นมา กินข้าว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ฟอกสบู่ เซย์กู๊ดไนท์ แล้วก็นอน” แต่ถึงกระนั้นก็ตามใช่ว่าอัลบั้มนี้จะด้อยซึ่งความหนักหน่วง ตรงกันข้ามดีกรีความร้อนแรงกลับรุนแรงกว่าอัลบั้มเดบิวท์ชุดที่แล้ว “เราพยายามหาแนวทางใหม่ไม่ให้ย่ำอยู่กับที่ บางแทร็คผมก็บอกกับวงว่า “เฮ้ยพวก กูเบื่อที่จะเล่นกีตาร์แล้วว่ะ”” Sean Coyle-Smith บอกถึงการแสวงหาแนวทางใหม่ของอัลบั้มซึ่งจาก 4 แทรคแรกที่ตัดมาเป็นซิงเกิ้ลเราก็พบความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด

Test
“Alphabet”
“Water in the Well”
“Snow Day”
“Nigel Hitter”

 

15th January: You Me at Six – Suckapunch

ต่อด้วยร็อคดุดันจากประเทศอังกฤษอีกหนึ่งวง You Me at Six กับอัลบั้มชุดที่ 7 ที่วงได้สารภาพว่าความเบื่อหน่ายทำให้พวกเขาท้อจนเกือบจะยุบวง แต่แล้วพวกเขาก็ฮึดสู้อีกครั้ง และครั้งนี้มันได้สร้างงานมาสเตอร์พีซซึ่งแม้แต่วงเองก็ยังตะลึง เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อเขาเริ่มที่เหนื่อยล้ากับการแสวงหาแนวทางใหม่ๆ จากแรกเริ่มที่เขาเป็นวง Pop Punk สมัยวัยรุ่นจนเติบใหญ่ทำงานที่ลึกล้ำจนไม่เหลือซึ่ง Passion ใดๆ อีกต่อไป เพราะไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน YMa6 เองก็เช่นกัน จนพวกเขาคิดว่าถ้าจะยุบวงก็ขอให้อัลบั้มชุดนี้เป็นชุดทิ้งทวนแม่งเลยก็แล้วกัน ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะทำอัลบั้มชุดใหม่เพื่อสั่งลา โดยที่เขาเลือกเมืองไทยเพื่อพักผ่อนและอัดอัลบั้มชุดที่ 7 ทันที (ว้าวววว) และเมื่อพวกเขาทำอัลบั้มพร้อมแสวงหาแนวทางใหม่ๆให้กับตัวตนก็พบว่า “ช่างแม่ง ไม่ต้องค้นหา แค่เราเป็นตัวเราให้มากที่สุดก็พอ” ว่าแล้ววงก็อัดกันสดๆเลิกห่วงหน้าพะวงหลัง โดย Josh Franceschi นักร้องนำได้บอกกับทาง NME ว่า “เราย้อนกลับไปแนวทางเดิมสมัยเราเริ่มทำอัลบั้มชุดแรกๆ แต่มันถูกแซมด้วยแนวทางใหม่ๆ ใครจะไปคิดว่าในอัลบั้มเราจะมีแนว R&B และ Hip Hop รวมอยู่ในนั้นด้วย เราไม่อยากแค่ทำอัลบั้มสั่วๆเพื่อหาเรื่องทัวร์คอนเสิร์ต แต่เราอยากทำงานให้เหมือนกับว่ามันเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของเราจริงๆ ดังนั้นอัลบั้มนี้ถึงถือเป็นการทลายกำแพงต่างๆที่ก่อในใจเรา และเราเชื่อมั่นว่า “Suckapunch” คืองานมาเตอร์พีซ”
ก็มาคอยดูกันว่าอัลบั้ม Made in Thailand อัลบั้มนี้จะยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือหรือไม่ ก็หวังว่าหมดโควิด-19 แล้ว จะมาเยือนที่ไทยในรูปแบบทัวร์คอนเสิร์ตมั่งนะ

Test
“What It’s Like”
“MAKEMEALIVE”
“Beautiful Way”
“Suckapunch”
“Adrenaline”

 

5th February: Foo Fighters – Medicine at Midnight

ไม่ต้องรอช้า เพราะไฮไลท์แห่งปีมาตั้งแต่เดือนที่ 2 เมื่อ Dave Grohl ประกาศกร้าวว่าอัลบั้มชุดที่ 10 ที่ทิ้งช่วงห่างจากอัลบั้มชุดที่แล้วถึง 4 ปีจะมาเพื่อเยียวยาหัวใจทุกคน “เพราะตอนนี้ทุกคนต้องการบางสิ่งเพื่อยกระดับจิตใจ”

