CARS

“VOLKSTORY” เรื่องราวระหว่างรถคลาสสิกกับผู้คนคือความสุขที่อยู่เหนือผลกำไร

By: SPLESS October 25, 2019

รถยนต์คลาสสิกของโฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ถือเป็นยนตรกรรมรุ่นเก๋าที่แม้วันเวลาจะเปลี่ยนผ่านไปนานแค่ไหน วิ่งสู้แดดร้อน โต้สายฝนและลมหนาวมากเพียงใด ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพเก่าหรือใหม่ ก็ยังคงได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกอยู่เสมอ

รวมถึงในประเทศไทยเรา ทุกคนคงคุ้นเคยกันดีกับสัญลักษณ์ “VW” เพราะยนตรกรรมคลาสสิกแบรนด์นี้ เป็นสิ่งที่หนุ่ม ๆ หลายคนหลงใหล ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านรูปลักษณ์ เอกลักษณ์ หรือเพราะความชื่นชอบที่ส่งต่อภายในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น กาลเวลาที่ผ่านมาไม่เคยลบโฟล์คสวาเกนลงจากท้องถนนได้เลย

ด้วยความนิยมและราคาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แบรนด์จึงถูกตีตราเป็นสินค้าเพื่อการลงทุนสำหรับคนบางกลุ่ม จนบางครั้งเรื่องราวที่มีของรถและคุณค่าทางจิตใจถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย

คุณจุ-จุรีพร กมลธรรมกุล (ซ้าย) และคุณเจ-ธเนส กมลธรรมกุล (ขวา)

แต่ก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน เพราะวันนี้ในประเทศไทยยังคงมีผู้คนมากมาย ที่หลงมนต์เสน่ห์และเรื่องราวทรงคุณค่าในรถโฟล์คสวาเกนแต่ละคันอยู่ หนึ่งในนั้นคือ คุณจุจุรีพร กมลธรรมกุล คุณเจ-ธเนส กมลธรรมกุล และ คุณรัตน์จุรีรัตน์ กมลธรรมกุล 3 พี่น้องที่นำความรักมาก่อตั้ง Volkstory BKK สถานที่ที่เริ่มต้นจากคนที่ชื่นชอบการปรับแต่งรถโฟล์คสวาเกนเป็นของตัวเองอย่างพวกเขา ที่พัฒนาสู่การสร้างธุรกิจร้านขายอะไหล่และรับซ่อมรถ รวมทั้งสร้างเพจ (ใช้ชื่อเดียวกัน) เพื่อเล่าเรื่องราวความชอบนี้เผยแพร่สู่สาธารณะ

ธุรกิจความรักที่เน้นการ “บอกเล่าเรื่องราวที่มีระหว่างรถและตัวบุคคล” มีจุดประสงค์เพื่ออะไร ? เริ่มต้นมาจากตอนไหน ? วันนี้มาทำความรู้จัก Volkstory BKK ให้เข้าใจมากขึ้นไปพร้อมกับเราได้เลย

เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ VolkStory BKK ให้ฟังหน่อยครับ

คุณจุ: เริ่มต้นจากเจเขามีความชอบและเริ่มปรับแต่ง Volkswagen ของตัวเองกับคุณน้าที่มีความรู้เรื่องรถเมื่อประมาณสองปีก่อน  ต่อมาจุก็ซื้อรถคันแรกพอดีเป็น Volkswagen Type 3 Squareback เพราะเราชอบ ในตอนนั้นคุณน้าก็แนะนำว่า ไหน ๆ มีรถแล้วก็ขายอะไหล่ไปเลย จะได้ต่อยอดเป็นธุรกิจได้ เราก็เลยลองสั่งมาขายดู ซึ่งก็นั่งเถียงกันอยู่ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี

เจเขาก็เลยนึกชื่อ VolkStory ขึ้นมา เราคิดว่าชื่อ VolkStory ก็ดีนะ ด้วยความที่เราอยากเล่าเรื่อง อยากจะแชร์คอนเทนต์​เรื่องราวที่เราทำขึ้น คนที่ร่วมก่อตั้งกับเราจริง ๆ แล้วมีทั้งหมด 3 คน คือมีจุ เจ พี่รัฐ​และมีเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อท็อป ที่เขาจะช่วยทำเบื้องหลังและเว็บไซต์ รวมถึงพี่ ๆ หลาย ๆ คนที่เข้ามาสนับสนุนเรา แต่ก็ไม่ได้ประสงค์จะออกนาม ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าทำแล้วจะมีคนชอบรึเปล่า

VolkStory BKK ให้บริการอะไรบ้าง?

