ชายผู้เปลี่ยนวงการแฟชั่น และรวมเอาไฮเอนด์เข้ากับสตรีทแวร์ “Virgil Abloh”

ตอนนี้ Virgil Abloh คือชื่อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดบนโลกออนไลน์มากที่สุดชื่อหนึ่ง หลังจากออกคอลเลคชั่น “the ten” กับทาง Nike พร้อมกระแส OFF-WHITE ฟีเว่อร์ไปทั่วโลก และกลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้ากราฟิกฮิตอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน

สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลีกับเรื่องราวของแฟชั่นอาจจะ งง ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทำอะไรมาถึงดัง แต่ว่าสตรีทคัลเจอร์ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ที่ไปเดินสยามแล้วเห็นวัยรุ่นแต่งตัวในสตรีทสไตล์ราคาแพงระยับล้วนมีเขาเป็นหนึ่งในเบื้องหลังผู้ปลุกกระแสสตรีทแฟชั่นกับไฮเอนด์แฟชั่นเข้าด้วยกัน

เพราะจากจุดเริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อนที่ Virgil Abloh ได้ไปเหมาเสื้อ Polo Ralph Laurent แล้วมาสกรีนทับด้วยกราฟิกโลโก้จากไอเดียของตัวเอง จากนั้นกลับไปขายต่อในราคาแพงขึ้นเกือบเท่าตัว แถมยังประสบความสำเร็จอย่างมาก

ซึ่งเขาก็น่าจะเป็นโรลโมเดลให้กับ Supreme x Louis Vuitton หรืออีกหลาย ๆ แบรนด์ที่กำลังทำกันอยู่ในปัจจุบันในการร่วมร่างแบรนด์สตรีทและไฮเอนด์เข้าด้วยกัน

ประวัติของ Virgil Abloh ถือว่าน่าสนใจทีเดียวเพราะเขาเรียนจบปริญญาตรีสาขา Civil Engineering และปริญญาโทสาขา Architecture นั่นดูเหมือนเส้นทางของเขาไม่น่าจะมีโอกาสมาบรรจบในเรื่องของแฟชั่นได้เลย

แต่ทว่าด้วยความหลงใหลในเรื่องของดีไซน์ ทำให้เขาได้เดินเข้าสู่วงการสายแฟชั่นทั้งที่ไม่ได้มีสกิลด้านการออกแบบเสื้อผ้าติดตัวไปเลย หนทางสู่การเข้าวงการแฟชั่นของ Virgil Abloh จึงเหมือนมีโชคเล็ก ๆ เพราะเขาได้ก้าวเข้ามาเป็น Creative Director และ Stylist ส่วนตัวของ Kanye West (อาจเพราะทั่งคู่เป็นคนบ้านเดียวกัน)

แต่หากจะบอกว่าเขาพึ่งโชคอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ หากดูจากผลงานที่ประจักษ์ต่อสายต่อสาธาณะชนว่าการแต่งตัวของ Kanye West  ที่กลายเป็นไอคอนของคนทั้งโลก ล้วนผ่านฝีมือในการคิดออกแบบของ Virgil  Abloh มาทั้งนั้น ซึ่งถ้าเปรียบง่าย ๆ ให้เข้าใจ หาก Kanye West เป็น Bruce Wayne ตัวของ Virgil Abloh ก็เป็น Alfred Pennyworth

แม้ว่า Abloh จะได้เป็นเหมือนมือขวาในเรื่องสไตล์สำหรับชายที่ทรงอิทธิพลเรื่องแต่งตัวมากที่สุดคนหนึ่งของโลก แต่เขาก็ไม่ได้พอใจเพียงแค่นั้น และอยากก้าวออกจากการเป็นเงาที่คอยผลักดันคนอื่นอยู่เบื้องหลังแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

เขามีความคิดอยากจะที่จะปลุกปั้นแฟชั่นในแบบอย่างที่เขา โดยสิ่งที่เขาเชื่อว่าจะสามารถทำให้มันเป็นจริงได้คือการสร้างแบรนด์ที่อยู่ระหว่าง ไฮเอนด์ และสตรีทแวร์

Abloh ค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์ เริ่มจากการทำร้าน selected store ที่ชื่อ RSVP Gallery ก่อนที่จะมาโด่งดังในวงกว้างจากตอนที่เขาออกแบบหน้าปกอัลบั้มของ Watch The Throne ของ Jay-Z และ Kanye West ซึ่งหน้าปกอัลบั้มได้รางวัล Best Recording Package ของ Grammy Award

packed album “Watch The Thrones”