หลังจากอัลบั้มชุดที่ 9 Concrete and Gold เมื่อปี 2017 วงก็ประกาศจะพักงานยาวหลังเหนื่อยล้าจากการทัวร์คอนเสิร์ตมายาวนาน แต่แล้วพอหนุ่มจอมขยันก็ไม่ปล่อยให้มันค้างเติ่งไปนานจนเกินไป เมื่อเขาได้เขียนเพลงระหว่างที่พักผ่อน และส่งให้เพื่อนสมาชิกในวงฟัง จนเมื่อทุกคนรวมตัวกันในปี 2019 เพื่อทำการบันทึกเสียง ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “แม่งเพี้ยนชิบหาย” โดย Dave กล่าวว่าอัลบั้มนี้เสมือนอัลบั้ม Let’s Dance ของ David Bowie ตรงที่มันจะเป้นเพลงร็อคที่คุณจะโยกหรือกระโดดโลดแดนซ์ได้ “แต่พวกเอ็งอย่าคิดว่าพวกข้าจะเปลี่ยนแนวไปทำ EDM หรือ Disco เชียวนะโว้ย คือเพลงในอัลบั้มนี้แม่งเหมาะมากที่จะฟังในคอนเสิร์ตและทุกคนจะเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยงกระโดดกันสุดแรง เรากำลังทำเพลงร็อคที่โคตรป็อปและมันมีจังหวะที่เร็ว แรง และเต้นได้” นอกจากเป็นเพลงที่พร้อมจะให้ทุกคนเต้นยับแล้ว Dave ยังหวังให้เป็นอัลบั้มที่ยกระดับจิตใจ “ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เราจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างปกติอ่ะนะ เราเลยหวังว่าอัลบั้มนี้จะช่วยยกรระดับจิตใจ อย่างน้อยที่สุดให้มาสนุกกับพวกเรา” หัวหน้าวงทิ้งท้ายแบบนี้ หวังว่าต้นเดือนกุมภาพันธ์เราจะได้ใช้ชีวิตปกติพร้อมกับฟังเพลงจากอัลบั้มใหม่ของ Foo Fighters กันได้อย่างปกติเสียทีนะ

Test
“Shame Shame”
“No Son of Mine”

26th February: Maxïmo Park – Nature Always Wins

ส่วนวงนี้เป็นอีกหนึ่งวงที่ชาวร็อคยุค 2000s ต่างรอคอย หลังจากที่ทิ้งช่วงห่างไปนานถึง 4 ปีเต็มๆ และด้วยการล็อคดาวน์นั้นเองก็ทำให้พวกเขาหวนคืนสู่การทำงานเพลงอีกครั้ง “มันคือช่วงเวลาแห่งความท้าทายสำหรับทุกคน แม้ว่าจะถูกล็อคดาวน์ แต่มันก็ทำให้เราได้หวนกลับไปสู่ความตื่นเต้นและมีความสุขในการทำอัลบั้มอีกครั้ง” Paul Smith ฟรอนท์แมนของวงกล่าวถึงที่มาของอัลบั้มชุดนี้ว่า “หลังจากอัลบั้ม Risk To Exist เราก็พยายามที่จะแสวงหาซาวด์ใหม่ๆ โดยไม่ทิ้งความไพเราะและเนื้อหาของเพลงที่จริงใจที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเราไว้ ซึ่งครั้งนี้เราลองหวนรำลึกถึงความสวยงามของความรักในอดีต ดีกว่าจะนั่งซึมกับความชอกช้ำของความรักที่ผิดหวัง” ซึ่งวงได้ปล่อยซิงเกิ้ลมาแล้ว 2 เพลง ซาวด์โดยรวมให้ความรู้สึกถึงตอนวัยเยาว์สมกับที่บอกจริงๆ ส่วนการทัวร์วงขอเมคชัวร์เจอกันช่วงเดือนมิถุนาคมเป็นต้นไปเลย

Test
“Baby, Sleep”
“I Don’t Know What I’m Doing”

 