คุณจุ: หลัก ๆ ของ VolkStory BKK คือนำเข้าและส่งออก ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ของโฟล์คสวาเกน ส่วนใหญ่เป็นรถตั้งแต่ปี 1976 ลงไป อีกส่วนคือตามชื่อของเราเลยคือ VolkStory คือการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรถโฟล์คสวาเกน เป็นรูปถ่ายเป็นวิดีโอเกี่ยวกับโปรเจกต์รถคันที่เราปั้นขึ้นมา หรือว่ารถของลูกค้าของเพื่อน ๆ  เราจะเป็นคนเล่าเรื่องรถที่ทำด้วยส่วนหนึ่ง

เริ่มต้นด้วยจากคนที่ไม่มีความรู้เรื่องรถมาก อะไรทำให้เราตัดสินใจที่จะลงมือทำอย่างมั่นใจ

คุณจุ: ส่วนตัวของจุเอง ชอบรถคลาสสิกมาตั้งแต่เด็ก เวลาไปไหนมาไหนกับคุณพ่อ พ่อก็จะชอบชี้ให้ดูว่า รถคันนี้นะ Mustang คันนี้เป็น Chevrolet Corvette เราก็จะซึมซับมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ว่าตอนที่มาทำ VolkStory BKK เราไม่ได้คาดหวังให้มันกลายมาเป็นธุรกิจที่ใหญ่โตหรือเลี้ยงชีพได้ แค่คิดว่า เราลองเอาอะไหล่มาลงขายเล่น ๆ ดู แล้วก็ทำคอนเทนต์ที่เราชอบก่อน ทำภาพให้สวย ทำวิดีโอให้สวย

เล่าเรื่องรถโบราณ รถคลาสสิกที่เรานำมา Repacked ให้ดูทันสมัยขึ้นในมุมของเรา เราก็อยากให้คนอื่นมองเห็นในมุมนี้ด้วย  ไม่ได้คาดหวังมากว่ามันจะต้องโตอะไรขนาดนั้น แต่กลายเป็นว่าพอทำแล้วก็มีคนที่ชอบ มีคนมาไลก์และแชร์สิ่งที่เราทำเยอะ รวมถึงมีข้อความส่งมาบอกว่าชอบงานของเรา มันก็เลยต่อยอดจากตรงนั้น

คุณเจ: เหมือนกับว่านอกจากเรานำเข้าอะไหล่แล้ว ลูกค้าบางส่วนก็อยากจะถ่ายภาพสวย ๆ กับรถยนต์ที่เขารัก หรือว่าอยากได้เป็นคลิปวิดีโอ จริง ๆ มีคนติดต่อเข้ามาเยอะมากว่าอยากให้เราไปถ่ายคนกับรถเป็นเรื่องราวของเขาเอง แต่บางครั้งเราก็ยังไม่มีเวลา  ตอนนี้ก็รอจังหวะเวลา หลายงานก็อาจจะเริ่มทำเร็ว ๆ นี้ครับ

ในยุคแรก รถที่ทำเป็นรถของใครบ้าง?

คุณจุ: ก็ผสมผสานกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรถที่เราปั้นขึ้นมาด้วย รวมถึงรถที่ลูกค้าเอามาฝากไว้ หรือเพื่อน ๆ พี่ที่มาฝากขาย

อะไรที่ทำให้ VolkStory อยากบอกเล่าเรื่องราวของรถยนต์แต่ละคันออกมา? 