ก่อนที่ Virgil Abloh จะกระโดดเข้ามาในวงการแฟชั่นอย่างเป็นทางการในปี 2012  กับแบรนด์ที่ชื่อ Pyrex Vision ซึ่งเป็นเหมือนงานทดลอง แม้ว่ามันจะประสบความสำเร็จในระดับยอดเยี่ยมก็ตาม  และระหว่างที่เขาปลุกปั้นแบรนด์นี้

Abloh ยังนั่งแท่นที่ปรึกษาให้กับสตรีทแวร์แบรนด์อื่น  ๆ มากมายอาทิ Hood by Air , #BEEN TRILL จนประสบความสำเร็จ ให้สตรีทแวร์แบบบไฮเอนด์เป็นที่ยอมรับ และนิยมในวงกว้าง  แต่แล้วหลังจาก Pyrex Vision กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก เขาก็ช็อกแฟน ๆ ตัวเองด้วยการยุติและยกเลิกแบรนด์นี้ไปเสียดื้อ ๆ

โดยให้เหตุผลว่า Pyrex Vision คืองานทดลองเสียมากกว่า และสิ่งที่ได้รับมันเกินความคาดหมายมาก เขาจึงอยากจะเต็มที่กับการออกแบบเสื้อผ้าอย่างจริงจัง เขาจึงตัดสินใจปล่อยแบรนด์ที่ชื่อ OFF-WHITE ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความท้าทายใหม่ของ Virgil Abloh

ด้วยอานิสงส์จากการที่เขารู้จักเซเลบริตี้มากมายที่สามารถเป็นกระบอกเสียงให้กับเสื้อผ้าแบรนด์ของเขาได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ OFF-WHITE จะโด่งดังอย่างรวดเร็ว และเป็นที่ต้องการไปทั่วโลก

แต่ในเชิงการออกแบบ เขาไม่ได้รับเครดิตมากนักเนื่องจากนักวิจารณ์หลายคนยังเห็นว่างานของเขาไม่ได้แตกต่าง และน่าสนใจอะไรจากตลาดเดิมที่มีอยู่

หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ พัฒนางานออกแบบให้ดียิ่งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 2015  Abloh ได้เข้าชิงรางวัล LVMH Prize for Young Designer แม้จะไม่ได้รางวัลอะไรติดมือก็ตาม แต่ชื่อของเขาเริ่มมีการพูดถึง และจับตามอง ถึงผู้เปลี่ยนแปลงเทรนด์แฟชั่นโลกให้หมุนกลับ

นอกเหนือจากแบรนด์ OFF-WHITE ตัวตนของ Virgil Abloh ก็ทวีคูณความดังขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขาเป็นเป้าของตากล้องให้คอยตามจับภาพสไตล์การแต่งตัวของเขา ที่มันดูแตกต่างจากดีไซน์เนอร์คนอื่น ๆ ที่มักจะมาแบบเว่อร์ เกินมนุษย์คนธรรมดาจะใส่กัน

Virgil Abloh  กลับแต่งตัวเรียบง่ายด้วยเสื้อยืดไฮเอนด์ กับกางเกงยีนส์ แล้วรองเท้าดี ๆ สักคู่ จนเริ่มที่สร้างความแตกต่างบนโลกแฟชั่นในเวลานั่นได้ ให้หันมาแต่งน้อยแต่ได้มากเหมือนกับเขา

ในขณะที่เขากำลังรุ่งสุดขีด Virgil Abloh เปรียบดั่งต้นแบบสำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่อยากจะแต่งตัวตาม หรือแม้กระทั่งอยากจะรันวงการแฟชั่นเหมือนตัวเขาเอง ไม่ว่าจะเป็น Lukka Sabbat , A$ap Rocky , Ian Connor , A$ap Bari

ปัจจุบันหากจะพูดถึงความดัง และแง่ความสำเร็จของ Virgil Abloh และ OFF-WHITE ต้องบอกว่าเขาเทียบชั้น หรืออาจจะแซงหน้าอดีตคนที่เขาเคยเป็นเงาคอยผลักดันไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะ OFF-WHITE กลายเป็นแบรนด์ที่มีความต้องการมากที่สุดบนตลาด บวกกับการมี Flagship Store เป็นของตัวเอง และร้านที่สต๊อกสินค้าของเขามากมายทั่วโลก

และด้วยสิ่งที่เขาเชื่อในอดีต และเป้าหมายเบื้องต้นสำหรับการรวมเอา ไฮเอนด์ กับ สตรีทแวร์ เข้าด้วยกันถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเหมือนด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขา เราเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า Virgil Abloh ยังต้องมีโปรเจกต์คลั่ง ๆ ออกมาเขย่าโลกอีกอย่างแน่นอน