5th March: Kings of Leon – When You See Yourself

ส่วนเดือนมีนาคมก็ชวนเดือดไม่แพ้กัน เริ่มต้นด้วยอัลบั้มของศิลปินที่เราเชียร์ให้กลับมาฟอร์มดีอยู่เสมออย่าง ราชันย์แห่งราชสีห์ Kings of Leon ที่คลอดอัลบั้มใหม่ในรอบ 5 ปี แม้จะไม่ได้เปิดเผยที่มาที่ไปของอัลบั้มนี้มากมายนัก แต่วงก็ขยันทำนู่นนี่นั่นเสมอตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการเซอร์ไพร้์บิ๊กแฟนด้วยการสุ่มแจกเสื้อทีเชิร์ตให้กับแฟนๆทางไปรษณีย์ ไปจนถึงการปล่อยคลิปสั้นๆความยาวไม่เกิน 30 วินาทีจำนวน 6 เพลง และปล่อยดับเบิลซิงเกิ้ล 2 เพลง ซึ่งเป็นซาวด์ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็หวังว่าครั้งนี้ KoL คงไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังอย่างแน่นอน

Test
“The Bandit”
“100,000 People”

 

26th March: Evanescence – The Bitter Truth

Evanescence ถือเป็นอีก 1 วงที่หลายคนรอคอย เพราะกว่าจะออกอัลบั้มแต่ละทีก็ทิ้งช่วงนานเสียเหลือเกิน ซึ่งโควิด-19 ก็เป็นอีกหนึ่งพลังผลักดันที่ทำให้วงขึ้นทำอัลบั้มใหม่ “เรารู้สึกกะปรี้กระเปร่ามาก ถือว่ามีพลังเหลือล้นในการทำงานอย่างมาก จากปกติถ้าไฟไม่ลนก้นเราก็แทบไม่อยากจะเข็นเพลงใหม่เลย มาคราวนี้เรากลับเลือกที่จะทำกำหนดอัลบั้มกันเอง เพราะมีเวลาเหลือเฟือในการโฟกัสการทำงาน…คือไม่อยากทำมันก็ต้องทำล่ะนะ ฉันบอกกับเพื่อนๆในทีม “ลุยแม่งเลย ทำให้แม่งจบๆไป”” Amy Lee กล่าวถึงที่มาของอัลบั้มตามประสาชาวร็อคแบบไม่แยแสอะไร ส่วนความหมายของชื่ออัลบั้ม The Bitter Truth ที่แปลได้ว่า ความจริงที่ขมขื่น นั้นคือการเผยความเจ็บปวดรวดร้าวผ่านเรื่องราวที่ผ่านมา โดยดีกรีความร็อคอาจจะลดความรุนแรงลง แต่ไปหนักแน่นด้านการทำเพลงที่ให้กำลังใจให้สู้ต่อไปและเผชิญหน้าความจริง ก็มาลองรับชมกันว่างานนี้จะเป็นอย่างไร

Test
“Wasted on You”
“The Game Is Over”
“Use My Voice”
“Yeah Right”

 

2nd April: Glasvegas – Godspeed

หากพูดถึงวงที่ครองแชมป์ระยะห่างนานในการทำอัลบั้มยาวนานที่สุดน่าจะเป็นวงนี้ Glasvegas วงอินดี้ร็อค จากเมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ ที่ทิ้งช่วงจากอัลบั้มชุดที่แล้วไปถึง 8 ปี ซึ่ง James Allan ฟรอนต์แมนของวงก็สารภาพว่า “จริงๆไม่ได้ต้องการให้มันทิ้งช่วงยาวนานขนาดนี้เลย แต่ระหว่างที่ทำผมก็รู้สึกเหมือนคนบ้า บางอารมณ์ก็เหมือนตัวเองเป็น Brian Wilson (นักร้องนำ The Beach Boys) ในช่วงตอนทำ Pet Sounds จนเกือบเป็นคนสติเสียไปเลย” แม้จะเป็นที่โล่งใจที่ตอนแรกคิดว่า Glasvegas จะไม่ไปต่อและพอที่อัลบั้มชุดที่ 3 โดยที่ James ก็เผยความไม่มั่นใจมาเป็นระยะๆ “ผมต้องใช้เวลาพอสมควรเลยกว่าที่จะประกอบความคิดในสมองตัวเอง…คือมันไม่รู้ว่าเป็นความมั่นใจหรือความโง่เง่าของผมนะที่อัลบั้มใหม่ไม่ยอมคลอดซักที ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีคนบอกว่าอัลบั้มนึงใช้เวลาทำกว่า 7 ปี ผมคงคิดว่าไอ้นี่มันบ้า แต่พอมันเจอกับตัวเองผมก็เริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่ามันเป้นได้จริงๆ” แต่สุดท้าย ในที่สุดอัลบั้มก็สำเร็จในปีที่ 8 หลังจากที่ James เองได้รับการบำบัดทั้งการติดยา และพบว่าการเล่นยาเพื่อแสวงหาแรงบันดาลใจของร็อคสตาร์เป็นเรื่องไร้สาระ และพบว่าการทำคอนเสิร์ตฉลอง 10 ปีครบรอบอัลบั้มเดบิวท์ในปี 2018 ต่างหากที่เป็นแรงบันดาลใจที่แท้จริง “มันยอดเยี่ยมมากเลย ไม่คิดว่าแฟนเพลงจะให้การต้อนรับพวกเราขนาดนี้” และความรู้สึกนี้อาจจะเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาตั้งใจทำอัลบั้มที่ยาวนานนี้ให้สำเร็จ จนสุดท้ายก็กลายเป้นรูปเป็นร่างให้รับฟังกันแล้ว 2 ซิงเกิ้ล ซึ่งถือเป็นอีก 1 อัลบั้มที่เราไม่อยากพลาดด้วยประการทั้งปวงเลย