คุณจุ: เรารู้สึกว่าบางคน เขามองว่ารถคลาสสิกเหมือนกับรถเศษเหล็ก หรือรถสภาพนี้เหรอที่ขายกันในราคา 400,000 ถึง 1,000,000 เอาเงินขนาดนี้ไปซื้อรถใหม่ดีกว่าไหม ? ซึ่งก็ไม่ผิดนะที่คนจะมองหรือตัดสินยังไง เพราะทัศนคติและมุมมองของคนเราไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความชอบหรือรสนิยม เหมือนกับศิลปะ ดนตรี ที่ไม่มีอะไรผิดอะไรถูก เราเองก็ไม่ควรดูถูกชอบความหรือรสนิยมของคนอื่น

แต่ในมุมมองเรา เราว่ารถพวกนี้เท่ คนอื่นมองยังไงเราไม่รู้นะ แต่สำหรับเรามันเป็นรถที่มีเสน่ห์เพราะโฟล์คสวาเกน คือรถที่เริ่มต้นการออกแบบโดยการวาดมือ ไม่ใช่คอมพิวเตอร์กราฟิก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นลายเส้นหรือความโค้งมนก็จะมีเสน่ห์ของตัวเองอยู่

คุณเจ: รวมถึงคนในยุคนั้นก็มีความละเอียดในการทำงาน เพราะยุคนั้นไม่ใช่ยุคของบริโภคนิยมเหมือนในปัจจุบัน ไม่ได้สร้างหรือทำอะไรออกมาเยอะจนเกินไป เพราะฉะนั้นการผลิตรถแต่ละคันออกมา เหล็กก็คือเหล็กทั้งคัน ไม่มีการเอาไฟเบอร์แปะอะไรแบบนั้น บอดี้รถทั้งคันทุกพาร์ต ตั้งแต่มือจับ ปุ่มล็อกประตู ทุกชิ้นมันเป็นเหล็กหมด

แม้แต่ความต่างของอะไหล่ยุคเก่าและยุคใหม่ที่ Reproduction ก็มีความละเอียดต่างกัน สังเกตจากคนที่เล่นรถโฟล์คสวาเกนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ก็พยายามตามหาอะไหล่เก่าแท้เท่านั้น เพราะในยุคก่อนเขาผลิตไม่มีการกั๊กวัสดุ เหล็กคือเหล็กเพียว ๆ ไม่มีอะลูมิเนียมผสม เมื่อก่อนมันไม่มีแบบนั้น ของยุคนั้นมาตรฐานและความแข็งแรงถือว่าดีมาก

เรารู้สึกว่าอยากถ่ายทอดตรงนี้ ให้คนที่อาจไม่ได้ชอบในรถคลาสสิก หรือว่ามือใหม่ที่อยากจะลองเล่นรถคลาสสิกได้ดู เป็นการส่งข้อความออกไปให้คนวงกว้างได้เห็นและเข้าใจกันมากขึ้น แต่เรื่องที่เขาจะชอบหรือไม่ชอบต่อจากนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะตัดสิน

เรียกว่าเริ่มต้นจากความหลงใหลได้ไหม?

คุณจุ: ใช่ค่ะ อย่างที่บอกมันเป็นการเริ่มต้นจากความชอบและความอยากจะแชร์ออกไป บางทีเราทำไว้ดูเอง อย่างพี่รัตน์หุ้นส่วนอีกคน เป็นพี่สาวที่ทำกราฟิกมาก่อน ทำพวกอาร์ตเวิร์กให้กับศิลปินแล้วก็เว็บดีไซน์ เราก็เอาตรงนั้นแหละมาผสมผสานกับรถคลาสสิกดู

เริ่มจากรถทุกสภาพไม่ว่าจะเก่าติดดินหรือสภาพดี?

คุณจุ: ใช่ค่ะ เราเริ่มกันจากฟื้นฟูเลย ไม่ว่าจะเป็นรถที่ขับได้ หรือพื้นผุ บอดี้ก็ผุหมด เครื่องก็มาตามสภาพการดูแล ตามกาลเวลา เราคิดว่าถือโอกาสเรียนรู้จากตอนทำรถแต่ละเลยแล้วกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง พาร์ตอะไหล่ต่าง ๆ ระหว่างฟื้นฟูจนกลับมาสวยงามเหมือนเดิม เสร็จแล้วก็หาโลเคชั่นที่จะเหมาะสมกับรถคันนั้น ๆ ถ่ายแล้วก็ตัดต่อออกมาในมุมมองของเรา

รถที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่ต้องดูแลอะไรบ้าง?

คุณจุ: ก็แตกต่างกันออกไป บางคันงานบอดี้ดีอยู่แล้ว เขาต้องการซ่อมบำรุงแค่เครื่อง ก็จะดูเป็นคัน ๆ ไป หรือว่าบางคันเครื่องยังอยู่ในสภาพดีอยู่ ต้องการเปลี่ยนแค่อะไหล่บางชิ้นให้มีความใหม่หรือทันสมัยขึ้น เราก็ให้คำปรึกษา แต่ถ้าบางคันมาในสภาพยับเยินมาก ต้องทำสีใหม่ เราก็ต้องคุยกับเขาให้เคลียร์ว่าบอดี้แบบนี้ อยากได้เป็นแบบออริจินัลแท้ หรือว่าจะเป็นอเมริกันสไตล์ที่โฉบเฉี่ยวขึ้นมาหน่อย

บางคนก็ต้องการทำรถที่เป็นแบบแท้เดิมเท่านั้น ส่วนบางคนที่เขาคิดนอกกรอบหน่อยไม่ได้ซีเรียสมาก ใช้อะไหล่แบบ Reproduction บ้างก็ได้ หรือแต่งแบบ California Look แบบอเมริกันสไตล์ โหลดต่ำ ๆ ล้อแบะหน่อย หรือบางคันก็ถอดกันชนหน้า-หลังออกไปเลย หรือจะติดตัวกันหิมะข้างหน้าเข้าไป มีทั้งรูปแบบดั้งเดิมแล้วก็คนที่คิดนอกกรอบอยากทำอะไรที่มันแตกต่าง

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามานิยมทำสไตล์ไหนมากกว่ากัน ?

คุณจุ: จริง ๆ ถ้าวัดเปอร์เซ็นต์คนแต่งเดิมก็จะเยอะกว่า คนในบ้านเราจะชอบแต่งกลับให้เหมือนเดิม

เราได้อะไรบ้างระหว่างคืนชีพรถแต่ละคันขึ้นมา รู้สึกอย่างไรเมื่อทำแบบนี้?

คุณจุ: สนุกค่ะ ยกตัวอย่างแค่เรื่องเครื่องยนต์ เราเองก็จะมีตัวอย่างให้เขาดูเยอะ รวมถึงเสนอชิ้นส่วนใหม่ ๆ อะไหล่บางชิ้นที่ไม่เคยมีใครเอาเข้ามา เราก็จะถามลูกค้าว่าลองชิ้นนี้ไหม แตกต่างดี หรือว่ามีคันเกียร์ที่เป็นรุ่น Limited Edition ที่ทำขึ้นมาเฉพาะตามใบสั่งเท่านั้น เราก็จะเสนอไป

ด้วยความที่เราทำรถแต่ละคันแล้วโจทย์ไม่เหมือนกัน เราก็ได้เรียนรู้พาร์ตอะไหล่ส่วนต่าง ๆ และในเวลาเดียวกันก็ได้ความรู้จากลูกค้าเยอะมาก เพราะบางคนเขาเป็นรุ่นเก๋าที่เล่นมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม เขาก็จะแลกเปลี่ยนและสอนเราในหลายเรื่อง เราเองก็ถือว่าตัวเองเป็นมือใหม่เพราะเพิ่งทำได้ประมาณ 4 ปี มันเหมือนการ Connect กันเพราะรถคันหนึ่ง มันมีเรื่องราวเยอะ

VolkStory มีกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าเป็นพิเศษไหม?

คุณจุ: ที่จริงเราไม่มีค่ะ เราพร้อมต้อนรับลูกค้าทุกเพศทุกวัย แต่ในใจลึก ๆ เราก็อยากให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมามีโอกาสได้เล่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะมีอายุระหว่าง 30 ปีขึ้น แต่นักศึกษาที่เป็นเด็กปี 1 – 2 ก็เริ่มมีเยอะขึ้น แต่เด็กสุดเป็นเด็กมัธยมเลยที่เขาก็จะมากับคุณพ่อ เพราะมีโอกาสได้เห็นรูปที่คุณพ่อเขาโชว์ให้ดูตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ

ได้ยินว่ามีออเดอร์ให้ทำรถมาจากต่างประเทศด้วย ลูกค้าต่างประเทศรู้จักเราได้ยังไงครับ?