Test
“Keep Me a Space”
“My Body Is a Glasshouse (A Thousand Stones Ago)”

7th May: Weezer – Van Weezer

ส่วนศิลปินจอมขยันที่ออกอัลบั้มมาแล้ว 13 ชุดก็ขอยกให้กับวงร็อคสุดกวนอย่าง Weezer ที่อัลบั้มชุดที่ 14 นี้พวกเขาจัดทำขึ้นเพื่อบูชากีตาร์ฮีโร โดยมีวงอย่าง Kiss, Black Sabbath, Metallica และ Van Halen เป็นแรงบันดาลใจ (โดยเฉพาะคนหลังที่วงเอามาตั้งเป็นชื่ออัลบั้มเสียเลย) ซึ่งอัลบั้มที่เสมือนการทริบิวท์ Hard Rock ยุค 80s นี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากที่ช่วงหนึ่ง Weezer ได้เล่นคอนเสิร์ตในช่วงปี 2018 และพอพวกเขาเล่นเพลง “Beverly Hills” (เพลงเอกในอัลบั้ม Make Believe) ทุกคนในฮอลล์ก็กระโดดโลดเต้นกันแทบคลั่ง พวกเขาเลยคิดว่าอยากจะทำเพลงในแนวทางที่พวกเขายังเป้นวัยรุ่นในยุคนั้นกันบ้าง ซึ่งดีกรีนั้นจะมีความคล้าย Blue Album (1994) อัลบั้มชุดแรกที่สร้างชื่อของวง แต่หนักหน่วงและรุนแรงยิ่งกว่า ซึ่งจากซิงเกิ้ลชิมลางอย่าง The End of the Game ก็แสดงให้เห็นว่าโซโลกีตาร์ได้ไฟแล่บจริงๆ

Test
“The End of the Game”
“Hero”

 

และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของศิลปินที่จะออกอัลบั้มในช่วงครึ่งปีแรกที่มีข้อมูลออกมา จริงๆแล้วยังมี Adele / Lana Del Rey / Teenage Fanclub / Phoenix / Mogwai / Alice Cooper / NOFX / Rob Zombie / Sting / Ringo Starr / Garbage / Megadeth / OneRepublic / Royal Blood / Scorpions / Rihanna / Slowdive / St. Vincent / Lorde / Kendrick Lamar / Arcade Fire ที่เริ่มเข้าห้องอัดทำอัลบั้มกันแล้ว ปี 2021 จึงน่าจะเป็นอีกปีที่เหล่าศิลปินพากันซุ่มเงียบใช้ช่วงเวลาที่ไม่ได้ทัวร์คอนเสิร์ตที่ไหน และใช้ช่วงเวลาของการล็อกดาวน์ ทำอัลบั้มคุณภาพให้ได้ฟังกันอย่างมโหฬาร ซึ่งกำไรก็ตกอยู่กับคนฟังอย่างเราๆที่จะได้ฟังเพลงจากศิลปินที่ชอบกันอย่างล้นหลาม แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นในช่วงเวลาแห่งวิกฤตนี้ แม้จะย่ำแย่ปานใด หากแต่โรคร้ายไม่อาจจะบดบังความอัจฉริยะในการสร้างสรรค์ผลงานลงได้ Unlockmen ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตนี้กันได้อย่างเร็วไว

ที่มา NME / Rolling Stone / DIY / Consequence of Sound

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line