คุณจุ:  ส่วนใหญ่ก็มาจากเว็บไซต์ด้วย ส่วนหนึ่งก็มาจากเพจ Facebook แต่จริง ๆ แล้วโฟล์คสวาเกนจะมีคอมมูนิตี้ที่ใหญ่มากที่ชื่อว่า TheSamba.com ซึ่งคนเล่นกลุ่มนี้เขาจะมีความย้อนยุคอย่างหนึ่งคือ ยังชอบเล่นเว็บบอร์ดกันอยู่ จะมีคนมาโพสต์ว่าหาอะไหล่ชิ้นนี้ หรือใครมีอะไรเก่าแท้ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานก็จะมาโพสต์ขายกัน กลุ่มลูกค้าต่างประเทศก็จะรู้จักเราผ่านทางนั้นด้วย

รวมถึงตอนมีโอกาสได้ไปที่ประเทศเยอรมนี เป็นการเดินทางไปเทศกาลของโฟล์คสวาเกน เราก็เอานามบัตรไปแจกใครหลาย ๆ คน ก็ได้ลูกค้าที่บอกกันปากต่อปากมาจากตอนนั้นด้วย บางทีมีลูกค้า Walk-in มาจากประเทศโรมาเนียหรือจากประเทศกรีซ อยู่ดี ๆ ก็มากดออดหน้าบ้านเลยก็มี

คิดว่าจุดเด่นในการทำรถของ VolkStory BKK คืออะไร?

คุณจุ: ถ้าพูดถึงเรื่อง Custom เราคิดว่าตัวเองยังไม่มีฝีมือขนาดนั้น เราคิดว่าเราอยู่ตรงกลางคือไม่ได้ขายอะไหล่อย่างเดียว หรือว่าเป็นนักปั้นรถฝีมือระดับมืออาชีพ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราเป็นเหมือนนักเล่าเรื่องไปด้วย เป็นเหมือน 3 สิ่งนี้มารวมกัน เพราะฉะนั้นคนที่มาร้านเรา บางครั้งเขาก็ต้องการเยี่ยมชม มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันกับพวกเรา บางคนก็ชอบในความคลีนของเรา เพราะเราทำออกมาในสไตล์มินิมัลที่ไม่ได้แต่งเสริมอะไรเยอะ ลูกค้าที่เข้ามาก็อาจจะชอบในจุดนั้น

บางคนก็บอกว่า เราคุยกันเข้าใจง่ายและสบายใจกว่า เพราะเราไม่ได้มีกรอบว่า คุณจะต้องทำรถให้เหมือนเดิมเท่านั้น คุณอยากได้รถสไตล์ไหนเราก็พร้อมทำให้ได้ อาจจะเพราะเรายังมือใหม่ เราเองก็ยังไม่มีความกลัว ถ้าพูดง่าย ๆ บางครั้งก็อาจเกิดความรู้สึกว่า มาลองดู มาลองทำไปพร้อมกันว่าจะเป็นยังไง

สำหรับ Volkstory BKK ระหว่างขั้นตอนการหาอะไหล่กับขั้นตอนการซ่อม อะไรท้าทายกว่ากัน?

คุณจุ: อันนี้แล้วแต่รุ่นเลยค่ะ ถ้าเป็น Volkswagen Beetle เดี๋ยวนี้อะไหล่ของเขาผลิตออกมาเยอะ ทำให้หาไม่ยากมาก แต่ที่จริงแล้วในการซ่อมก็ไม่ยากเท่าหาอะไหล่ ยกตัวอย่างรถรุ่นจอไข่ปีลึก ๆ หรือว่าตัวหน้า V ลูกค้าบางคนก็อยากได้ของแท้เท่านั้น หรือ Volkswagen Karmann Ghia เปิดประทุนอะไหล่บางอย่างมันแทบจะหาไม่ได้แล้ว

คุณเจ: ขึ้นอยู่กับจังหวะเลยครับ ไม่ใช่ว่าวันนี้ ตอนนี้จะเอา หรือจะเอาให้ได้ภายในเดือนนี้แล้วจะได้เลย เพราะทางเราก็ต้องส่งอีเมลไปทางเยอรมนีหรือเบลเยียม ซึ่งเป็นเพื่อนของเรา เช่น บอกไปว่าอยากได้อะไหล่ชิ้นนี้จากรุ่นนี้ ก็ต้องถามก่อนและต้องใช้เวลาในการตามหา รวมถึงราคาของอะไหล่บางชิ้นก็ค่อนข้างสูงมาก

อะไหล่ของคันไหนหายากที่สุดตั้งแต่เคยทำมา?

คุณจุ: ก็น่าจะเป็น Volkswagen Karmann Ghia เปิดประทุน ตอนนั้นลูกค้าอยากได้แค่กระจกมองหลังของเก่าแท้ ที่ของใหม่ก็มีผลิตออกมา แต่เก่าแท้มันดีกว่า ทนกว่า ชิ้นนี้ใช้เวลาตามหาประมาณ 4 เดือน ให้เพื่อนส่งมาให้จากต่างประเทศ

การทำรถ Volkswagen การลงทุนและลงเวลาสูงไหม?

คุณจุ: ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงค่ะ อะไหล่บางชิ้นเราไม่ได้คิดว่าจะขาย บางชิ้นเราซื้อมาเพราะความชอบ และรู้สึกว่ามันเป็นแรร์ไอเทม คิดว่าวันหนึ่งคงต้องได้ใช้งาน เผื่อวันหนึ่งเราปั้นรถรุ่นนี้ หรือลูกค้าอยากได้ชิ้นนี้ขึ้นมา จะต้องมีวันได้ใช้ แต่เราไม่รู้หรอกว่าจะ 1 ปีหรือ 2 ปี กว่าเราจะได้ใช้อะไหล่ชิ้นที่ซื้อมา เราก็ซื้อมาก่อนเพื่อมาสต็อกเก็บไว้

อู่ของ VolkstoryBKK รับรถเข้ามาทำสูงสุดครั้งละกี่คัน?

คุณจุ: ถ้าเข้ามาซ่อมเรารับได้ตลอดเลยค่ะ แต่ว่าถ้า Restoration ทั้งคันเลย ปีหนึ่งก็ได้ประมาณ 4-5 คัน เพราะส่วนตัวเราเองก็มีงานอย่างอื่นกันด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องแบ่งเวลาให้ดี ซึ่งรถคันหนึ่งเราตีว่ากินเวลาประมาณ 4 เดือนตั้งแต่เลาะกระดองออกมา เปลี่ยนส่วนต่าง ๆ ตามสภาพ

คุณเจ: เรามองว่าบางทีถ้าเรารับรถเข้ามาทำเยอะ ๆ พร้อมกัน แล้วเกิดเราดูแลไม่ทั่วถึงก็จะไม่เป็นผลดีต่อลูกค้า เราก็อยากจะทำให้ออกมาดีที่สุดทุกคัน และยอมรับว่าเราไม่ได้ทำรถออกมาถึงขั้นเพอร์เฟกต์ทุกคัน มันก็มีข้อผิดพลาดบ้างซึ่งเราก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไป เราเลยต้องการเวลาสำหรับดูแลรถแต่ละคันพอสมควร

รถคันไหนที่ใช้เวลานานสุดเท่าที่เคยทำมา?

คุณจุ: ก็คงจะเป็น Volkswagen type 3 ค่ะ เป็นรถของเราเอง ถือเป็นรถคันแรกเลยที่ซื้อมาปั้นกัน ตอนนั้นคุณน้าเขาไปดูที่กาญจนบุรี ก่อนจะส่งมาให้เราซึ่งมันค่อนข้างผุเยอะมาก ด้วยความที่เป็นรถเราเอง เราก็อยากให้มันออกมาดีเลยค่อนข้างจุกจิกในรายละเอียดต่าง ๆ

เราชอบคันนี้ เพราะเราชอบประเภท Van และ Wagon มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว รวมถึงรถที่มาเขาเป็นสีเบจซึ่งเป็นโทนสีที่เราชอบอยู่แล้ว เราก็ลงไปดูตั้งแต่แรกเลย ตั้งแต่ช่วงล่างระบบทุกอย่าง ช่างที่ทำก็จะโทรมาบอกเป็นระยะว่าอะไหล่ชิ้นนี้ขาด เราก็มาเปิดหนังสือไล่ดูไปทีละชิ้น ๆ ความยากมันก็จะอยู่ตรงนี้ ซึ่งพอทำเสร็จกลายเป็นเราได้เรียนรู้เลยว่ารถแต่ละคันมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

แล้วส่วนที่ยากที่สุดในการทำรถสำหรับเราคืออะไร?

คุณจุ: ส่วนที่ยากที่สุดคงจะเป็น การตอบโจทย์ลูกค้า คล้าย ๆ กับงานกราฟิกดีไซน์ที่เราทำ คือมันจะมีบรีฟมาว่าลูกค้าต้องการเป็นแบบนี้นะ ฟอนต์ต้องเป็นแบบนี้ สีต้องได้แบบนี้ ทำรถเองก็เหมือนกัน เพราะรถก็มีรายละเอียดการทำแต่ละคันต่างกันออกไป

บางทีถึงเราคุยละเอียดแล้วก็ตาม แต่ก็มีงานบางจุดที่อาจจะพลาดได้ หรือเราและลูกค้ามองเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งต้องบอกก่อนว่าข้อผิดพลาดในการทำรถทุกคันอาจมีบ้าง เราเองก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไป ดังนั้นส่วนที่ยากที่สุดคือการตอบสนองความต้องการของคน เพราะลูกค้าแต่ละคน รถแต่ละคันมีความต้องการไม่เหมือนกัน

ถ้าให้แนะนำสำหรับคนที่เริ่มต้นอยากเล่น Volkswagen Classic จะให้คำแนะนำยังไงบ้าง?

คุณจุ: เบื้องต้นเราคงแนะนำให้คุยกันกับที่บ้าน กับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องก่อน เพราะมีบางครั้งที่ลูกค้าผู้ชายมาแล้วมีแฟนนั่งอยู่ข้าง ๆ พอคุยกันไปราคาทำมันก็เริ่มขึ้นก็อาจจะไม่เข้าใจกัน หรือบางคนแอบพ่อ-แม่มาซื้อ เรารู้สึกว่าอยากให้คนที่พร้อมจริง ๆ ก่อนค่อยเริ่มตัดสินใจที่จะซื้อหรือทำรถ

คุณเจ: บางครั้งเราก็ต้องให้มันเป็นความฝันไปก่อน ดูคลิป ดูอะไรหาแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง รวมถึงหาความรู้ให้เยอะที่สุดเกี่ยวกับรถที่เราชอบ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจริง ๆ เราจะได้มีความรู้ในเรื่องนั้นด้วย ไม่ต้องไปโดนอู่ไหนหลอก ภาพในหัวของตัวเราเองต้องชัดก่อนว่าตัวเองอยากจะได้รถรุ่นไหน เพราะรถแต่ละรุ่นแต่ละปี มันก็จะมีรายละเอียดที่ต่าง ๆ อย่างละนิดอย่างละหน่อย รวมถึงตั้ง Budget ที่ตัวเองมีและสบายใจ เวลาที่อยากทำก็จะง่ายมากขึ้น

เพราะตอนนี้ราคาของรถคลาสสิกมันขึ้นมาสูงมาก ๆ มันจะไม่เหมือนช่วง 10 – 20 ปีที่แล้วที่ยังมีราคาถูกอยู่ บางคันบางรุ่นมันขึ้นมาเป็น 10 เท่า เพราะฉะนั้นถ้าจะเล่นเพราะชอบและรักก็โอเคเข้ามาเลย แต่ถ้าคิดว่าจะเข้ามาทำเพื่อเก็งกำไรอันนั้นเราก็ไม่แนะนำ เพราะทุกอย่างตอนนี้แพงหมด และเพดานราคามันใกล้จะตันแล้ว

ราคาของรถเพิ่มขึ้นมาขนาดนี้ ราคาค่าฝีมือของช่างเพิ่มขึ้นบ้างไหม?

คุณจุ: ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับตัวของช่างเอง และโลเคชั่นของอู่ เพราะช่างแต่ละคนก็มีค่าคอร์สของตัวเองไม่เท่ากัน แต่ในส่วนของเรามองว่าช่างเป็นงานที่เหนื่อยมากจริง ๆ เขาเป็นอาชีพที่เหนื่อย บางคนมือคราบน้ำมันกัดจนเป็นแผลและต้องอยู่กับรถตลอดเวลา ตั้งแต่สภาพเยิน ๆ รถบางคันเราเห็นเรายังรู้สึกท้อเลย แต่ช่างเขาต้องมานั่งตัดสนิมออกทีละชิ้น  ๆ นั่งปะ นั่งแก้

เรารู้สึกว่าช่างทำรถเป็นวิชาชีพที่ต้องใช้งานฝีมือ เป็นงานที่ควรส่งเสริมมาก เพราะในประเทศไทยเรามีช่างเก่ง ๆ และมีความชำนาญเยอะ ต่างประเทศเอารถเขามาให้ช่างในบ้านเราทำกันเยอะมาก ทำให้เป็นอาชีพที่ควรส่งเสริมและมีค่าแรงที่ดีมากกว่านี้

เอาสิ่งที่ตัวเองชอบมาต่อยอดทำเป็นธุรกิจได้ รู้สึกยังไงบ้าง?

คุณเจ: ถือว่ามีความสุขครับ แต่จริง ๆ แล้วความหลงใหลของผมอีกเรื่องหนึ่งคือ ชอบทำอาหารครับ (หัวเราะ) แต่เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่ทำภาพหรือว่าวิดีโอเกี่ยวกับ Volkswagen ออกมาและทำให้มันมีคุณภาพ ก็เหมือนกับเราได้ทำอาหารดี ๆ ให้คนได้กินกัน เพียงแต่รถที่เราทำคนจะมีโอกาสได้ลิ้มรสมันผ่านทางสายตาแทน หรือการที่เราหาอะไหล่ที่ดีให้กับลูกค้า ถ้าเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้วมีความสุข ตัวเราเองก็มีความสุขครับ

เดินทางเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ต่อไป Volkstory BKK วางแผนเกี่ยวกับอนาคตไว้ยังไงบ้าง

คุณจุ: ที่ฝันกันไว้ ก็อยากจะเปิดเป็นคาเฟ่ ด้วยความที่เจชอบทำขนม ทำอาหาร ด้านหน้าของร้านก็อยากเปิดให้คนมานั่งชิลกันและได้นั่งชมรถคลาสสิกด้วย สำหรับคนที่อยากมาดูกัน และอยากจะเปิดเป็น Live House เล็ก ๆ ไว้ให้เพื่อน ๆ ที่เล่นดนตรีมาเล่นกัน และสุดท้ายคือเราอยากจะทำ Classic Story ทำคอนเทนต์เล่าเรื่องราวของรถ Volkswagen แต่ละคัน ไม่ว่าจะเป็นรถของเราหรือรถของลูกค้าที่ต้องการจะแบ่งปันเรื่องราวระหว่างตัวเขาและรถคันโปรด ซึ่งจะลองเริ่มลงมือทำในเร็ว ๆ นี้

ทั้งหมดคือเรื่องราวและเหตุผล ก่อนทุกอย่างจะเกิดเป็น Volkstory BKK ในวันนี้ จุดเริ่มต้นจากกลุ่มคนที่แม้ตอนแรกพวกเขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์คลาสสิกของโฟล์คสวาเกนมากนัก แต่อาศัยความหลงใหล อาศัยการได้พูดคุยและออกแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ  รวมถึงแลกเปลี่ยนกับผู้คนที่มีพื้นฐานความหลงใหลในสิ่งเดียวกัน จนกลายเป็นความรู้ความเชี่ยวชาญที่แข็งแรงมากขึ้น และแน่นอนพวกเขาทั้ง 3 คน รวมถึงทีมงานของ Volkstory BKK ก็ไม่ลืมสิ่งที่ตัวเองอยากทำมากที่สุด

สิ่งนั้นคือการถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างผู้คนและยนตรกรรมคลาสสิกเหล่านี้ออกไป แม้ว่าวันหนึ่งรถเหล่านี้อาจไม่สามารถวิ่งต่อไปได้อีกเพราะกาลเวลากัดกร่อน แต่ในวันนั้นเรื่องราวของรถโฟล์คสวาเกนและกลุ่มคนที่หลงใหล ซึ่งถูกบันทึกไว้ในตอนนี้จะยังวิ่งต่อไปให้คนรุ่นหลังได้ทำความรู้จักแบบไม่รู้จบและไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา

 


Photographer : Krittapas Suttikittibut

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line